บท
ตั้งค่า

10. ผู้มาเยือน แห่งหุบเขาหมื่นพิษ

ไกลจากจวนออกไปนับยี่สิบลี้ เด็กสาวป่ายปีนขึ้นไม้ยืนต้นสูงอย่างคล่องแคล่ว ครั้นก็ค่อยหย่อนสะโพกทิ้งลงบนลำกิ่งไม้ที่แข็งแรง เรือนร่างเล็กทะมัดทะแมงกระเทิบนั่งให้ได้ที่ ก่อนที่จะมองทอดสายตาไปทางตีนเขา กินเวลาเข้าเกือบหนึ่งยามเด็กสาวยังไม่เห็นผู้ใดที่มีท่าทีจะมุ่งหน้ามาทางที่นางอยู่จะเห็นแต่ก็เพียงคนที่ผ่านไปผ่านมา สวี่กงเหมยได้แต่แกว่งไกวขาไปมาก็พอแก้เบื่อ พลันความคิดก็แล่นปราดไปถึงความนุ่มนิ่มของเตียงนอน นางคิดถึงความนุ่มของมันจะแย่ ริมฝีปากอวบแบะบุ้ยออกอย่างเอาแต่ใจพลางก็ถอนหายใจทิ้งเฮือกหนึ่ง ก่อนที่จะเหลือบเห็นคนบนหลังม้าสองเงาผ่านแมกไม้ตรงเข้ามาหา

มือบางคว้าเอาคันธนูที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมาสะพายข้างครั้นก็หยัดกายยืนขึ้นเต็มความสูงบนกิ่งไม้ ก่อนที่จะโก่งคันธนูมุ่งเป้าไปยังเงาที่กำลังคืบคลานเข้ามาทางที่นางอยู่ ทว่าเพียงชั่วพริบตาที่นางเหลือบตาไปมองแมลงตัวหนึ่งที่บินเข้าใกล้หู เงาตะคุ่มที่เพิ่งเห็นพลันหายไปจากวิถีสายตา

“โอะ ไปไหนแล้วนะ” เด็กสาวพึมพำกับตัวเอง พลางก็กวาดตามองหาไปทั่วบริเวณเพื่อทำให้แน่ใจอีกครั้งว่าตนเองไม่ได้ตาฝาดไปหรือเลินเล่อจนปล่อยให้ผู้ใดเข้าถึงหุบหมื่นพิษได้โดยง่าย ทว่าระหว่างที่ยังกวาดตาหา เสียงแหวกอากาศของสิ่งที่ใหญ่กว่านกก็ผุดขึ้นมายืนอยู่ข้างกายนาง

เด็กสาวเบิกตาโตมองชายแปลกหน้าที่ดีดเท้าเพียงไม่กี่ครั้งกับต้นไม้ใหญ่ก็ขึ้นมาถึงกิ่งไม้ที่นางนั่งอยู่

“จ จะ เจ้า!”

“เอามานี่” มือกร้านกระชากเอาคันธนูในมือสวี่กงเหมยมาไว้ในมือของตน ก่อนที่จะหักมันด้วยมือเดียว

“นี่...เจ้า” สวี่กงเหมยมองธนูคันโปรดที่นางออดอ้อนบิดาอยู่นานสองนานกว่าท่านพ่อจะให้ช่างทำให้นางสักคันหนึ่ง ที่ยังค้างอยู่ในมือของคนโฉดแปลกหน้า ทั้งเนื้อทั้งตัวของเด็กสาวสั่นไปด้วยความโกรธ

“เจ้าคงเป็นโจรสินะ” เด็กสาวขมวดคิ้วเป็นปมกับคำพูดของชายแปลกหน้าที่ถือวิสาสะขึ้นมาบนพื้นที่ส่วนตัวของนางโดยพละการ

“เจ้านั่นแหละโจร เจ้าคนถ่อย!” เด็กสาวมือไวเผลอผลักคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ บนกิ่งไม้กิ่งเดียวกันพลัดตกจากต้นไม้ใหญ่อย่างไม่ตั้งใจ มือกร้านเข้าฉวยแขนของนางเอาไว้ ครั้นก็ฉุดพานางลงมาข้างล่างเสียด้วยกัน

“นี่เจ้าทำอะไรเนี่ย” สวี่กงเหมยทอดสายตามองชายหนุ่มร่างกายกำยำที่ร่อนลงมายังพื้นอย่างไร้รอยขีดข่วน ผิดกับนางที่ลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัวด้วยท่าที่ไม่สวย ทั้งยังรู้สึกเจ็บและจุกที่ท้องน้อยจนลุกไม่ขึ้นเสียด้วย

“ไม่ใช่ข้านะที่ทำ เป็นเจ้าต่างหาก” น้ำเสียงทุ้มหัวเราะเยาะคนที่ยังนั่งพังพาบอยู่กับพื้นไม่ไปไหน ครั้นก็ยกมือขึ้นกอดอก มองสตรีร่างเล็กที่สูงไม่ถึงปลายคางเขาอย่างค้นหา

“ถ้าเจ้าไม่ใช่โจรป่า แล้วมานั่งขึ้นธนูอะไรกลางป่ากลางเขากัน”

“กลางป่ากลางเขาอันใด! เจ้าไม่รู้เหรอว่าเจ้าเข้ามายังหุบเขาหมื่นพิษและที่นี่เป็นบ้านของข้า! เจ้านั่นแหละเจ้าคนโฉด มาทำอันใดกลางป่ากลางเขาเช่นนี้!” ทั้งที่ยังลุกไม่ขึ้นแต่สวี่กงเหมยก็สามารถใช้คำพูดของนางปกป้องตนเองจากข้อครหาได้

“เหมยเอ๋อร์!” เสียงหนึ่งแว่วที่ลอยมาแต่ไกล เด็กสาวหันใบหน้าอ่อนเยาว์หาเจ้าของเสียง ก่อนที่แววตาจะฉายประกาย “พี่รอง!” เด็กหนุ่มวิ่งปรี่เข้าหาเจ้าของร่างเล็กที่ลงไปกองอยู่กับพื้น

“เหตุใดเจ้าลงไปนั่งอยู่ตรงนั้นเล่า” หลี่หลิวอวี่ค่อยนั่งย่อลงข้างเด็กสาวผู้เป็นศิษย์น้องมือหนึ่งช่วยหยิบจับใบไม้แห้งออกจากเรือนผม

“ท่านพี่! ท่านหักขาเขาให้ข้าที เขาหักคันธนูของข้า” ซุ่มเสียงงอแงของเด็กสาวพาให้หลี่หลิวอวี่เหลือบตามองชายหนุ่มสูงสง่าที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ

“ม มะ เหมยเอ๋อร์ จ จะ เจ้าพูดอะไรออกมา” เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ละสายตาจากใบหน้าสวยของศิษย์น้องเหลือบมองรูปร่างกำยำของชายหนุ่มจากเท้าเรื่อยไปยังศีรษะ ก่อนที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ พลันความคิดก็แล่นตำหนิศิษย์น้องของตน นางเห็นเขามีกำลังภายในเยี่ยมยุทธ์ถึงขนาดหักขาขนาดเท่าท่อนซุงของคนตรงหน้านี้ได้ง่ายดั่งใจตั้งแต่เมื่อใดกัน เขาเป็นเพียงหมอยาฝึกหัด หาใช่จ้าวยุทธจักรไม่!

“เหมยเอ๋อร์ เจ้าลุกขึ้นเถอะ” หลี่หลิวอวี่ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะยื่นฝ่ามือส่งให้เด็กสาวได้ยึดขึ้นยืน

“ท่านพี่ หักขาเจ้าคนนี้ให้ข้าก่อนเจ้าค่ะ” เด็กสาวบุ้ยปากน้ำเสียงแง่งอน

“เจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ แล้วข้าจะบอกเจ้า” เด็กสาวทำหน้างง วางมือลงกับฝ่ามือหลี่หลิวอวี่แล้วลุกขึ้นยืน

“เหมยเอ๋อร์ ท่านผู้นี้คือเซวียนจางหย่ง ไท่เว่ย์แห่งแคว้นจิ้ง” หลี่หลิวอวี่พูดเสียงสั่น หน้าถอดสีด้วยความกลัว เพราะด้วยตำแหน่งที่เขามี เป็นถึงไท่เว่ย์ เขาน่าจะฆ่าฟันคนมานับร้อยนับพัน หากว่าเขาถือสาการกระทำของศิษย์น้องแล้วล่ะก็ เห็นทีจวนแห่งหุบเขาหมื่นพิษอาจเหลือเพียงตำนานก็เป็นได้

“ท่านพี่ว่าอย่างไรนะ!? เจ้าคะ” เด็กสาวทิ้งหางเสียงแผ่วเบา เบิกตาโตอ้าปากเหวอทันทีที่ได้รับรู้ความจริง วงคิ้วบนหน้าสวยมุ่นรวมไว้ตรงกลางหน้าผาก ปากก็พึมพำกับตัวเอง ‘ทำไงดีล่ะเนี่ย!’ ด้วยเพราะวีรกรรมไม่น่ารักเมื่อครู่ถ้าท่านพ่อรู้ นางจะต้องโดนท่านพ่อตำหนิอย่างมากมายเป็นแน่

“แล้วเพิ่งมาบอกอะไรตอนนี้”เด็กสาวเหลือบตามองชายแปลกหน้าที่ยืนจังก้าอยู่ข้างนาง ปากก็พึมพำตำหนิศิษย์พี่ของตน

“ข้าก็เพิ่งรู้ตอนที่ท่านอาจารย์มาเรียกข้าที่จวนนั่นล่ะ...”หลี่หลิวอวี่ปรายตามองจางหย่งก่อนที่จะหันมาพูดกับกงเหมยต่อ “ก็เพราะเจ้าไม่ได้อ่านจดหมายที่ท่านอาจารย์เขียนไว้ให้...” เด็กหนุ่มยื่นกระดาษในมือให้เด็กสาว “นี่ไง” มือบางยื่นมือมารับกระดาษพลันก็คลี่กระดาษออกอ่านเอาความ “โฮะ...จริงด้วย” ก่อนที่จะปรายตามองคนสูงใหญ่ตรงหน้าด้วยสีหน้าสลด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel