งานเลี้ยงจวนแม่ทัพใหญ่ : 2
"คุณหนูเป็นอันใดเจ้าคะ"
อาถังเห็นอาการผิดปกติของคุณหนูสามจึงเร่งเดินเข้ามาคุกเข่าดูอาการใกล้ ๆ สีหน้าเฟิงซูเหยาในตอนนี้ซีดเผือดริมฝีปากสั่นเพราะกำลังข่มกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้
"ข้าไม่เป็นอะไรแค่เจ็บตรงนี้นิดหน่อย"
เฟิงซูเหยายกมือเชิงไล่สาวรับใช้ออกห่างเพราะนางไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอนี้
"คุณหนูเจ็บหน้าอกอีกแล้วใช่ไหมเจ้าคะ"
ถามออกไปใจก็วูบหวั่นกลัวจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นอีก
"เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าแข็งแรงดี"
แม้ก่อนหน้าเฟิงซูเหยาจะซักถามสาวรับใช้นางนี้ได้ความแล้วว่าร่างกายฟ่างเซียนเซียนอ่อนแอเพราะโรคหัวใจมาแต่กำเนิด ทว่าตอนนี้นางกลับรู้สึกว่าอาการเจ็บแปลบที่หน้าอกเมื่อสักครู่มิได้เกิดจากโรคเก่าของเจ้าของร่างกายนี้
มันเจ็บเหมือนตอนที่นางใช้มีดแหลมคมแทงขั้วหัวใจตนเองเพื่อปลิดชีพต่อหน้าคนรักที่หักหลังตนในตอนนั้นมากกว่า
"อึก!"
ยิ่งคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เฟิงซูเหยาต้องมาอยู่ในร่างกายผู้อื่นหัวใจนางยิ่งเจ็บแปลบทวีคูณจนต้องข่มกัดปากได้กลิ่นคาวเลือดเพราะปริแตก
"ข้าตามท่านหมอให้ดีหรือไม่เจ้าคะ"
อาถังร้อนใจปนเป็นห่วงอาการคุณหนูนางเสียเหลือเกิน
"ไม่ต้อง เจ้ารีบเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ข้าเถิด"
อีกไม่กี่เพลาก็จะถึงเวลาเลี้ยงฉลองแล้ว เฟิงซูเหยาไม่อยากเป็นเจ้าของงานที่ทำตัวสายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเจ้าของร่างกายคนก่อน
จากที่ฟังอาถังเล่าคร่าว ๆ เกี่ยวกับคุณหนูสามฟ่างเซียนเซียนแล้วช่างต่างจากนางคนละขั้ว
หากเปรียบเปรยฟ่างเซียนเซียนที่จิตใจอ่อนโยนคงเหมือนเทพธิดาบนแดนสวรรค์ ส่วนตนนั้นเป็นเพียงนางมารน้อยมือเปื้อนเลือดมาอย่างโชกโชน
"คุณหนูปล่อยผมก่อนดีไหมเจ้าคะ"
เฟิงซูเหยามองตนเองผ่านกระจกสำริดตรงหน้าอีกครั้ง ผมที่รวบตึงปล่อยเหมือนหางม้าคือทรงผมที่บุรุษผู้หนึ่งบอกว่าเหมาะกับใบหน้าของนางยิ่งนัก
"ตามใจเจ้าเถิด"
อะไรที่คนผู้นั้นชื่นชม บัดนี้นางจะละทิ้งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตนเองเสีย
เปลี่ยนทุกอย่างยกเว้น....
"เรียนคุณหนูสามนายท่านให้มาตามไปที่งานเลี้ยงเจ้าค่ะ"
เสียงสาวใช้นางหนึ่งดังขึ้นด้านนอก เฟิงซูเหยาพยักหน้าเพื่อปล่อยหน้าที่ตอบคำถามนี้แก่อีกคนจัดการแทน
"อีกหนึ่งเค่อข้าจะพาคุณหนูเข้าไปในงาน ฝากเจ้าช่วยเรียนนายท่านให้ที"
"ทราบแล้ว"
เสียงฝีเท้าสาวใช้นางนั้นไกลออกไปแล้ว เฟิงซูเหยานั่งมองเส้นผมสีดำสนิทปล่อยสยายถึงเอวบางด้วยหัวใจที่ล่องลอย
'ข้าช่วยเจ้าสางผมดีหรือไม่'
'ข้าชอบเจ้ารวบผมเช่นนี้ดูเป็นสตรีอาจหาญเหมาะแก่การอยู่ข้างกายข้า'
ความทรงจำเก่า ๆ พรั่งพรูออกมาให้เจ็บช้ำน้ำใจ ปิ่นปักผมในมือถูกกำจนหักเป็นสองท่อนอย่างไม่รู้ตัว
"คุณหนูบาดเจ็บไหมเจ้าคะ"
อาถังตกใจที่เห็นปิ่นไม้เนื้อดีถูกหักเพียงแค่กำมือเดียว
เหตุใดคุณหนูนางถึงมีเรี่ยวแรงเยอะถึงเพียงนี้
"เสร็จแล้วใช่หรือไม่"
เฟิงซูเหยามิได้สนใจน้ำเสียตกใจปนเป็นห่วงนั้นของสาวใช้นางนี้ นางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินไปเลือกชุดที่แขวนไว้
"ข้าชอบสีนี้"
สีแดงฉูดฉาดที่ถูกแขวนไว้มานานนมแต่ไม่เคยถูกใช้งานถูกมือแน่งน้อยของเฟิงซูเหยาหยิบมาสวมใส่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
"คุณหนูแน่ใจหรือเจ้าคะว่าจะใส่ชุดนี้"
ความจริงแล้วฟ่างเซียนเซียบชอบเสื้อผ้าสีนี้มาก หากแต่มันคือสีโปรดของฮูหยินรองเจินซู่ ทุกครั้งที่นางสวมใส่ชุดสีแดงลงบนเรือนร่างมักจะถูกกลั่นแกล้งจากแม่เลี้ยงใจร้ายทำให้พักหลัง ๆ ฟ่างเซียนเซียนหวาดกลัวจะโดนทำร้ายจึงไม่เคยสวมใส่อาภรณ์หรือเครื่องประดับที่มีสีนี้อีกเลย
"ไม่เหมาะกับข้ารึ"
เฟิงซูเหยาที่มีดวงตามั่นใจเต็มเปี่ยมมองสาวใช้ผ่านกระจกสำริดตรงหน้า ทำเอาอาถังถึงกับหลบสายตาคู่นั้นอย่างไม่รู้ตัว
"เหมาะเจ้าค่ะ คุณหนูสวมชุดสีนี้แล้วงดงามยิ่งนัก"
แม้ในใจจะรู้สึกว่าการกลับมาครั้งนี้ของฟ่างเซียนเซียนมีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปราวคนละคน ทว่าอาถังกลับรู้สึกว่าแบบนี้เหมาะกับคุณหนูนางมากที่สุด
เคยโอนอ่อนยอมสองแม่ลูกนั้นข่มเหงมานักต่อนัก ครั้งนี้หากคุณหนูนางฮึดสู้ขึ้นมาบ้างอาถังผู้นี้จะยอมสู้ตายเคียงข้างนางเอง
"ไปกันเถอะ ข้าพร้อมแล้ว"
"เจ้าค่ะ"
อาถังนำหน้าคุณหนูนางเพื่อพาไปยังเรือนใหญ่ที่ใช้จัดงานในค่ำคืนนี้
ท่าทางเชิดราวพญาหงส์ของเฟิงซูเหยาช่างแปลกตาต่อสายตาเหล่าข้ารับใช้เป็นอย่างยิ่ง ทุกท่วงท่าการเดินที่ดูสง่างามดึงดูดสายตาแขกเหรื่อในงานจนไม่มีใครละสายตาจากนางได้
"เซียนเอ๋อร์มาแล้ว"
ฟ่างเสวียนสวี่เรียกบุตรสาวอย่างดีอกดีใจ การกระทำออกนอกหน้านี้สร้างความขุ่นเคืองให้กับสองแม่ลูกที่ถูกลดตำแหน่งลงไปนั่งต่ำกว่าหัวหน้าตระกูลหนึ่งขั้นเกือบเทียบเท่าแขกเหรื่อคนอื่น ๆ
"เซียนเอ๋อร์ขออภัยที่มาสาย"
เฟิงซูเหยาย่อตัวเล็กน้อยด้วยกริยางดงามอ้อนช้อยต่อหน้าผู้นำตระกูลและแขกคนอื่น ๆ สร้างความเอ็นดูต่อคนในงานจนเกินหน้าเกินตาบุตรสาวอีกคน
"ท่านแม่ข้าทนไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ!"
เจินเม่ยกำมือแน่นอย่างหมั่นไส้น้องสาวต่างมารดาที่ทำตัวโดดเด่นกว่านาง
"ใจเย็น ๆ นี่งานฉลองของน้องสาวเจ้า ท่องเอาไว้"
ใช่ว่าเจินซู่จะชอบสักเท่าไรที่ลูกศัตรูหัวใจแย่งความรักจากเสวียนสวี่ไปครอบครองเพียงคนเดียว แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าเป็นวันของนาง เจินซู่จะยอมถอยหนึ่งก้าว ค่อยคิดรวบบัญชีวันหลังก็ยังมิสาย
"จอกนี้ข้าขอดื่มให้กับสวรรค์ที่ส่งเซียนเอ๋อร์กลับมาอยู่ข้างกายข้า"
เสียงกังวาลของแม่ทัพใหญ่ฟ่างดังขึ้นพร้อมจอกสุราหมักเลิศรส
"ท่านพ่อ เซียนเอ๋อร์ขอดื่มด้วยคน"
เสวียนสวี่ตกใจที่ได้ยินบุตรสาวเอ่ยขอดื่มสุราทั้ง ๆ ที่นางมิเคยดื่มสักครั้ง
"ข้าหมายถึงชาเจ้าค่ะ"
คนฉลาดไหวพริบดีอย่างเฟิงซูเหยาแก้สถานการณ์ได้อย่างไร้คนสงสัย
"ยกน้ำชาให้คุณหนูสาม"
ซูเหยารับถ้วยน้ำชาทำจากหยกเนื้อดีขึ้นมาถือไว้ สองพ่อลูกไหว้ขอบคุณฟ้าดินก่อนดื่มของเหลวในมือจนหมดจอก
"คนดีสวรรค์ย่อมคุ้มครอง ข้าขอดื่มให้คุณหนูสามอายุมั่นขวัญยืนอยู่เป็นขวัญกำลังใจแก่ท่านแม่ทัพใหญ่ไปจนผมเปลี่ยนสี"
นายกองทหารผู้หนึ่งกล่าวแสดงความยินดีจบ นายกองคนอื่น ๆ ก็พากันร่วมแสดงความยินดีกับปาฎิหาริย์ในครั้งนี้จนถ้วนหน้า กินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วยามซูเหยาก็หาเรื่องออกจากงานสังสรรคที่มีแต่คนแปลกหน้าเพื่อเก็บตัวเงียบ ๆ ในสวนดอกไม้คนเดียว