บท
ตั้งค่า

สตรีที่ฟื้นจากความตาย : 3

สองคน... ถูกแล้ว

บุตรสาวคนโตหรือคุณหนูใหญ่ที่เกิดจากฟ่างเสวียนสวี่กับเหวินเหม่ยเซียวหายตัวไปหลังจากนางคลอดลูกได้เพียงสามวัน ผ่านมาสิบเก้าปีไม่ได้ข่าวคราวคงเป็นอื่นใดไม่ได้นอกจากคุณหนูใหญ่ผู้นั้นไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว

กว่าเขาจะรักษาเยียวยาจิตใจของเหวินเหม่ยเซียวให้กลับมาเป็นปกติใช้เวลาถึงสามปี ภริยาเอกอย่างนางถึงยอมคลอดบุตรสาวอีกคนให้กับตน ไฉนเลยผ่านมาแค่สิบหกปีสวรรค์ถึงได้คร่าเอาชีวิตลูกสาวคนเล็กของเขากับเหม่ยเซียวไปอีกคนเช่นนี้

"นายท่านกลับไปพักที่ห้องก่อนดีหรือไม่"

เสียงของพ่อบ้านกุ้นทำให้เสวียนสวี่ได้สติกลับมายังปัจจุบัน

"ข้าพาท่านพี่กลับไปพักเอง พ่อบ้านกุ้นจัดการนำโลงศพมาใส่เซียนเอ๋อร์ให้ไว"

เสียงสั่งการของเจินซู่ทำให้เสวียนสวี่ไม่พอใจเล็กน้อย

การตบแต่งเทียนเจินซู่เข้ามาเป็นอนุภริยามิใช่สิ่งที่เขาต้องการ ทั้งหัวใจเขามีเพียงเหวินเหม่ยเซียวผู้เดียว หากแต่เพราะเป็นพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้เพื่อช่วยให้เสวียนสวี่คลายเศร้าจากการจากไปของบุตรสาวและอาการของเหวินเหม่ยเซียวที่น่าเป็นห่วง ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเลยพระราชทานสมรสให้เขากับเจินซู่เพื่อหวังให้เจินซู่ช่วยดูแลเขาตอนที่เหม่ยเซียวอยู่ก็เหมือนคนไร้วิญญาณ

"เจ้าอยู่คุมบ่าวไพร่พวกนี้เถอะ ข้ากลับห้องเอง"

เสวียนสวี่เย็นชาต่อนางเช่นไรก็เป็นเช่นนั้นอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

และเพราะเหตุนี้ยิ่งเพิ่มความเกลียดชังของนางที่มีกับเลือดเนื้อของเขากับศัตรูหัวใจนางนั้น

"ท่านพี่รักษาสุขภาพด้วย"

เจินซู่น้อมส่งสามีอย่างอ่อนโยน แม้จะบอกว่านางตบแต่งเข้าจวนฟ่างเพราะพระราชทานสมรสของฮ่องเต้ แต่ความจริงแล้วเจินซู่แอบมีใจให้เสวียนสวี่มานานแล้ว แม้เขาจะแต่งงานกับเหม่ยเซียวนางก็มิอาจตัดใจจากชายผู้นี้ได้ และด้วยเหตุนี้ ทำให้เจินซู่ทั้งรักทั้งชังสามีอย่างเสวียนสวี่

รักเพราะเขาคือรักแรกของนาง

ชังเพราะนางแทนคนตายไปแล้วอย่างเหม่ยเซียวไม่ได้

"ขนาดตายไปแล้วยังแว้งกัดท่านแม่ข้าให้ทุกข์ใจ!"

"เม่ยเอ๋อร์หยุด!"

เจินเม่ยเตรียมปรี่เข้าไปทำร้ายร่างกายผู้ที่นอนไร้ลมหายใจเพื่อแก้แค้นแทนมารดา ทว่าในนี้ยังมีสายตาคนอื่นอีกมากมายคอยจ้องจับผิดพวกนางอยู่เจินซู่จึงรีบเข้าไปห้าม

"มัวยืนมองอะไรกัน คุณหนูสามของพวกเจ้าตายไปแล้วรีบแยกย้ายกันไปจัดการศพนางสิ!"

