ไปมาหาสู่
บทที่ 6 ไปมาหาสู่
หลังจากวันนั้นที่เสิ่นจิ้นมาเยี่ยมเยือน เขาก็มาบ่อยครั้งพอทำให้สวี่หยางคลายเหงาลงได้บ้าง เพราะตั้งแต่คืนแรกที่เข้าหอเสิ่นเกาหลานมิเคยมาหานางอีกเลย นางพบเขาเพียงแค่กินอาหารเช้าร่วมกันราวกับทำเป็นหน้าที่ที่นางต้องทำในทุกวัน สาวใช้ในเรือนก็มีแต่คนกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ ความโดดเดี่ยวท่ามกลางหัวใจของสวี่หยางราวกับถูกหิมะปกคลุม
"พี่สะใภ้วันนี้ข้าได้ปลามาจากตลาดหวนคิดถึงท่าน เย็นนี้ข้ามาฝากท้องที่นี่ได้หรือไม่ขอรับ?" เสิ่นจิ้นร่าเริงมักสร้างเสียงหัวเราะให้แก่สวี่หยางเมื่อพบเสมอ
"เหตุใดจะไม่ได้กันเจ้าคะ นำปลามานี่เถิดข้าจะให้สาวใช้ไปจัดการยามนี้ตะวันคล้อยต่ำลงไม่นานท่านพี่คงจะกลับมา " ดวงตาปรากฎรอยยิ้มส่งผ่านใบหน้ายื่นมือรับปลาจากเสิ่นจิ้นแต่แล้วจู่ ๆ นางต้องชะงักมือหยุดนิ่งรอยยิ้มเจือจางลงเมื่อถูกเสิ่นจิ้นเอ่ยถาม
"ข้าขอละลาบละล้วงได้หรือไม่ขอรับ ? แม้ว่าจะดูว่าข้าไร้มารยาทก็ตาม เสมือนท่านทั้งสองไม่มีความสุขเลยที่อยู่ด้วยกัน"
"ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้ากับคุณชายเสิ่นเกาหลานรักกันดี นำปลามาให้ข้าก่อนสิเจ้าคะข้าจะนำไปให้สาวใช้ที่โรงครัว" สวี่หยางครุ่นคิดเพียงครู่รีบตอบกลับโดยเร็วไม่ใช่เพียงแต่เสิ่นจิ้นที่สงสัยในข้อนี้แม้แต่สาวใช้ต่างก็พากันพูดถึงเรื่องนี้ไม่เว้นแต่ละวัน
"ไม่เป็นอันใดขอรับข้าจะถือไปเองเราไปด้วยกันดีกว่า จริงสิท่านแม่บอกว่าหากพี่สะใภ้ว่าง ๆ ไปหาท่านแม่ที่เรือนได้นะขอรับ หากท่านไปท่านแม่คงดีใจไม่น้อย" เสิ่นจิ้นเห็นสีหน้าไม่ดีของสวี่หยางรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที แม้จะยังสงสัยอยู่เพราะแววตาของนางที่ปรากฎในยามที่เขามาหาแต่ละครั้งมีเพียงความว่างเปล่าและเย็นยะเยือก
"จริงสิ!! ข้าลืมได้อย่างไรตั้งแต่วันที่แต่งเข้าเรือนมายังไม่ได้ไปคารวะท่านพ่อท่านแม่เลย ข้าเป็นสะใภ้ที่ไม่ดีเลย เช่นนั้นฝากไปบอกท่านแม่ด้วยนะเจ้าคะอีกสองวันข้าจะไปเยือน"
"ได้ขอรับ"
รอยยิ้มของเสิ่นจิ้นดวงตาที่เปล่งประกายยามมองสวี่หยางทำให้สายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องอยู่เริ่มไม่พอใจ
"อะแฮ่ม! "
เสียงกระแอมหนึ่งของบุคคลที่เดินเข้ามาจากด้านนอกทำให้ทั้งสองหัน
ควับมามองด้วยความสนใจ
"ท่านพี่มาได้เวลาพอดีเลยขอรับ วันนี้ข้าได้ปลามาจากตลาดจึงคิดถึงท่านพี่กับพี่สะใภ้หากได้ซดน้ำแกงร้อน ๆ คงดีต่อร่างกาย "เสิ่นจิ้นรีบเก็บสีหน้าแววตาที่มองสวี่หยางอย่างเป็นห่วงยิ้มกว้างให้พี่ชายของตนพร้อมชูปลาที่เขาได้มาให้เสิ่นเกาหลานดู
"เช่นนั้นหรอกหรือ ? เสิ่นจิ้นเจ้ามีอายุถึงเวลาออกเย้าออกเรือนยังไม่มีสตรีที่หมายปองอย่างนั้นหรือ ? เจ้าจะได้รับหน้าที่ต่อจากท่านพ่อให้ท่านพ่อเบาแรงลงบ้าง"
"ท่านพี่ข้ายังเด็กนัก ขออยู่เยี่ยงนี้อีกสักหน่อยก่อนขอรับ ข้ายังไม่พบเจอสตรีที่หมายตาเลย" เอ่ยหนึ่งคำชำเรืองตาไปมองสวี่หยางควับหนึ่งก่อนจะหันไปหาเสิ่นเกาหลาน
"คุณชายรองหากท่านยังไม่หมายตาสตรีใดสนใจอยากพบเจอน้องสาวของข้าหรือไม่ ? แต่ท่านคงได้เห็นนางแล้วในวันงานมงคลท่านไม่สนใจนางเลยหรือเจ้าคะ? ใบหน้าของนางทั้งกิริยามารยาทล้วนดีกว่าข้ามากมายแถมตอนนี้นางก็ถึงวัยปักปิ่นแล้วด้วย คุณชายรองเป็นคนดีหากนางได้แต่งกับท่านข้าเองก็เบาใจ" สวี่หยางหลายวันมานี้เห็นเสิ่นจิ้นที่มาหาสู่ นิสัยใจคอเป็นคนดีมีเมตตาหากเจี่ยฟางได้เขาเป็นสามีคงจะดีไม่น้อย นางมิอยากให้เจี่ยฟางอาภัพรักเช่นนาง
แต่ทว่าคำพูดของสวี่หยางกลับทำให้อีกผู้ยืนสั่นไหวกำมือแน่นเมื่อได้ยินนางเอ่ยยัดเยียดเจี่ยฟางให้แก่เสิ่นจิ้น
"ขอบคุณพี่สะใภ้ที่เอ็นดูข้า ข้าจะลองไตร่ตรองดูก่อนนะขอรับ "
"หากทั้งสองได้แต่งกันจริง ๆ คงเป็นเรื่องที่ดีของตระกูลเรานะเจ้าคะ " สวี่หยางคลี่พัดพัดไปมายิ้มระเรื่อเมื่อคิดถึงวันที่เจี่ยฟางเข้ามาอยู่ในสกุลเสิ่นเช่นเดียวกันนาง
"แฮะ แฮะ " เสิ่นจิ้นหัวเราะแค้น ๆ เพราะสตรีที่เขาสนใจคือสวี่หยางที่ยืนอยู่ต่อหน้ายามนี้ต่างหาก เสิ่นเกาหลานร้อนใจกลัวเสิ่นจิ้นจะชอบสตรีนางเดียวกับตนและไม่พอใจเป็นอย่างมากถ้าหากนางจะตกเป็นของผู้อื่น
"ไหนพวกเจ้าบอกว่าจะนำปลาได้ทำอาหารรีบเอาไปที่โรงครัวซะสิ " เสิ่นจิ้นมองหน้าทั้งสองก่อนจะขอไปที่โรงครัวด้วยตนเอง
"เช่นนั้นท่านพี่กับพี่สะใภ้คุยกันไปเถิดขอรับข้าจะนำปลาไปให้สาวใช้เอง" เสิ่นจิ้นเดินไปไกลเสิ่นเกาหลานเอ่ยปากขึ้นทันที
"ทำไมเจ้าต้องยุยงให้น้องสาวของเจ้าปองดองกับน้องชายของข้า "
"ทำไมเจ้าคะ ! แม้ข้าจะแนะนำแต่ทว่าความรักก็อยู่ที่ทั้งสอง หากมีเรื่องเพียงเท่านี้ข้าไม่ว่างมาสนทนากับท่านหรอกเจ้าค่ะ " สวี่หยางน้อยใจนักหลายวันมานี้เขาไม่สนใจใยดี คิดว่าจะถามเรื่องสารทุกข์สุขดิบแต่กลับถามเรื่องของเจี่ยฟางกับเสิ่นจิ้นจนนางต้องเป็นฝ่ายเดินหนีเพราะไม่อยากจะสนทนาด้วย เสิ่นเกาหลานหงุดหงิดหัวใจเพราะเขายังคงหวนคิดถึงเจี่ยฟางไม่อยากให้นางเป็นของผู้ใด
สวรรค์ช่างไร้ความเมตตาให้เขามาแต่งกับผู้เป็นพี่ที่เย็นชา เสิ่นเกาหลานเอาแต่โทษฟ้าดินทำไมไม่ให้เขาแต่งกับเจี่ยฟางหากเป็นเช่นนั้นในเรือนแห่งนี้คงมีแต่ความสุข เขาไม่อยากกลับเรือนเพราะไม่อยากเห็นหน้าสวี่หยางที่ไร้อารมณ์มีเพียงสายตาว่างเปล่าไร้ความรู้สึกเพียงแค่กินอาหารร่วมกันทุกเช้าเขาแทบจะกระอักอาหารออกมาเพราะอาหารไม่ย่อย
หลังจากที่ทุกคนกินอาหารเย็นร่วมกันเสิ่นจิ้นได้ร่ำลาทั้งสองกลับเรือนก่อนจะกลับไม่ลืมที่จะเอ่ยเรื่องที่พูดคุยกับสวี่หยาง
"พี่สะใภ้จะไปเยือนวันใดโปรดแจ้งล่วงหน้านะขอรับข้าจะให้สาวใช้จัดเตรียมอาหารไว้รอท่านอย่างสมเกียรติ " เสิ่นเกาหลานคิ้วขมวดจ้องมองสตรีที่ยืนเคียงข้างทันที
"จะไปที่ใดกันหรือ ? เหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่อง"
"ท่านแม่อยากให้พี่สะใภ้ไปเยือนที่เรือนสักวันนะขอรับ ข้าจึงนำคำพูดของท่านแม่มาแจ้งแก่พี่สะใภ้"
"ฝากคุณชายรองไปแจ้งท่านแม่ด้วยนะเจ้าคะภายในสองวันข้าจะไปหาที่เรือนตั้งแต่เช้าตรู่และขอบคุณที่คุณชายรองนำปลามาให้ทำกินวันนี้เป็นวันนี้ข้าเจริญอาหารมาก ๆ เลยเจ้าค่ะ "
"แฮะ ๆ ไม่ต้องเกรงใจขอรับหากพี่สะใภ้ชอบข้าจะนำมาให้บ่อย ๆ ท่านพี่เสิ่นเกาหลาน พี่สะใภ้ข้าขอลา"
เมื่อเอ่ยจบเสิ่นจิ้นได้เดินทางกลับเรือนของตนทันที ส่วนสวี่หยางรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเหนียวเนื้อเหนียวตัวอยากกลับห้องเพื่ออาบน้ำโดยเร็วจึงไม่ได้สนใจเสิ่นเกาหลานที่จ้องมองนางตั้งแต่เมื่อครู่
ครั้นเห็นนางเมินตนและกำลังจะเดินหันหลังจากไปเขาจึงเปล่งเสียงขึ้นมาเพื่อหยุดนางเอาไว้
"เจ้าจะรีบไปที่ใด ? ข้ามีเรื่องจะเอ่ยกับเจ้า" สวี่หยางใบหน้าเรียบเฉยหันกลับมาหาเสิ่นเกาหลานที่เรียกตน
"มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ? "
"ฮึ ! ทีเมื่อครู่ใบหน้าของเจ้ามีแต่รอยยิ้ม พอมีเพียงข้ากลับกลายเป็นบึ้งตึงเจ้าช่างแสดงได้เก่งจริง ๆ ข้านับถือ"
"ข้าจะนับว่าท่านเอ่ยชม หากหมดเรื่องแล้วข้าขอตัว " พลันสวี่หยางจะเดินหนีเขาอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้เสิ่นเกาหลานใช้มือคว้าแขนของนางเอาไว้เสียก่อน
"ข้ายังเอ่ยกับเจ้าไม่จบ เจ้าสนิทสนมกับเสิ่นจิ้นตั้งแต่คราใด หรือว่าที่เจ้าไม่สนใจข้าเพราะเจ้าสนใจเสิ่นจิ้นอย่างนั้นหรือ ?" ความคิดผ่านวาบเข้ามาในหัวอย่างว่องไวหรือว่าที่นางแต่งเข้ามาเพราะมีจุดประสงค์เดียวกับเขา หากเป็นเช่นดั่งที่เขาคิดเหตุใดนางถึงไม่แต่งกับเสิ่นจิ้นกลับเป็นเขาเล่า ?
สวี่หยางฟังความคิดผิดปกติในวาจาไม่กล้าเพิกเฉยแม้แต่น้อยดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้าของเสิ่นเกาหลานนัยน์ตาราบเรียบดุจทะเลน้ำแข็งไร้คลื่น เปิดปากต่อว่าบุุรุษที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง
"แม้ข้าจะเป็นสตรีที่ไร้ความเมตตาแต่ข้าไม่เคยคิดทำเรื่องให้ตนเองเสื่อมเสีย ท่านหยามเกียรติข้ามากเกินไปแล้วนะเจ้าคะ ที่ข้าแสดงรอยยิ้มเมื่ออยู่ต่อหน้าคนในตระกูลท่านก็เพราะไว้หน้า และอีกอย่างท่านเองก็มิได้มีใจให้ข้าจะมาสนใจใยดีเรื่องนี้ทำไมกัน ปล่อยข้าวันนี้ข้าเหน็ดเหนื่อยมาเต็มทนมิอาจจะเสวนาในเรื่องนี้อีก ”