บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ที่มาของความแค้น 1.3

“เรียวคุงต้องอยู่ที่นี่ คอยดูแลท่านนายกจนกว่าท่านจะกลับแล้วจากนั้นค่อยตามพ่อไป เราต้องแยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว พ่อรับรองเราต้องแก้แค้นคนที่ฆ่าแม่อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้หน้าที่ของเรียวคืออยู่ที่นี่ ส่วนพ่อจะไปจัดการเรื่องทางโน้นเอง”

ยูสุเกะสอนเรื่องนี้ให้กับลูกชายมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก การที่จะมายืนอยู่ในจุดนี้ได้ต้องมีความอดทนและแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน เพราะถ้านำมารวมกันเมื่อไหร่จะไม่สามารถทำทั้งสองเรื่องไปพร้อมๆ กันได้ เขาจะไปจัดการเรื่องส่วนตัวเอง ส่วนลูกชายให้จัดการเรื่องงาน

“ครับคุณพ่อ” ยูสุเกะเดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยงทันที โดยมีทางาดะกับลูกน้องจำนวนหนึ่งเดินตามออกไปด้วย ทำให้ลูกน้องที่เหลืออยู่ในห้องจัดเลี้ยงมีเพียงสิบคนเท่านั้น

“ปิ่นเสียใจด้วยนะคะพี่เรียว ฮือ ปิ่นจะอยู่กับพี่เรียวเองค่ะ” สุชาลินียืนฟังเรื่องราวอยู่นาน น้ำตาของเธอนั้นหลั่งรินออกมาตั้งแต่ได้ยินว่ามายุมิเสียชีวิต หญิงสาวมีความเคารพรักมารดาของชายหนุ่มเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเป็นมารดาของตัวเองก็ว่าได้ การจากไปของท่านสร้างความเสียใจให้กับเธอเช่นกัน รวมทั้งทุกๆ คนด้วย ลำแขนเรียวเล็กโอบกอดร่างใหญ่ของคนรักเอาไว้แน่น ซบใบหน้ากับแผงอกที่แข็งแรง หลั่งรินน้ำตาออกมาเป็นสาย

“ขอบใจมากปิ่น ขอบใจมากที่อยู่ข้างพี่” เขาจูบที่ขมับของสาวคนรักเบาๆ หยดน้ำตาที่กระทบกับผิวแก้มของเธอนั้น บอกให้หญิงสาวรู้ว่าเขากำลังร้องไห้ มารดาจากไปทั้งคนไม่เสียใจ ไม่ร้องไห้ก็ถือว่าแปลก

“อย่าร้องค่ะพี่เรียว อย่าร้องไห้ให้ใครเห็นนะคะ ตอนนี้เราอยู่ในงาน ทุกคนกำลังมองความสำเร็จของพี่เรียวอยู่ อดทนไว้นะคะพี่เรียว อดทนไว้ก่อนนะคะ พอถึงบ้านเราจะร้องไห้ด้วยกัน เสียใจด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน มันอาจจะยากในสิ่งที่ปิ่นพูด มันยากที่ลูกจะไม่ร้องไห้เมื่อแม่จากไปอยู่อีกโลกหนึ่ง คิดอีกแง่นะคะ บางทีคุณแม่อาจจะยืนมองดูความสำเร็จของพี่เรียวอยู่ก็ได้ พี่เรียวต้องเข้มแข็ง อดทนก่อนนะคะ อดทนไว้นะคะพี่เรียว”

หญิงสาวพยายามปลุกปลอบเรียวคนรักหนุ่ม รู้ดีว่ามันยากยิ่งที่ จะทำ ทว่าเขาต้องทำให้ได้เพื่อตัวของเขาเองและทุกคน เก็บความเสียใจและน้ำตาเอาไว้ภายในใจ ตอนนี้เขายืนอยู่ในหน้าที่ของประธานบริษัท ชายหนุ่มก็ต้องทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด เมื่อหมดหน้าที่นี้แล้วหญิงสาวจะอยู่เคียงข้างเขา ร้องไห้ เสียใจ เจ็บช้ำไปพร้อมกับเขา

เรียวเก็บคำว่าเสียใจเอาไว้ให้ลึกที่สุด ต้อนรับแขกเหรื่อรวมทั้งท่านนายกที่เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีเค้าแห่งความเสียใจเลย เขาหันมามองหญิงสาวที่ส่งรอยยิ้มบางๆ ให้กับเขาเป็นระยะ ราวกับว่าเธอคนนี้คือกำลังใจที่ดีที่สุดในเวลานี้ที่เขามี โดยมีมือเล็กกุมมือใหญ่ไว้ตลอดเวลาไม่ยอมปล่อย ถ่ายทอดความเห็นใจและเสียใจ แบ่งปันความทุกข์โศกที่มีในใจของเรียว เข้ามาสู่ร่างกายของเธอบ้างให้หัวใจบอบบางดวงนี้มีความรู้สึกนั้นร่วมกัน

“เรียบร้อยมั้ยพี่โคจิ?” ทรรศิกาเอ่ยถามโคจิลูกน้องคนสนิทผ่านเครื่องฟังที่แนบติดไว้ที่หู ระหว่างที่เธอกำลังเดินเข้าไปในลิฟต์

“เรียบร้อยครับคุณหนู ตอนนี้ยูสุเกะกับลูกน้องส่วนหนึ่งเดินทางออกจากโรงแรมเรียบร้อยแล้วครับ ในงานมีแค่เรียว คุณมินามิกับลูกน้องอีกประมาณสิบคนครับ” โคจิรายงานหลังจากที่แฝงตัวเข้ามาอยู่ในงาน เขาเป็นคนรายงานเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้กับนักฆ่าสาวเป็นระยะ ตั้งแต่ทางาดะนำข่าวร้ายมาบอกกับเจ้าของงาน ตอนที่ยูสุเกะเดินทางออกไปจากห้องจัดเลี้ยงพร้อมกับลูกน้องจำนวนหนึ่ง แล้วรออย่างใจเย็น รอให้ท่านนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับไปเสียก่อน จึงค่อยลงมือเพราะถ้าหากลงมือขณะที่ผู้นำประเทศยังอยู่ในงาน ไม่เพียงจะต่อสู้กับคนของเรียวยังต้องรับมือกับทีมอารักขาของท่านนายกอีกด้วย

“ดี ทำตามแผนได้เลย ทามะโกะจะไปถึงในอีกสองนาที” สัญญาณถูกตัดทิ้งเมื่อการนัดแนะเสร็จสิ้น โคจิทำตามแผนทันทีโดยแผนการแรกจะเกิดขึ้นก่อนที่ทรรศิกากับกลุ่มนักฆ่าจะมาถึงห้องจัดเลี้ยงหนึ่งนาที ทุกอย่างต้องแม่นยำ ไม่เช่นนั้นฝ่ายที่จะเสียเปรียบจะเป็นกลุ่มนักฆ่า โคจิพยักหน้าให้ลูกน้องสาวทำตามแผนที่วางไว้ได้เลย

“นี่หล่อนถือดียังไงมาว่าฉันยะ หล่อนก็ไม่ได้ดีเด่นไปกว่าฉันนักหรอก” สาวร่างผอมต่อว่าสาวร่างบางสูงโปร่งเสียงค่อนข้างดัง ทำให้เรียวกับสุชาลินีที่ยืนอยู่ใกล้กับสองสาวหันมามองด้วยความสนใจ และเลือกที่จะคอยสังเกตการณ์เท่านั้น

“ทำไมฉันจะว่าหล่อนไม่ได้ ในเมื่อหล่อนเป็นคนแย่งสามีคนอื่นเขาจริงๆ นี่ ยังจะมาทำปากดีอีก เชอะ”

“ฉันไม่ได้แย่ง เขามาหาฉันเองต่างหาก”

“ทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับอีกว่าตัวเองให้ท่าผัวชาวบ้านเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะมานอนกับหล่อนทำไมถ้าหล่อนไม่ได้แบให้เขาฟรีๆ”

“หล่อนกล้าว่าฉันขนาดนี้เลยเหรอ ปากดีนักนะ นี่แน่ะ...” แก้วไวน์ที่อยู่ในมือของหญิงสาวร่างผอมตั้งท่าจะสาดไปที่ใบหน้าของหญิงสาวร่างโปร่ง ทว่ามือของหญิงสาวร่างโปร่งปัดมือของอีกฝ่ายอย่างแรง ทำให้ไวน์ที่อยู่ในแก้วสาดเข้าไปโดนบุคคลที่สามอย่างจัง

“อุ้ย!! ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ” เสียงของคนร่างผอมเอ่ยขอโทษ สุชาลินีโดยพลัน หลังจากที่ไวน์แดงในแก้วสาดเข้าไปบนชุดราตรีสีขาว ทำให้สีแดงของน้ำไวน์เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง เรียวมองสองสาวตาขุ่นไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำของทั้งสอง หากแต่เขาไม่สามารถพูดอะไรได้เนื่องจากสองสาวเป็นแขกที่มาร่วมงาน

