บทที่ 3 ธาตุแท้ของเจ้าบ่าว 3
เขาแก้ตัว และนั่นยิ่งทำให้หล่อนโมโหหนักเข้าไปใหญ่ ร่างเล็กๆรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำหวังจะใช้เป็นที่หลบภัยให้รอดพ้นจากลูกกะตาคมๆพราวระยับนั่น
แต่เพราะมัวแต่วิ่ง แถมชายกระโปรงยังยาวระพื้นรุ่มร่าม ทำให้หล่อนเสียหลัก ล้มลงที่พื้น
พลั่ก !
แซ็คตั้งท่าจะก้าวเข้ามาประคอง แต่หล่อนกระวีกระวาดลุกขึ้น แล้ววิ่งโขยกเขยกไปคว้าผ้าขนหนูที่พาดบนราวมาถือไว้ จากนั้นก็รีบเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียงปิดประตูดังปัง
ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ยกมือขึ้นลูบคางไปมา ดวงตาส่อประกายขบขัน
หมดมาดเลยแฮะ... ทั้งซุ่มซ่าม ทั้งเพี๊ยน นี่น่ะหรือ...ตัวจริงของคุณหนูแวววี่ผู้เย่อหยิ่ง !
“ปั๊ดโธ่เว๊ยย ! นี่มันอะไรกัน เจ้าสาวหายไปไหน” ภาคภูมิสบถลั่นพร้อมกวาดแฟ้มเอกสารที่วางบนโต๊ะลงพื้นจนหมดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ใบหน้าหล่อแบบเรียบๆฉายแววโกรธขึ้ง
เขาหอบหายใจแรงด้วยความโกรธ หวนนึกไปถึงยามเย็นที่กำลังจะจดทะเบียนสมรสกับแวววิวาห์ ทว่ากลับเกิดเหตุไฟไหม้โรงจอดรถเสียก่อน
ไม่คิดเลยว่านั่นจะเป็นแผนลวงที่ทำให้ทุกคนมัวไปดูอัคคีภัยที่เกิดขึ้น เปิดโอกาสให้โจรแอบลักลอบมาลักพาตัวเจ้าสาวของเขาไปอย่างง่ายดาย
คงอาศัยช่วงชุลมุน และทุกคนกำลังโกลาหลในการพาแวววิวาห์หนีไป
ใครกัน...ใครมันกล้าล้วงคองูเห่าอย่างเขา !
“ทำยังไงดีครับคุณภาคภูมิ แขกที่อยู่ในงานคงสงสัยว่าเจ้าสาวหายไปไหน เราจะให้สื่อรู้ไม่ได้นะครับว่าแวววี่หายตัวไป ไม่งั้นแวววี่คงถูกพูดถึงเสียๆหายๆ กลายเป็นผู้หญิงมีตำหนิแน่ๆ” วิธานออกอาการร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด เขาชะเง้อมองไปทางนอกหน้าต่างที่มีรถดับเพลิงและผู้คนชุลมุนวุ่นวาย
“ผมก็ไม่ต้องการให้นักข่าวรู้ ไม่งั้นก็เหมือนผมถูกฉีกหน้า ในวันแต่งงานเจ้าสาวถูกใครลักพาตัวไปก็ไม่รู้ เจ้าสาวที่ควรจะบริสุทธิ์ก็เปื้อนราคี แล้วผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
ฟังคำโวยวายของภาคภูมิแล้ว วิธานอยากตอกกลับไปนักว่า‘หน้าคุณก็ไว้บนคอนั่นแหละ’ แต่เพราะความเกรงใจเลยไม่กล้าพลั้งปากออกไป รู้สึกไม่พอใจนิดหน่อยที่ว่าที่ลูกเขยห่วงชื่อเสียงตัวเองมากกว่าจะห่วงลูกสาวของเขา นี่เขาคิดผิดหรือเปล่านะที่ยอมยกแวววิวาห์ให้แต่งงานกับภาคภูมิ
“ถ้างั้นเราจะทำยังไงกับแขกเหรื่อ”
“ตอนนี้ทุกคนคงกำลังตกใจ” ภาคภูมิพูดพลางหลับตาลงเพื่อตั้งสติ “ผมคิดว่าคงไม่มีใครมีกะจิตกะใจจะร่วมยินดีในงานแต่งกันแล้ว เราก็บอกขอบคุณแขกทุกคน แล้วอ้างว่าฤกษ์ไม่ดี จะเลื่อนไปแต่งงานใหม่ครั้งหน้า”
“แล้วถ้ามีคนถามถึงแวววี่ล่ะ จะตอบว่ายังไง” วิธานถามอย่างเป็นกังวล และนั่นก็ทำให้ภาคภูมิขมวดคิ้วฉับ เอ่ยตอกหน้าอย่างไม่คิดเกรงใจว่า
“แค่นี้คิดไม่เป็นเหรอไงครับ เราก็บอกไปสิว่าแวววี่ช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเป็นลมไปแล้ว”
“อืม” ชายวัยกลางคนรับคำด้วยท่าทางเครียดๆ “ถ้างั้นในระหว่างที่ปิดข่าวเรื่องแวววี่หายตัวไป เราจะต้องรีบตามหาตัวแวววี่ให้พบ”
“แน่นอน” ภาคภูมิหันมามองชายรุ่นพ่อ ก่อนเหยียดยิ้มหยัน “แต่ถ้าได้ตัวแวววี่กลับคืนมาแล้ว ผมคงต้องขอตรวจสินค้าดูก่อนนะว่ามีตำหนิหรือเปล่า เพราะผมไม่นิยมใช้ของมือสอง หวังว่าคุณคงเข้าใจ”
วิธานหน้าเผือดสี ลอบบดกรามกรอดอย่างแค้นใจ หลงชื่นชมว่าว่าที่ลูกเขยเป็นเทวดา ไม่คิดเลยว่าเนื้อแท้จะไม่ต่างจากปิศาจ เปรียบเทียบลูกสาวเพียงคนเดียวของเขากับสินค้าชิ้นหนึ่งเท่านั้น
น่าเจ็บใจนักเชียว แต่คงพูดอะไรออกมาไม่ได้มาก เพราะภาคภูมิมีทั้งเงินและอำนาจ เขาจำเป็นต้องอาศัยยืมมือผู้ชายคนนี้ในการสืบหาแวววิวาห์
“ผมออกไปข้างนอกก่อนนะ จะรีบเคลียร์แขกที่มางานให้เรียบร้อย แล้วจะไปตามหานายอำเภอด้วย” ภาคภูมิบอก พลางเตะแฟ้มเบาๆอย่างเซ็งสุดขีด
“นั่นสิ ตั้งแต่เกิดเรื่อง นายอำเภอก็หายหน้าไปเลย”
“คงตกใจเลยรีบกลับบ้านล่ะมั้ง ผมจะไปตามนายอำเภอที่บ้าน จะถามว่าเขาเห็นคนร้ายบ้างมั้ย บางทีนายอำเภออาจได้เห็นภาพอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์กับพวกเราบ้างก็ได้”
“อืม...ครับ” วิธานพยักหน้ารับ มองชายหนุ่มรุ่นลูกที่ผลักประตูก้าวออกไปจนลับสายตา ก่อนที่เขาจะลอบถอนหายใจเบาๆอย่างหนักอก
แวววิวาห์...ขอให้ปลอดภัยเถอะนะลูก ขออย่าให้เกิดอันตรายขึ้นเลย พ่อเป็นห่วง !