2
Chapter 2
“อยากรู้ไหมว่า... ลามก โรคจิตเป็นยังไง หึหึ” อุกฤษฏ์แกล้งยื่นหน้าเข้าไปหา พวงชมพูเบี่ยงหน้าหนี มองตาเขียว
ผู้หญิงอะไรแก้มเนียนหอมชะมัด นี่เขายังไม่ได้ประทับปากลงไปตรงๆ หรอกนะ แค่อยู่ระยะกระชั้นชิดก็ทำให้เขาไขว้เขวได้แล้ว
“อย่านะ ไอ้บ้ากาม นายจะพาฉันไปไหนนี่ ปล่อยฉันไปเถอะนะ” พวงชมพูถามอย่างหวาดระแวง ไม่คิดว่าการเดินทางมาหาบิดาครั้งนี้จะโชคร้าย
“สาวๆ สวยๆ แบบนี้พาไปทำอะไรดีนะ เอาไปทำเมียดีหรือเปล่า” อุกฤษฏ์หัวเราะอย่างครื้นเครง ยิ่งเห็นใบหน้าหวานหยาดเยิ้มหยดย้อยแดงก่ำด้วยความโกรธ ยิ่งอยากยั่วเข้าไปอีก
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันจะไม่เอาเรื่องนายแน่นอน เพราะถือว่านายช่วยชีวิตฉันไว้ บ้านฉันรวยมากนะ นายจะเอาเงินเท่าไหร่ฉันจะให้คุณแม่เงินส่งมาให้”
เธอรีบยกมือไหว้เขา เอ่ยขอร้องเสียงสั่น เพราะยิ่งเขาควบม้าไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งเข้าไปในป่าลึก แถมลูกน้องของเขายังตามมาเป็นพรวน ผู้ชายเป็นโขยงแบบนี้ ถ้ายังแข็งข้อ พวงชมพูคิดว่าตัวเองคงไม่รอด คงต้องใช้ไม้อ่อนพูดจาเกลี่ยกล่อม บางทีเธออาจจะรอดก็ได้
“เรื่องอะไรจะปล่อยง่ายๆ ได้ทั้งเมียได้ทั้งเงินไม่ดีกว่าเหรอ” อุกฤษฏ์หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ พวงชมพูยิ่งหวาดกลัวจนตัวสั่น ไม่คิดว่าจะโชคร้ายมาเจอโจรกลางทางแบบนี้ ใจก็นึกห่วงสมนึก คนขับรถของบิดา
“น้าสมนึกล่ะ ลุงคนขับรถที่มากับฉัน” เธอถามเสียงสั่น
“ไม่รู้”
“ใจร้าย” พวงชมพูหน้าเสียเมื่อชายหนุ่มตอบกลับเสียงเฉยชา
“หึหึ อุตส่าห์มาช่วยยังหาว่าใจร้ายอีก”
“เราไม่เคยมีความแค้นต่อกัน นายปล่อยฉันไปเถอะนะ” เธอยังขอร้อง
“พูดมากน่า นั่งเงียบๆ บ้างไม่ได้เหรอแม่คุณ เดี๋ยวเอาอะไรยัดปากหรอก”
พวงชมพูหุบปากฉับเพราะพูดไปก็คงไร้ประโยชน์ เธอได้แต่ทำใจ อธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ตัวเองรอดตาย หญิงสาวคิดไปต่างๆ นาๆ เธอต้องไปเป็นเมียโจรอย่างนั้นเหรอ คนเดียวไม่ว่า แต่ถ้าเป็นโขยงจะทำยังไง ยิ่งคิดยิ่งตัวสั่น หวาดกลัวจนฟันกระทบกันกึกๆ
“เป็นอะไรแม่คุณ หรือว่าสั่นเสียว”
“บ้า” พวงชมพูเหวใส่หน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินคำพูดทะลึ่งของเขา
“สั่นเสียวหมายถึง เสียวไส้ กลัวตกจากหลังม้าไง หึหึ” ชายหนุ่มยังแกล้ง พูดให้เธอหน้าแดง
“คิดอะไรอยู่ล่ะ หรือคิดทะลึ่งกับผม”
“บ้า!” เธอนึกอะไรไม่ออกก็ว่าเขาบ้าท่าเดียว ได้ยินเสียงหัวเราะครื้นเครงของเขาก็หน้างอ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น คนอะไรโดนด่าแล้วยังมาหัวเราะอีก สงสัยจิตจะไม่ปกติ