“ไม่เป็นไรค่ะ” สุชาลินีพูดด้วยรอยยิ้ม

“ขอโทษจริงๆ นะคะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ” เธอยังกล่าวคำขอโทษไม่หยุด

“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ แค่ไวน์หกใส่เอง ขอตัวไปล้างแขนล้างมือก่อนนะคะ” สุชาลินีไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองสองสาวแต่อย่างใดกลับยิ้มให้อย่างสวยงาม สองสาวจึงปลีกตัวเดินออกไปทันทีเมื่อหมดหน้าที่

“พี่เรียวคะ ปิ่นไปห้องน้ำก่อนนะคะ”

“พี่ไปเป็นเพื่อนนะ” เรียวมีความรู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่น่าไว้วางใจ เขาจำเป็นต้องรอบคอบให้มากที่สุด เพราะไม่รู้ว่าเป้าหมายของกลุ่มนักฆ่าคือใครบ้าง เขาจึงให้ลูกน้องติดตามบิดาเกินครึ่งของจำนวนคนทั้งหมด ยังไม่ทันที่สาวเจ้าจะตอบรับหรือปฏิเสธ ชายต่างชาติคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเรียวพร้อมกับเอ่ยวาจาทักทาย ทำให้เรียวจำต้องสนทนาตอบกลับ เนื่องจากหัวข้อเรื่องที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมานั้นคือการซื้อขายเครื่องคอมพิวเตอร์

“พี่เรียวคะ ปิ่นไปเองดีกว่าค่ะ พี่เรียวอยู่คุยกับลูกค้าเถอะนะคะ ปิ่นไปเองได้ ห้องน้ำอยู่แค่นี้เอง” สุชาลินีตัดสินใจขัดการสนทนาขึ้น เพื่อให้ชายหนุ่มได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยไม่มีเธอเป็นตัวถ่วง

“พี่จะให้ลูกน้องของพี่ไปเป็นเพื่อนนะ เคตะให้คนไปดูแลคุณมินามิด้วย” เคตะหันไปสั่งงานลูกน้องสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังทันทีที่ได้รับคำสั่ง ชายสองคนจึงเดินตามว่าที่นายหญิงไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ห่างจากห้องจัดเลี้ยงมากนัก โดยมีสายตาของเรียวมองร่างของคนรักไปตลอดจนเธอเดินเลี้ยวไปยังทิศทางที่ห้องน้ำตั้งอยู่ ชายหนุ่มจึงเบนสายตามาสนทนากับชายชาวต่างชาติต่อ ไม่คิดเลยว่าสาวน้อยแสนหวานแสนดีกำลังถูกลอบทำร้ายด้วยน้ำมือของคนที่ขึ้นชื่อว่าพี่สาว

สุชาลินียืนทำความสะอาดเรียวแขนและมืออยู่ที่อ่างล้างมือ ระหว่างที่เธอกำลังยืนทำภารกิจอยู่ หญิงสาวหลายคนเริ่มทยอยออกจากห้องน้ำเหลือเพียงเธอคนเดียวที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น บานประตูห้องสุขาถูกเปิดออกสตรีร่างหนึ่งในชุดราตรีสีแดงเพลิงเดินออกมาหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จสิ้น เธอมาหยุดยืนตรงอ่างล้างหน้า ล้างไม้ล้างมือเสมือนผู้หญิงทุกคนที่จะต้องทำหลังออกมาจากห้องสุขา

“ปิ่นรู้มั้ยว่าพี่มาทำอะไรที่นี่?” ทรรศิกาเอ่ยถามสุชาลินีที่ยืนทำความสะอาดมืออยู่ ผู้ถูกถามเงยหน้ามองกระจก เพื่อที่จะได้เห็นดวงหน้าของผู้พูดที่มีความงามเหลือล้น ทรรศิกาเป็นพี่สาวต่างมารดา แม้ว่าจะห่างกันเพียงสามเดือนจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกพี่ก็ได้ หากแต่สุชาลินีบอกว่าทรรศิกาเกิดก่อนก็ต้องเป็นพี่ จึงเรียกทรรศิกาว่าพี่มาตั้งแต่เล็กๆ

“มาฆ่าคนใช่มั้ย?” น้ำเสียงของสุชาลินีนั้นยังคงอ่อนหวานระคนสงสารพี่สาวในที

“ใช่ มันเป็นเรื่องลำบากใจที่พี่ต้องทำอย่างนี้” พี่สาวมีความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เธอมีทั้งความลำบากใจ ความเหนื่อยหน่ายใจที่จะทำภารกิจในครั้งนี้ หากแต่ทางเลือกมันมีน้อยสำหรับเธอยิ่งนัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel