บทที่ 8 หาแนวร่วม
ภายในแคว้นเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ บัดนี้ผู้คนน้อยลงบางตาแทบจะเป็นเมืองร้าง เนื่องด้วยภาษีขึ้นมาเป็นสองเท่าจากภาษีเดิม อีกทั้งทหารข่มเหงราษฎรให้จ่ายภาษีสูงขึ้น เพื่อเข้าท้องพระคลัง เพราะหยางหลี่ต้าหวางจะสร้างตำหนักใหม่ให้กับเมิงหรูปาจื่อ อดีตของนางเป็นอี๋เหนียงของจางอวี้โหว หยางหลี่ต้องใจจึงนำมาเป็นฟูเหริน ซึ่งจางอวี้โหวขัดรับสั่งไม่ได้ ถึงต้องยกนางให้ (อี๋เหนียง แปลว่า เมียน้อย)
เมื่อทางการต้องการส่วยภาษีมากขึ้น ก็ต้องขู่บังคับ อีกทั้งขุนนางส่วนหนึ่งรับการกระทำเช่นนี้ไม่ได้ พวกเขาก็ถูกตัดหัว หรือไม่ก็โดนห้าม้าแยกร่าง ด้วยขันคำสั่งต้าหวาง การกระทำเช่นนี้สร้างความไม่พอใจให้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่และผู้น้อยส่วนมาก
ภายในท้องพระโรงของแคว้นเซี่ย ขุนนางยืนรอหยางหลี่ต้าหวางจะออกว่าราชการทุกวัน โดยส่วนใหญ่อดีตต้าหวางจะออกว่าราชการในยามเฉิน ถ้าช้าหน่อยก็ไม่เกินยามซื่อ แต่หยางหลี่ต้าหวางจะออกว่าราชการในยามอู่ บางครั้งก็ไม่ออกว่าราชการติดต่อกันสามวัน ผู้ใดจะถวายฎีกาต้องรอ ถ้าไม่รอก็มอบให้เว่ยจวงไท่โฮ่วเป็นคนรับเรื่อง (ยามเฉิน คือเวลา 07.00-08.59 / ยามซื่อ คือเวลา 09.00-10.59 / ยามอู่ 11.00-12.59)
ทุกสิ่งทุกอย่างเว่ยจวงเป็นคนจัดการทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่การบริหารราชการแผ่นดินนางจะเป็นคนออกความคิดเห็น ถ้าใครโต้แย้งนางให้นางเสียหน้า ขุนนางเหล่านั้นก็จะโดนสั่งโบย ถ้าหนักหน่อยขุนนางผู้นั้นก็โดนห้าม้าแยกร่าง ทำให้ขุนนางไม่อยากรับราชการต่อเป็นจำนวนมาก บางคนก็ลาออกจากราชการอยู่บ้าน ไม่ก็ออกจากเมืองหลวงไปทำมาหากินที่อื่น บางคนก็โดนซื้อตัวไปอยู่แคว้นหานหรือแคว้นอื่นๆ ซึ่งเป็นช่องว่างให้ขุนนางฉกฉวยโอกาสนำเรื่องในราชสำนักและความลับของแคว้นออกไป
“ทุกวันนี้ผู้คนลำบากมากขึ้นจากการขึ้นภาษีของต้าหวาง ที่ขึ้นเป็นสองเท่า ขณะที่ข้าวของทุกสิ่งทุกอย่างต่างขึ้นราคา จนผู้คนออกไปยังแคว้นตัน และแคว้นหาน ได้ข่าวว่าจะขึ้นภาษีเพื่อไปซ่อมเยว่หัวกงของไท่โฮ่วและสร้างตำหนักใหม่ให้เมิงหรูฟูเหริน”
ขุนนางนามว่าฮกโซ่เอ่ยบอกกับหานตงผู้เป็นต้าซือคงแห่งแคว้นเซี่ยมาถึงสองรัชกาล ขณะที่เดินลงบันไดหน้า
“ใต้เท้าหานต้องทูลเรื่องภาษีกับต้าหวางให้ชะลอการขึ้นส่วยภาษี ไม่เช่นนั้นชาวบ้านน้องเดือดร้อนเป็นแน่ ดีไม่ดีพวกเขาอาจก่อกบฏขึ้นได้” ไป๋หลิวเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหนักใจ
“ข้าเคยทูลเรื่องนี้กับต้าหวางแล้ว พระองค์ไม่ยอมฟังที่ข้าทัดทาน เห็นทีสกุลหยางคงสิ้นในตอนที่ข้ายังอยู่” หานตงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหมดอาลัย แล้วหันไปมองพระราชวังแคว้นเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ในสามแคว้นที่เขาและอดีตต้าหวางเพียรสร้างต้องล่มสลายไปจริงๆ หรือ
หานตงลงจากรถม้าก้าวเดินขึ้นจวน บ่าวรับใช้ก้มหัวให้เขาขณะที่เดินผ่าน เขามองไปยังห้องโถงเห็นและนั่งลงที่โต๊ะทำงาน บ่อบ้างรินน้ำชาให้เขาเช่นทุกครั้ง ชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวเดินเข้ามาคารวะหานตง
“ใต้เท้า มีชายผู้หนึ่งเขาชื่อว่าหวางเปินต้องการพบท่าน” บ่าวรับใช้ผู้นี้เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนอบน้อม หานตงคลับคล้ายคลับคลาชื่อหวางเปิ่น
“หวางเปิ่น หวางเปิ่น แม่ทัพหวาง เจ้าเรียกแม่ทัพหวางเข้ามา” หานตงเอ่ยบอกเช่นนี้ ไม่นานนักหวางเปิ่นก้าวเดินเข้ามา หานตงลุกขึ้นยืน
“ข้าดีใจที่ได้เจอท่านอีกครั้งใต้เท้าหาน” หวางเปินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“แม่ทัพหวางเชิญนั่ง” หานตงเอ่ยบอก
“หลายปีแล้วที่ข้าไม่ได้กลับมาเมืองหลวง” หวางเปินเอ่ยบอกและนั่งลง บนเบาะนั่งตรงหน้ามีโต๊ะยาวพอดีตัว บ่าวรับใช้นำน้ำชาดอกเหมยวางบนโต๊ะให้กับเขา
“ท่านเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยดื่มชาก่อนเถิด” หานตงเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม หวางเปิ่นดื่มน้ำชาหนึ่งคำแล้ววางลง
“ข้ามีการสำคัญจะพูดคุยกับท่าน” หวางเปินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พวกเจ้าออกไปก่อน” หานตงเอ่ยบอกบ่าวรับใช้ บ่าวรับใช้ก้มหัวแล้วก้าวเดินออกไปจนหมด โดยพ่อบ้านเดินออกเป็นคนสุดท้าย และปิดประตูลงทันที
“ใต้เท้าอิ๋งฝากคำใดมาถึงข้าหรือ” หานตงเอ่ยถามหวางเปินด้วยความสงสัย เมื่อเห็นสีหน้าของหวางเปินเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“ตอนนี้หยางจิ้นหวางเย่และหมี่ฟูเหรินยังไม่ตาย พวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของใต้เท้าอิ๋ง” หวางเปินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้หานตงรู้สึกแปลกใจและตกใจในคราวเดียวกัน
“เห็นว่าหมี่ฟูเหริน และจิ้นหวางเย่ตายตกเหวไปแล้วไม่ใช่หรือ”
“ความจริงแล้วเฟยหรงช่วยชีวิตพวกเขาสองคนเอาไว้” หวางเปินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พูดก็พูดเถอะ สถานการณ์ตอนนี้ ในเมืองหลวงวิกฤตยิ่งนัก ข้าวยากหมากแพง แพงขึ้นทุกสิ่งทุกอย่าง และขึ้นเป็นสองเท่ามากกว่าอดีตต้าหวาง เพราะต้าหวางกำลังสร้างตำหนักหลังใหม่ใหญ่ให้เมิงหรูฟูเหริน ผิงเฟยพระองค์ใหม่ที่พระองค์โปรดปราน นางเคยเป็นอิ๋เหนียงของจางอวี้โหว ด้วยพระองค์พึงพอใจนางเป็นอันมากจึงขอนางจากจางอวี้ จางอวี้ขัดคำสั่งไม่ได้จึงยกนางให้ไป”
“ข้าได้ยินเรื่องนี้มาสักพักแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเป็นความจริง” หวางเปินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหดหู่ใจที่ได้ยินว่าต้าหวางแคว้นเซี่ยไปเอาอี๋เหนียงของผู้อื่นมาครอบครอง
“ทุกวันนี้ชาวเมืองต่างออกไปยังแคว้นหานและแคว้นตันที่อยู่ใกล้เรา อีกทั้งในเมืองเสียงหู่ ซ่องโจรผู้ร้ายชุกชุม จี้ปล้นไม่เว้นแต่ละวัน เหมืองหลวงแทบจะเป็นเมืองร้างอยู่แล้ว” หานตงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสังเวทใจอย่างมาก
“ความจริงแล้วบัลลังก์ของแคว้นเซี่ยต้องเป็นของจิ้นหวางเย่” หวางเปิ่นเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทำไมบัลลังก์ต้องเป็นของจิ้นหวางเย่ ในเมื่อจิ้นหวางเย่เป็นหวางเย่คนที่ห้า อีกทั้งเป็นลูกของหมี่ฟูเหริน ถ้าต้าหวางและเหมิงหยางเย่ยังไม่ตาย จิ้นหวางเย่ก็ยังไม่สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้” หานตงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตอนนี้ในมือของหมี่ฟูเหรินมีพระราชโองการอยู่ในมือแต่งตั้งจิ้นหวางเย่เป็นต้าหวาง ใต้เท้าหานท่านจะขัดพระราชโองการได้หรือ” หวางเปิ่นเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พรุ่งนี้เช้าข้าจะเดินทางไปพบนาง”
........................................
ขออนุญาตเขียนเรื่องราวให้สมูทก่อนน๊า เรื่องนี้ NC 3P จัดเต็มแน่นอนจ้า
อย่าลืม! กดหัวใจ และ เขียนคอมเม้นท์มาพูดคุยกันบ้างน๊า ไรท์จะได้ไม่เหงา
ไรท์ชอบอ่านคอมเม้นท์ของทุกท่าน และพยายามตอบกลับทุกคอมเม้นท์