ตายแล้ว!!! ถ้าจิตของเขาไม่ปกติจริงๆ จะทำยังไง เธอมิกลายเป็นหนูทดลอง ให้เขาทำอะไรแปลกๆ กลางป่าเหรอ ที่ร้ายและย่ำแย่ไปกว่านั้น เธอตายอยู่ที่นี่ มารดาหรือใครๆ ก็คงไม่รู้ กว่าจะเจอศพคงโดนเสือแทะกินไม่เหลือซากไปเสียแล้ว
“กอดคอแน่นๆ หน่อยสิ เดี๋ยวตกลงไปนะ ดิ้นหนีไปทำไมด้านหลัง” เขาทำเสียงดุดึงเอวรัดร่างเธอเอาไว้ ทำเสียงขัดใจใส่เธอ
“อื้อ...” พวงชมพูร้องครางเมื่อหน้าอกของเธอเบียดกับอกของเขา ม้าควบไปข้างหน้า อกของเธอก็ยิ่งเสียดสี ความที่ไม่เคยให้ชายใดใกล้ชิด ทำให้เธอขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก
มือของเขาเริ่มอยู่ไม่สุข ลูบไล้เลื่อนลงมายังสะโพกกลมกลึง กลิ่นกายหอมๆ ทำให้ชายหนุ่มเริ่มมีอารมณ์ปรารถนา จนเขาเผลอสบถออกมา เมื่อต้องอดกลั้นบนหลังม้าแบบนี้
อุกฤษฏ์คิดเองเออเอง สรุปเสร็จสรรพว่าเขามีสิทธิ์ในตัวเธอ และเธอก็ไม่มีวันหนีเขาพ้น!!!
“อย่านะ” เธอร้องประท้วงเมื่อเขาล้วงมือเข้ามานวดขยำอกสาวอวบอิ่ม แต่เพราะดิ้นหนีไปไหนไม่ได้ เธอเลยได้แต่ปรามเขาทั้งน้ำเสียงและสายตา
หนั่นเนื้อแน่นเต่งตึงของสาวสวยทำให้อุกฤษฏ์สุดจะทานทน อยากจะปลดเอาแก่นกายความเป็นชายออกมาสอดเสียบกระแทกลงในซอกกายสาวเสียเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ติดว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย
“นั่งนิ่งๆ สิ เดี๋ยวตกจากหลังม้า แข้งขาหักจะทำยังไง” คนเจ้าเล่ห์ได้ทีข่มขู่สาวน้อยในอ้อมแขน
“นายก็หยุดมือลวนลามฉันสิ” เธอบิดตัวแต่ขยับไปไหนไม่ได้มากเพราะกลัวตกจากหลังม้าจริงๆ
“ก็อยู่นิ่งๆ ให้จับสิ อย่างนี้เค้าไม่เรียกว่าลวนลาม เค้าเรียกสำรวจตรวจตรา” คนหน้ามึนพูดหน้าตาเฉย
“บ้า” เธอไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาด่าว่าเขาดีแล้ว คนอะไรหน้ามึนหน้าด้านที่สุด
“เหรอ” เขาตีหน้ายียวนกวนประสาท พวงชมพูกรอกตาไปมา เธออยากจะหาอะไรฟาดกบาลเขานัก แต่มันไม่มีนี่สิ
“อื้อ...” ด่าเขาแล้วต้องครางเพราะโดนขยำหน้าอกแรงๆ เหมือนเขาจะลงโทษที่เธอปากดีใส่
“ถ้ายังปากดีจะจูบให้ปากช้ำ”
“ร้ายกาจ ลามก” เธออัดอั้นตันใจ คนหน้ามึนที่เห็นแต่หนวดเคราเอาแต่ข่มขู่หาเรื่องรังแก
“จริง ผมน่ะร้ายกาจมาก ใครๆ ก็บอก อยากลองไหมล่ะ ลองความร้ายกาจของผม” เขาเลิกคิ้วถามยียวนกวนอารมณ์ตามสไตล์
“อุ๊ย!” พวงชมพูยกมือขึ้นปิดปากเมื่อเขาทำท่าจะประกบริมฝีปากลงมาทาบทับ เบี่ยงหน้าหลบ ดันใบหน้าเขาออกห่าง เสียงแซวดังมาจากทางด้านหลังพร้อมกับเสียงผิวปากล้อเลียน แต่คนเถื่อนก็ยังหมั่นขยำขยี้เนื้อตัวเธอเหมือนเธอเป็นอะไรสักอย่างที่อยู่ในมือเด็กผู้ชายจอมซน
“เจ้านายเบาๆ หน่อย เดี๋ยวตกลงจากหลังม้าคอหักตาย”
“เสือก!!!”
นั่นคือคำที่พวงชมพูได้ยินคนที่โอบกอดเธออยู่หันไปถลึงตาใส่บรรดาลูกน้อง แต่ไม่มีใครกลัว กลับหัวเราะขบขันเสียอย่างนั้น แล้วคนที่ถูกเรียกว่าเจ้านายก็ไม่มีท่าทางไม่พอใจแม้แต่น้อย กลับหันมาตั้งหน้าตั้งตาลวนลามเธอต่ออย่างหน้าด้านๆ
“อย่าร้องดังสิ เดี๋ยวพวกด้านหลังก็รู้หรอกว่าเราทำอะไรกันอยู่”
พวงชมพูอ่อนอกอ่อนใจไม่รู้จะหลีกหนียังไง ตอนนี้ลูกน้องของเขาก็คงรู้กันทั่วแล้วล่ะว่าทำอะไรกันอยู่ ยังจะมีหน้ามาพูดอีก ร้ายกาจที่สุด
พวงชมพูอ่อนใจยอมให้เขาบดเบียดลูบคลำไปจนถึงที่หมายปลายทาง สาวน้อยหน้าแดงผมยุ่ง ร้องครางไปตลอดทาง แต่พยายามเอามือปิดปากเอาไว้
“ลงมาสิแม่คุณ จะนั่งอยู่บนหลังม้าหรือไง” เขาลงจากหลังม้ายื่นมือมาให้เธอจับ พวงชมพูมองหมู่บ้านเล็กๆ ที่เธอคิดว่าเป็นหมู่บ้านโจรอย่างใจเสีย
“ว้าย!!!” เพราะมัวแต่เหม่อลอย เลยโดนกระชากมือลงไปหาจากหลังม้า เธอเสียหลักล้มลงทาบทับบนร่างแกร่งของเขา
พวงชมพูได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอของเขาเหมือนรำคาญ แต่มือหนากลับโอบกอดเธอเอาไว้แน่น ทำให้เธอทาบทับบดเบียดเขาอยู่แบบนั้น หญิงสาวพยายามดิ้นหนี เขาก็ยิ่งกอด เธอสัมผัสได้อย่างหนึ่งว่าเขาไม่ชอบให้ใครขัดใจ ยิ่งต่อต้านเขาก็ยิ่งรุก จึงตัดสินใจกอดเขาซะแน่นเต็มอ้อมแขนเสียเลย
“เฮ้ย!!!”
จริงดังคาด คราวนี้เขาตกใจผลักไสเธอออกจริงๆ พวงชมพูก้มหน้ามองพื้น ซ่อนสายตาเจ้าเล่ห์เอาไว้ เธอรู้จุดอ่อนของเขาแล้ว
คนอะไรไม่ชอบให้คนอื่นขัดใจ ชิส์! สงสัยจะชอบวางอำนาจบาตรใหญ่... ล่ะสิ
“ถึงแล้ว” เขาพูดเสียงเข้มๆ ใส่
พวงชมพูคิดว่าเขาคงไม่ใช่โจรเลวร้ายอะไร นอกจากบ้ากามเท่านั้น เพราะระหว่างทางก็ไม่มีท่าทีคุกคามเธอไปมากกว่าลวนลาม เธอคิดว่าเขาจะลากเธอไปข่มขืนในป่าพร้อมลูกน้องอย่างโหดเหี้ยม แต่ก็ไม่ใช่ นั่นทำให้เธอพอจะหายใจหายคอคล่องขึ้นหน่อย อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ดูเลวร้ายมากนัก เป็นคนไม่ชอบให้ใครขัดใจมากกว่า และดูเป็นคนรำคาญง่ายเสียด้วย
“นายจะให้ฉันพักที่นี่เหรอ”
เธอเอ่ยถาม กวาดสายตามองกระท่อมมุงจากที่สานฝาด้วยไม้ไผ่ก็ใบหน้าเหยเก ถึงมันจะดูสวย ดูดี และเป็นสิ่งที่เธอใฝ่ฝันว่าหากมาประเทศไทยจะมาพักที่บรรยากาศแบบนี้ แต่ไม่ใช่สถานการเช่นนี้แน่นอนเธอสาบานได้ ตรงนี้มองลงไปด้านล่างจะเห็นกระท่อมอีกหลายครั้ง แต่ห่างไกลออกไปมากทีเดียว เหมือนเขาจะแยกตัวออกมาเป็นพิเศษ ก็คงใช่ เพราะเขาเป็นเจ้านายของคนพวกนั้น จึงไม่อยากให้ใครมายุ่มย่ามรำคาญใจ