เมื่อระบายกับคนตายไม่ได้ เจินเม่ยจึงเลือกระบายกับคนเป็นที่มีศักดิ์ต่ำต้อยกว่าตนเอง ทำเอาข้ารับใช้ถอนหายใจอย่างเอือมระอากับนิสัยเอาแต่ใจ เบ่งอำนาจของคุณหนูรองผู้นี้แล้วแยกย้ายกันไปจัดงานไว้ทุกข์ส่งฟ่างเซียนเซียนเป็นครั้งสุดท้าย

ผ่านมาแล้วหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้โลงศพสลักด้วยลวดลายสวยงามสมกับฐานะคุณหนูสามแห่งตระกูลแม่ทัพใหญ่ได้ถูกเตรียมไว้ในห้องนอนนางเรียบร้อยแล้ว รอเพียงเสวียนสวี่บอกลาบุตรสาวเป็นครั้งสุดท้าย ร่างที่ไร้วิญญาณนี้ก็จะถูกนำบรรจุลงในโลงศพทันที

"เซียนเอ๋อร์ลูกพ่อ"

แม้จะแกร่งและเด็ดเดี่ยวเพียงใด แต่หัวใจย่อมมีความอ่อนแอ น้ำตาหยดใสไหลอาบแก้มแม่ทัพใหญ่ผู้เกรียงไกรอย่างมิอายสายตาผู้คน

มือเหี่ยวย่นตามวัยเอื้อมไปลูบศีรษะบุตรสาวอย่างทะนุถนอม

"ต่อแต่นี้ไปเจ้ากับแม่คงเฝ้ามองดูพ่ออยู่บนสรวงสวรรค์"

ทุกคำร่ำลาช่างบาดขั้วหัวใจเหล่าบ่าวสาวรับใช้ในเรือนจนเกิดเสียงสะอึกสะอื้นดังระงมตาม

"ไม่ต้องห่วงพ่อ อีกไม่นานพ่อคงตามพวกเจ้าไป"

คำตัดพ้อนี้ทำเอาบ่าวสาวรับใช้ทั้งจวนส่ายหน้ากันถ้วนหน้า แม้ว่าแม่ทัพใหญ่ฟ่างจะอายุห้าสิบหกเข้าไปแล้วทว่าร่างกายยังแข็งแรงดี แถมยังดูหนุ่มแน่นกว่าวัยไยต้องกล่าวเช่นนั้นต่อร่างไร้วิญญาณของบุตรสาวให้ข้ารับใช้ในเรือนพากันใจคอไม่ดีเช่นนี้ด้วย

"ท่านพี่ ใกล้ได้ฤกษ์แล้วเจ้าค่ะ"

เจินซู่เอ่ยบอกสามีพร้อมรั้งเขาออกมาจากร่างนั้น

"ข้าขอมองหน้าเซียนเอ๋อร์เป็นครั้งสุดท้ายให้นานกว่านี้หน่อย"

ใจหนึ่งก็เอาแต่โทษตัวเองที่นาน ๆ ทีจะได้กลับมาบ้านอยู่เล่นเป็นเพื่อนบุตรสาว หากเลือกย้อนเวลาได้ เขาจะพานางไปอยู่ค่ายทหารด้วย จะพานางไปเปิดหูเปิดตาดีกว่าให้ขลุกอยู่แต่ในจวนเพราะเป็นห่วงโรคประหลาดนั่นจะกำเริบเช่นนี้

"ร่างขาวซีดน่ารังเกียจเช่นนั้นมีอะไรให้น่ามองกัน"

เจินเม่ยพึมพำเบา ๆ อยู่ในมุมหนึ่งของห้อง นางคงลืมไปว่าหน้าต่างมีช่องถึงได้กล้าพูดจาเช่นนั้นออกไป

"นายท่าน ได้เวลานำร่างคุณหนูสามลงโลงศพแล้วขอรับ"

พ่อบ้านกุ้นเอ่ยเรียกสติฟ่างเสวียนสวี่อีกครั้ง

บ่าวรับใช้สองคนประจำที่เตรียมหามร่างฟ่างเซียนเซียนลงในโลงศพที่ด้านในเคลือบไปด้วยทองคำ ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้นเสียก่อน

เปรี้ยง!

"กรี๊ด!!!"

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นทั้ง ๆ ที่ไม่มีเค้าลางของฟ้าฝน แสงของสายฟ้าที่ฟาดลงมาหน้าเรือนหลานฮวาสว่างจ้าจนทุกคนต้องหลับตา ทันใดนั้นร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงกระตุกหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะมีสาวรับใช้นางหนึ่งตาดีมองเห็นความผิดปกติของร่างฟ่างเซียนเซียน

"ผ...ผี ผีคุณหนูสาม!"

สาวรับใช้นางนั้นกรีดร้องเหมือนคนสติแตกก่อนจะสลบไป

ทั้งห้องเกิดความโกลาหลแตกตื่นตามคำบอกเล่านั้น สายตาหลายสิบคู่มองไปบนเตียงไม้ขนาดใหญ่ ก่อนจะกรูเข้าหากันด้วยอารมณ์หลากหลายแต่ออกไปทางหวาดกลัวมากกว่าเมื่อเห็นสิ่งผิดปกติบนเตียงนั้น

ร่างที่เคยไร้ลมหายใจค่อย ๆ ขยับช้า ๆ เริ่มจากมือที่พาดทับกันอยู่บนหน้าอก

"คุณหนู!"

อาถังรีบปรี่เข้าไปอย่างไม่กลัวว่านั่นจะเป็นผีหรือคน

"ผ...ผี ผีเซียนเซียนแน่ ๆ"

เจินเม่ยเบิกตาโพลงด้วยความตกใจที่เห็นร่างน้องสาวขยับไปมาก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง

"เซียนเอ๋อร์!"

เสวียนสวี่ปรี่เข้าไปประคองร่างบุตรสาวที่ยังโอนเอนเพราะเพิ่งฟื้นขึ้นมาด้วยความดีใจ

"เป็นไปไม่ได้"

เจินซู่รีบเข้าไปหาเจินเม่ยเพื่อหยิกแขนลูกสาวว่านี่ฝันหรือเรื่องจริง ทว่าเสียงร้องเจ็บของเจินเม่ยเป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้ามิใช่ความฝัน

"เซียนเซียน?"

ผู้ที่ลืมตาตื่นขึ้นมาทวนชื่อของตนเองพร้อมคิ้วขมวดเข้าหากันราวเจ็บปวดส่วนใด

"ข้า.. ข้ายังไม่ตาย?"

ริมฝีปากสีซีดคช้ำขยับเอ่ยด้วยความประหลาดใจ

ใช่ว่านางตกใจคนเดียวเสียที่ไหน คนทั้งห้องตกใจกับการตายแล้วฟื้นของนางยิ่งกว่า

"ใช่ เซียนเอ๋อร์ลูกพ่อยังไม่ตาย"

ชื่อนี้อีกแล้ว เหตุใดคนผู้นี้ถึงมาโอบกอดนางแล้วร่ำไห้พร้อมรอยยิ้มเช่นนี้กัน

ก่อนจะได้ไถ่ถามอันใดออกไป คนที่เพิ่งลืมตาตื่นกวาดสายตามองรอบห้องสี่เหลี่ยมแห่งนี้ ใช้ความคิดวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว

'ในเมื่อชีวิตนี้ท่านมอบให้ข้า วันนี้ข้าก็จะคืนมันให้ท่านเอง'

ความทรงจำสุดท้ายของนางมิใช่ที่นี่ และนางมิได้ชื่อเซียนเซียนอย่างที่คนผู้นี้และสตรีนางนั้นเรียกขาน ชื่อจริง ๆ ของนางคือ...

"ซูเหยา... ข้าชื่อเฟิงซูเหยา"

ริมฝีปากบางพึมพำออกมาเบา ๆ หากแต่ไม่มีใครได้ยิน มีเพียงสายตาเฉียบคมใคร่รู้ของเจินเม่ยที่เห็นนางขยับปากหากแต่จับใจความไม่ได้

"ตามท่านหมอ รีบตามท่านหมอมาดูอาการคุณหนูสามเร็วเข้า"

เสียงพ่อบ้านกุ้นตะโกนสั่งการอย่างดีใจ

บ่าวสาวในเรือนถึงกับแย่งหน้าที่นี้กันจนวุ่นวายไปหมด

"ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณเซียวเอ๋อร์ที่ส่งลูกกลับมาอยู่กับข้า"

เสียงขอบคุณสวรรค์ของแม่ทัพใหญ่ดังอย่างโล่งอก ไม่ต่างจากอีกคนที่ขอบคุณสววรค์ในใจเช่นกัน

'ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา ท่านคงส่งข้ากลับมาทวงแค้นเอาคืนคนพวกนั้น'

บุรุษที่หักหลังเฟิงซูเหยาผู้นี้อย่างเลือดเย็น!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel