ถูกใส่ร้าย
บทที่ 1 ถูกใส่ร้าย
แสงตะเกียงในคุกริบหรี่ ห้องขังคับแคบอากาศชื้นเหม็นอับ กำแพงมีความหนาถึงสามฉื่อสกัดกั้นสายลมตามทางเดินเอาไว้ด้านนอกบรรยากาศเหน็บหนาวน่าสลดหดหู่
ร่างสตรีนางหนึ่งนอนขดอยู่บนกองหญ้าชื้นอย่างไร้สติร่างกายเต็มไปด้วยรอยพกช้ำจากการโบยตีถูกสั่งให้นำตัวมาคุมขังเพื่อรอกล่าวโทษในรุ่งสางของอีกวัน
แสงเทียนส่องสว่างเห็นเงาของร่างใหญ่ที่บึกบึนกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาด้วยความเงียบและเบาฝีเท้าที่สุดก่อนจะอุ้มช้อนร่างบางลักลอบพานางออกไปจากคุกในยามที่ทุกคนต่างพากันหลับไหล
จิ๊บ จิ๊บ!!! เสียงนกน้อยร้องเพลงขับขานส่งกันไปมาร่างบางบิดกายเมื่อได้ยินเสียงรบเร้า ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือกวาดสายตามองไปด้านบนก่อนจะมองไปรอบ ๆ ด้าน นัยน์ตาคู่งามเบิกโพลงโตก่อนสติเลือนรางนางนอนอยู่ในที่มืดสนิทแถมยังเหม็นอับ ร่างบางรีบยันกายลุกขึ้นมองดูรอบ ๆ อย่างสำรวจนางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน!
ทันใดนั้นเองประตูห้องถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอก นางปรายสายตาไปมองผู้มาเยือนดวงตาเบิกโพลงโตมากกว่าเดิม คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
"ท่านฟื้นแล้วสินะ ข้าคิดว่าข้าจะมาช่วยท่านไม่ทันเสียแล้ว " สีหน้าของเขาบ่งบอกความเป็นห่วงออกมาทางสายตาอย่างเห็นได้ชัด
"คุณชายเสิ่นจิ้น " น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยชื่อของผู้มาเยือนเสียงคลายความสงสัย
"ข้าเองขอรับ ท่านคงจะตกใจไม่น้อยที่เห็นข้าในที่แห้งนี้ " ร่างใหญ่เดินเข้ามานั่งบนเตียงพลางจับแขนของนางเพื่อมองดูบาดแผล
"ท่านทำเช่นนี้ทำไม วันนี้ข้าจะต้องถูกโดนลงโทษมิใช่หรือ? ท่านทำเช่นนี้จะทำให้ท่านลำบากเอาได้" ใบหน้าความกังวลของนางแสดงออกมาบนใบหน้าขยับกายหนีเขาเล็กน้อย
"ท่านมิต้องห่วงข้าหรอก ห่วงร่างกายของท่านยามนี้ดีกว่า บาดแผลของท่านไม่นานคงจะหายดีพักผ่อนเถอะ ข้าจะให้สาวใช้นำอาหารมาให้ต่อจากนี้เลิกหวนคิดเรื่องที่ผ่านมาเสียที " น้ำเสียงเข้มขรึมเอ่ยออกมาใบหน้าไร้รอยยิ้ม นางไม่ได้เอ่ยอันใดต่อจ้องมองร่างใหญ่เดินออกจากห้องก่อนจะปิดประตูแน่น
"ให้ข้าเลิกหวนคิดถึงอดีตอย่างนั้นหรือ?"
นางทวนคำพูดของเขาก่อนจะนอนลงบนเตียงนอนเช่นเดิมร่างกายของนางยามนี้เจ็บระบมไปหมด
แต่ทว่าร่างกายของนางไม่เจ็บเท่าหัวใจก่อนที่นางจะถูกจับขังนั้นเกิดเรื่องที่ไม่เป็นธรรมกับนางแม้แต่น้อย หวนคิดถึงใบหน้าของบุรุษที่เป็นสามีกลับพบแต่เพียงสายตาเคือดแค้นไร้ความเมตตา ครั้นจะมองไปทางใดก็พบใบหน้าของสตรีอีกนางที่นั่งร่ำไห้อยู่
นางถูกตราหน้าว่าเป็นคนที่วางยาทำให้แท้งแต่ความจริงนางเพียงแต่ถูกใส่ความเท่านั้น....
เขาไม่ให้นางหวนคิดถึงได้อย่างไรในเมื่อตัวนางชื่อเสียงของนางในยามนี้เสียหายแถมยังเสียเกียรติ นางจะไม่ให้เรื่องมันจบเช่นนี้เป็นแน่ นางจะกลับไปสืบหาความจริงแม้ว่าจะทำให้ครั้งนี้นางผิดใจกันกับน้องสาวของตนเองก็ตาม
"ท่านพี่หยาง ท่านพี่หยางตุ๊กตาตัวนั้นของท่านมันสวยงามมากกว่าของข้า หากท่านพี่ไม่ว่าอะไรข้าขอได้หรือไม่เจ้าคะ" เด็กหญิงตัวเล็กกอดแขนของผู้เป็นพี่จ้องมองตุ๊กตาที่ท่านพ่อซื้อให้ตนอย่างเสียดาย ครั้นจะไม่ให้น้องสาวของตนก็ดูเหมือนนางจะไม่รักน้อง น้องสาวของนางเป็นเด็กขี้แยและอ่อนแอเพียงแค่ตุ๊กตานางยอมให้น้องได้เสมอ
"เจี่ยฟางไม่ว่าเจ้าต้องการอันใด พี่สาวผู้นี้ให้เจ้าได้เสมอ ข้าไม่เหมาะกับการเล่นของเล่นเช่นนี้หรอกเจ้าไปเอาเถิดนะ ข้าจะไปเรียนเย็บปักกับท่านป้าคงไม่มีเวลาดูแลตุ๊กตา" หญิงสาวมองตามตุ๊กตาดวงตาละห้อยก่อนจะยื่นให้แก่น้องสาวของตนที่ใบหน้าระรื่น
"ข้ารักท่านพี่ที่สุดเลยเจ้าค่ะ " รอยยิ้มที่ส่งมาให้นางช่างทำให้หัวใจของนางมีความสุขเพราะคำสั่งสอนของบิดาและคำพูดสุดท้ายของมารดาที่ฝากฝังให้นางดูแลและรักน้องสาวของตนเอง นางจึงเป็นพี่สาวที่ดีไม่ยอมให้ผู้ใดมารังแกน้องสาวได้
สวี่หยาง บุตรสาวคนโตของสกุลสวี่ ขึ้นชื่อเรื่องการดุร้ายเอาแต่ใจไม่ว่าผู้ใดเอ่ยไม่เข้าหูนางหรือแม้แต่ทำให้นางไม่ถูกใจนางจะสั่งลงโทษทันที เพราะนางเป็นบุตรสาวคนโตยามบิดาไม่อยู่เรือนต้องทำให้บ่าวรับใช้ในเรือนยำเกรงและทำให้ท่านพ่อวางใจว่าตนเองนั้นดูแลตระกูลได้
เมื่อนางเติบใหญ่ท่านพ่อได้ให้นางหมั้นหมายกับบุตรชายคนโตสกุลเสิ่นที่เป็นคุณชายมากความสามารถและนางเองก็หลงรักเขาตั้งแต่แรกเห็น ท่านพ่อทั้งสองตระกูลเป็นสหายกันมายามนานคบค้าสมาคมจนถึงทุกวันทำให้ทั้งสองตระกูลหารือกันเพื่อที่จะเกี่ยวดอง
สวี่เจี่ยฟาง บุตรสาวคนเล็กของสกุลสวี่นางติดพี่สาวไม่ห่างกาย แต่ทว่านิสัยของนางช่างแตกต่างจากสวี่หยางยิ่งนัก ใบหน้าดวงตาแม้จะงดงามไม่แพ้กันหากเมื่อทั้งสองเดินเคียงข้างกันต่างทำให้ชาวบ้านที่พบเจอมักจะหันหน้าพากันซุบซิบนินทาเปรียบเทียบเสมอมา แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้สวี่หยางเสียใจ
เสิ่นเกาหลาน บุตรชายคนโตของสกุลเสิ่น ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับการที่ต้องเป็นคู่หมั้นของสวี่หยางแม้แต่น้อยเพราะสตรีที่เขาหมายใจคือสวี่เจี่ยฟาง เพราะความเข้าใจผิดคิดว่าสวี่เจี่ยฟางเป็นสวี่หยางจึงยอมรับคำท่านพ่อ แต่เมื่อได้มาถึงวันหมั้นหมายกลับกลายเป็นสตรีที่โหดร้ายเช่นสวี่หยางไปได้ แต่ในเมื่อเขารับปากท่านพ่อแล้วคงยากจะคืนคำ จึงทำได้เพียงน้อมรับสิ่งที่เกิดขึ้นทว่าหัวใจเขาปรักใจรักสวี่เจี่ยฟางสตรีที่อ่อนโยนและเพรียบพร้อม