สวาทรักวิวาห์กำมะลอ

102.0K · จบแล้ว
อักษรสีทอง
73
บท
7.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ในวันวิวาห์ หญิงสาวถูกชายแปลกหน้าช่วงชิงจูบแรกไป จากนั้นเขาก็ลักพาตัวหล่อนมาขังไว้ เขากลั่นแกล้งหล่อนสารพัด บังคับให้หล่อนเป็นทาสสาว ต่อมาก็เลื่อนขั้นเป็นเมียทาส และอะไรก็ไม่น่าเจ็บใจเท่ากับว่า...หล่อนหลงรักผู้ชายเถื่อนๆคนนี้จนสุดหัวใจ !

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันประธานตลกพลิกชีวิตแต่งงานสายฟ้าแลบรักหวานๆเศรษฐีโรแมนติก

บทที่ 1 งานวิวาห์ และการถูกลักพาตัว 1

บทที่ 1

งานวิวาห์ และการถูกลักพาตัว

บ้านหลังใหญ่ตั้งกลางเนื้อที่ 4 ไร่ บริเวณด้านหน้าคือสนามหญ้าที่ตัดเตียนจนยอดปลายสม่ำเสมอ ให้ความรู้สึกนุ่มฝ่าเท้าเมื่อเหยียบลงไป

บรรยากาศยามเย็นสดชื่น ท้องฟ้าฉาบทาด้วยสีส้มอ่อนรอนแสง กระไอความแรงร้อนช่วงบ่ายค่อยๆจางหายไป กลายเป็นความหนาวเหน็บแทรกแทนที่

บ้านที่เคยเงียบสงบมานานแรมปี วันนี้ครึกครื้นด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาซึ่งต่างสวมเพชรนิลจินดา อวดฐานะความมั่งมีของตน พูดคุยกันเสียงเซ็งแซ่ เสื้อผ้าที่ทุกคนเลือกมาประดับปกปิดร่างกายมีหลากสี และราคาแพง เพราะคนเหล่านี้มักเป็นคนดังอยู่ในสังคมหรูหรา ทว่า...กลับไม่มีใครโดดเด่นเกินหน้านางเอกของงานนี้

แวววิวาห์ วลีไพลิน หญิงสาววัย 25 ปี ที่มีใบหน้าหวานละมุน ผมยาวสลวยถูกรวบเกล้าขึ้นสูง จัดแต่งคล้ายกลีบผกา แซมด้วยดอกไม้ของจริงสีขาวเล็กๆพอให้เห็นประปราย กระจุ๋มกระจิ๋ม

หล่อนอยู่ในชุดสีขาวปักเลื่อมประกายมุก ด้านบนเป็นเกาะอกอวดเนินอิ่มที่ล้นทะลักออกมาอวดสายตาคนที่แลเห็น ช่วงลำตัวแนบ เน้นหน้าท้องแบนราบ และสะโพกผายตึง ตัวกระโปรงผ่ายาวด้านขวาจนเห็นต้นขาขาวๆวับแวม ชายกระโปรงยาวระพื้นกรีดกรายราวหงส์ขาวผู้เย่อหยิ่ง

แวววิวาห์เป็นคนสวยและเป็นจุดสนใจของทุกคนในงาน จนทำให้ผู้เป็นเจ้าบ่าวดูด้อยลงไปถนัดตา

“เฮ้... แวววี่คนงาม ตั้งแต่ช่วงสายจนถึงตอนนี้ คุณก็ยังสวยไม่สร่าง” เจ้าบ่าวร่างผอมแห้งตรงเข้ามาโอบบ่าหล่อนอย่างสนิทสนม กลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งจากปากของภาคภูมิทำให้หญิงสาวถึงกับเบ้หน้าอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก

“แน่สิ ก็ฉันเป็นคนสวย ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย เย็น หรือตอนกลางคืน ฉันก็ยังสวยเสมอ” หล่อนตอบอย่างมั่นใจ...โดยไม่ยอมบอกความจริงว่าหล่อนแอบไปเติมหน้าที่ห้องน้ำอยู่บ่อยครั้ง เพราะหล่อนยอมไม่ได้เด็ดขาดที่จะปล่อยให้ตัวเองหน้ามันเยิ้ม

“ก็จริงของคุณ” ภาคภูมิหัวเราะในลำคอ “แต่น่าเสียดายที่คุณเป็นคนเอเชีย” นิ้วยาวไล้ไปตามเส้นผมสลวยที่ตกระแก้มใส ซึ่ง หญิงสาวก็เบี่ยงหน้าหนี

“คุณพูดเหมือนไม่พอใจที่แต่งงานกับคนไทย”

“เปล่า... คุณก็สวยนะ ผมภูมิใจที่ได้แต่งงานกับคุณหนูแวววี่อย่างคุณ”

“แน่นอน” แวววิวาห์เชิดคอขึ้นอย่างหยิ่งยะโส “คุณควรขอบคุณที่ฉันยอมแต่งงานกับคุณ ทั้งๆที่ฉันสวย รวย ฉันเพอร์เฟ็กต์และแสนดีทุกอย่าง แต่ฉันก็ยังเลือกคุณ ดังนั้นคุณต้องภูมิใจให้มากเข้าไว้”

“หืม... สวย รวย ?” ภาคภูมิหัวเราะ แววตาเปล่งประกายประหลาดอย่างที่หญิงสาวอ่านไม่ออก และหล่อนก็ไม่คิดจะสนใจ เพราะตอนนี้ดวงตาของหล่อนแลเห็นใครบางคนที่นั่งอยู่โต๊ะสีขาวซึ่งตั้งอยู่ใต้ซุ้มเฟื่องฟ้า...และเขาคนนั้นก็กำลังมองหล่อนอยู่เช่นกัน

วงหน้าเขาประกอบด้วยเครื่องหน้าสมส่วน สันกรามได้รูป คิ้วเข้มสีดำสนิท และ...ดวงตาสีฟ้าเจ้าเสน่ห์ ตรงกลางคือสันจมูกโด่ง ต่ำลงมาคือริมฝีปากสีชมพูกุหลาบ

หล่อเหลาราวจิตรกรตั้งใจปั้น...เหมือนเทพบุตรกรีก แต่ทำไมนะ...ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นถึงมองหล่อนอย่างไม่พอใจ

หล่อนคิดไปเองหรือเปล่า แต่ประกายตาคมกล้าที่จ้องมองมาราวกับจะมองลึกเข้าไปถึงกระดูกของหล่อน และที่สำคัญ แม้ว่าจะมีแขกต่างชาติหลายคนเพราะภาคภูมิชอบคบหากับคนต่างประเทศ แต่หล่อนมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ในงานตั้งแต่ต้น

เขาเพิ่งมา ? เขาเป็นใครกัน หรือว่าเป็นเพื่อนอีกคนของภาคภูมิ ?

แวววิวาห์หันขวับไปมองข้างกาย พบว่าเจ้าบ่าวถูกเพื่อนลากตัวไปทางอื่นแล้ว ตอนนี้จึงเท่ากับว่าหล่อนยืนอยู่คนเดียว...

หากเป็นหญิงอื่นคงยืนนิ่งละล้าละลังไม่กล้าสบตากับหนุ่มหล่อคนนั้น แต่สำหรับคนอย่างคุณหนูแวววี่ หล่อนไม่เคยกลัวใคร !

หญิงสาวก้าวฉับๆเข้าไปใกล้โต๊ะที่คนแปลกหน้านั่งหลบมุมอยู่ เท้าแขนเรียวลงบนโต๊ะแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเขา ถามว่า

“คุณเป็นใคร เมื่อเช้าไม่เห็นคุณนี่”

“ผมชื่อ แซ็ค มาสเตอร์สัน เพิ่งเข้ามาในงานเมื่อครู่นี้เพราะช่วงเช้าติดธุระ ต้องขอโทษที่มาช้า แต่คงทันได้เห็นคุณกับหนุ่มคนรักจดทะเบียนสมรสกัน”

คำพูดเขาฟังแปลกหูชอบกล สำเนียงไทยแปร่งปร่าแต่ก็ชัดถ้อยชัดคำจนหล่อนนึกทึ่ง

“คุณเป็นเพื่อนของคุณภาคภูมิเหรอ”

“จะพูดว่าไงดีล่ะ” เขายื่นหน้าเข้าใกล้จนเกือบชิดหน้าหญิงสาว จนหล่อนรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดแก้มบางจนวูบวาบทั้งหน้า รีบดึงหน้าตัวเองถอยกลับแล้วตั้งหลักยืนมั่น คอเชิดเหมือนเก่า “เอาเป็นว่า...ผมรู้จักกับว่าที่สามีของคุณ รู้ว่าเขาจะแต่งงาน ผมจึงมา...อยากเห็นหน้าผู้หญิงที่มัดใจภาคภูมิไว้ได้”

“คุณพูดจาแปลกๆ ถามจริง...มีอะไรซ่อนเร้นหรือเปล่า”

“ไม่รู้สิ” มุมปากได้รูปกระตุกนิดๆ พลางหลุบตาลงต่ำ “คนเราทุกคนล้วนมีบางอย่างที่ไม่อยากบอกใคร ซึ่งผมคงไม่จำเป็นต้องตอบคุณหรอกกระมัง”