บทที่ 3 ที่มาของความแค้น 1.2
ทรรศิกาเดินออกมาจากห้องครัวอย่างระแวดระวัง หลังจากจัดการกับบอดี้การ์ดคนที่สี่เรียบร้อย หญิงสาวเดินไปตามเสียงพูดคุยของบอดี้การ์ดสองคนที่นั่งพูดคุยและสนทนากับเป้าหมายในการสังหาร
“เฮ้ย!!!...” เสียงร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างของคนชุดดำเดินออกมาจากหลังตู้โชว์ ทำให้บอดี้การ์ดคนที่มองเห็นรีบควักปืนออกมาอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ว่าช้ากว่ามีดเล่มจิ๋วที่ถูกปล่อยออกมาจากมือของทรรศิกา คนที่โดนมีดปักที่อกสลบเหมือดพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผล
“คุณท่านหลบก่อนครับ เข้าไปหลบในที่ซ่อนเร็วครับ” บอดี้การ์ดเพียงคนเดียวที่เหลือเอ่ยบอกมายุมิที่นั่งนิ่ง ตื่นตะลึงทำอะไรไม่ถูก นางไม่เคยเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาก่อน อีกทั้งมั่นใจด้วยว่าคงไม่มีคนโง่ที่ไหนทำการอุกอาจเช่นนี้ด้วย
ปัง ปัง ปัง เสียงปืนถูกปล่อยออกมาจากกระบอกปืนของบอดี้การ์ดที่บัดนี้จับร่างของมายุมิหมอบอยู่ที่พื้นหลังโซฟาตัวใหญ่ ก่อนที่เขาจะเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ เสียงปืนที่ดังออกมาจากในบ้าน ทำให้บรรดาชายสวมชุดสีดำทั้งตัวเริ่มใจคอไม่ค่อยดี โดยเฉพาะนาโอะโตะที่ร้อนรนมากเป็นพิเศษ
“เอาไงดีพี่นาโอะ?” โคจิลูกน้องอีกคนหนึ่งของทรรศิกาถามลูกพี่ของตน
“เหลืออีกสามนาทีจะถึงกำหนดเวลาที่คุณหนูสั่งไว้ รอก่อนก็แล้วกัน” ในใจของเขาตอนนี้ร้อนรุ่มยิ่งนัก เป็นห่วงเจ้านายสาวอย่างยิ่งยวดหากแต่คำสั่งของทรรศิกาก็เด็ดขาดเกินกว่าที่เขาและลูกน้องที่เหลือจะขัดคำสั่งได้ ทำได้เพียงแต่รอเท่านั้น รอให้ครบสิบนาทีตามที่ตกลงกันไว้
ทรรศิกาหลบวิถีกระสุนที่กำลังพุ่งเข้ามาหาโดยใช้ตู้โชว์เป็นเกราะกำบัง คราแรกว่าจะกำจัดเป้าหมายโดยไม่ให้เสียเลือดเนื้อมากแต่ตอนนี้เห็นทีจะไม่ได้เสียแล้ว ต้องเก็บบอดี้การ์ดคนนี้ให้เร็วที่สุด เพราะเสียงปืนอาจทำให้เรื่องยากขึ้น ตำรวจอาจจะแห่มาที่นี่ก็เป็นได้ หญิงสาวกลอกตาไปมาเพื่อหาลู่ทาง จนกระทั่งเธอเลือกที่จะใช้สิ่งนี้เบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่าย
“เพล้ง ปัง ปัง ปัง” แจกันดอกไม้ที่อยู่ตรงทางเดินของบ้าน ถูกมือบางโยนไปกระแทกกำแพงจนเกิดเสียงเพล้ง บอดี้การ์ดที่หลบอยู่ด้านหลังโซฟานวมตัวเดี่ยวลุกขึ้นยืนปล่อยกระสุนออกจากรังเพลิงสองนัด ส่วนนัดที่สามนั้นเป็นของทรรศิกาที่อาศัยจังหวะตอนที่อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน ปล่อยลูกตะกั่วออกไปที่กลางหน้าผากของเขาคนนั้นอย่างแม่นยำ เสียชีวิตคาที่ นักฆ่าส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่อยู่ด้านนอกรับรู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อย ไม่ถึงสิบวินาทีร่างของลูกน้องหนุ่มทั้งห้าก็วิ่งเข้ามาในบ้าน
“อยู่ในสนามสาม ในครัวหนึ่ง ในห้องนี้อีกสอง” ลูกน้องทั้งห้าทำตามหน้าที่ของตนทันทีอย่างรู้งาน ทั้งหมดวิ่งไปที่ร่างของบอดี้การ์ดทั้งห้าคน มีหนึ่งคนที่เสียชีวิต อีกห้าคนนอนสลบไม่ได้สติ ร่างของชายห้าคนที่ถูกมีดยาสลบถูกนำไปมัดรวมกันที่ต้นไม้ต้นใหญ่ภายในสนามหญ้า ส่วนคนที่เสียชีวิตไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปไหน ก่อนจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งเมื่องานของตนเสร็จสิ้น
หญิงสาวยืนมองร่างของมายุมิที่นั่งชันเข่าด้วยความหวาดกลัว หัวใจของสาวน้อยเต็มไปด้วยความสงสารหากแต่เธอไม่มีทางเลือก
“อย่าฆ่าฉันเลยนะ อยากได้เงินหรือทรัพย์สินมีค่าอะไรเอาไปเลย เอาไปเลย” มายุมิไม่ห่วงสมบัติเท่ากับห่วงตัวเอง นึกว่าพวกที่บุกรุกนี้เป็นเพียงโจรธรรมดาที่ไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้ อาณาเขตนี้เป็นของใคร
“พวกฉันไม่ใช่โจรแต่เป็นนักฆ่า สิ่งที่ฉันอยากได้คือชีวิตของคุณ ขอโทษนะคะ” สิ้นคำพูดของทรรศิกาถุงผ้าตาข่ายสีดำผืนขนาดพอเหมาะที่อยู่ในมือของนาโอะโตะถูกนำไปครอบศีรษะของเป้าหมาย เพื่อปลิดชีวิตตามแบบฉบับของนักฆ่ามือหนึ่งของแก๊ง
“กรี๊ดดด อย่าทำอะไรฉันเลย” นางหวีดร้องออกมาพร้อมกับอ้อนวอนขอความเมตตาจากนักฆ่าเลือดเย็นทั้งหลาย แต่ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้รับอะไรเลยจากคนเหล่านี้นอกจากความตาย...ปัง
ร่างสตรีวัยหกสิบเอ็ดปีล้มลงไปนอนกับพื้น ร่างของนางกระตุกสองสามครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป นาโอะโตะอุ้มร่างของมายุมิขึ้นพาดบ่าเพื่อไปทำการบางอย่าง โคจิเทน้ำมันที่เตรียมมาไปรอบๆ บ้านจุดไฟแช็กโยนลงไปบนพื้นที่เปียกชุ่มด้วยน้ำมัน เปลวไฟสีแดงฉานลุกพรึบชั่วพริบตาท่วมตัวบ้านหลังสวย นักฆ่าทั้งหกชีวิตจะเดินออกไปจากเขตรั้วบ้านหลังนั้นทันทีที่เสร็จสิ้นภารกิจที่หนึ่ง ต่อไปคือภารกิจที่สอง...สังหารสุชาลินี
“คุณท่านครับ คุณท่าน” ทางาดะเดินแกมวิ่งเข้ามาในงานเลี้ยงเปิดตัวคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ใบหน้าฉาบด้วยความตกใจในมือถือโทรศัพท์เครื่องจิ๋วติดอยู่ตลอดเวลา หากสังเกตเห็นมือนั้นสั่นเทา นำข่าวสารที่รับรู้มาไม่ถึงหนึ่งนาทีมาบอกหัวหน้าแก๊งมังกรขาวรวมทั้งสมาชิกในครอบครัว
“มีอะไรทางาดะคุงวิ่งหน้าตาตื่นมาเชียว?” ยูสุเกะเอ่ยถามเลขาวัยสี่สิบเจ็ดด้วยรอยยิ้มขำขัน เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย
“เกิดเรื่องที่บ้านครับคุณท่าน”
“เกิดเรื่องอะไร?” น้ำเสียงที่ถามนั้นดูจริงจัง ยูสุเกะกับเรียวต่างพุ่งสายตามาที่ทางาดะเป็นตาเดียว รอคอยคำตอบด้วยใจคอที่ไม่สู้ดี
“มีคนวางเพลิงที่บ้านครับ โทวะโทรมาบอกผมเมื่อกี้นี้เอง มันบอกว่ามีคนกลุ่มหนึ่งแต่งกายชุดดำบุกเข้ามาในบ้าน ทำร้ายคนของเรา เสียชีวิตไปหนึ่งนอกนั้นสลบครับ” หัวใจของคนที่ฟังกระตุกหล่นวูบลงมากองอยู่ที่ปลายเท้า วางเพลิง มีคนชุดดำบุกเข้ามาในบ้าน ทำร้ายคนของมังกรขาว นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง มันเกิดขึ้นได้ยังไง
“แล้วคุณแม่ล่ะ คุณแม่เป็นยังไงบ้าง?” เรียวเอ่ยถามเป็นประโยคแรกหลังจากที่ได้สติจากอารามตกใจ
“คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงเอ่อ...สิ้นแล้วครับ พวกมันพุ่งเป้าสังหารคุณผู้หญิงครับ โทวะยังบอกอีกว่ามันฟื้นมาเห็นตอนที่คุณผู้หญิงโดนยิงพอดี จากนั้นพวกมันก็เผาร่างของคุณผู้หญิงไปพร้อมกับบ้านครับ” ทางาดะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ น้ำตาเอ่อล้นออกมาอย่างสุดกลั้น มายุมิเป็นที่รักของทุกคนในแก๊งไม่มีใครเลยที่ไม่รักและไม่ให้ความเคารพนาง นางไม่เคยคิดร้ายกับใคร ไม่เคยคิดจะทำร้ายใครด้วย
ยูสุเกะเซไปทางด้านหลังสองสามก้าว ลำขายืนแทบไม่อยู่มันอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังต้องถลาเข้ามาประคอง หัวใจของยูสุเกะรู้สึกโหวงเหวงคล้ายกับว่าหัวใจที่ฝังอยู่ในร่างกายมันเหือดหายไปครึ่งดวง ที่เหลืออยู่จึงไม่สามารถที่จะทำให้ร่างกายยืนหยัดต่อไปได้ น้ำตาไหลออกมาด้วยความเสียใจ การสูญเสียภรรยาสุดที่รักซึ่งจากไปโดยไม่ทันร่ำลามันทำให้เขาเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แล้วยิ่งรู้ว่านางจากไปเพราะการลอบสังหาร เขายิ่งเจ็บเป็นร้อยเท่าที่ไม่สามารถอยู่ปกป้องชีวิตของนางได้
เรียวมีสีหน้าบ่งบอกถึงความเสียใจ โศกเศร้ากับการจากไปของมารดา เบ้าตามีน้ำใสๆ เอ่อคลอจวนเจียนจะไหล ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับแข็งกร้าว เดือดดาลจนน่ากลัว บ่งบอกถึงความแค้นเคืองสุดประมาณ มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น แน่นจนลำแขนหนาสั่นตามไปด้วย เส้นเลือดสีเขียวนูนขึ้นมาไล่ตั้งแต่ข้อมือจนกระทั่งถึงลำคอ ไม่เว้นแม้แต่กรามทั้งสองข้างที่ถูกเจ้าของขบกันแน่น บังเกิดเส้นเลือดนูนขึ้นมาเช่นกัน อยากจะฆ่ากลุ่มคนชุดดำที่เหยียบเข้ามาแหย่หนวดเสือ ทำร้ายมารดาของเขาถึงชีวิต ชีวิตมันต้องแลกด้วยชีวิตเขาสาบานไว้ในใจ
“พวกมันเป็นใครคุณทางาดะพอจะรู้มั้ยครับ?” เรียวถามขึ้น เสียงเข้มห้วน ดวงตาเคืองขุ่น
“ไม่ทราบครับ ผมว่าจะไปดูหน่อยครับเผื่อว่าจะมีหลักฐานหลงเหลืออยู่บ้าง เราจะได้แกะรอยมันถูก”
“ผมไปด้วย ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเป็นใคร จะได้จัดการฆ่ามันถูก” ท่าทางของผู้พูดนั้นจริงจังและพร้อมจะทำตามที่พูดทุกอย่าง มันต้องตายอย่างทรมาน ตายเหมือนไฟแผดเผาให้เหมือนกับร่างของมารดาที่อยู่ในกองเพลิง
“ไม่ต้อง เรียวคุงต้องอยู่ที่นี่ เดี๋ยวพ่อไปเอง ลูกคอยดูแลที่นี่ให้ดีก็แล้วกัน เสร็จงานแล้วค่อยตามไป”
“แต่คุณพ่อครับ ผมคิดว่า...” เขาไม่มีกะจิตกะใจจะอยู่ในงานนี้ต่อไปแล้ว มารดาของเขาเสียชีวิตทั้งคนจะให้เขาทำใจให้สบายแล้วอยู่ดูแลแขกเหรื่อได้ยังไง เขาทำไม่ได้