ตอนที่7 ตามแผน1
ยิ่งชายหนุ่มได้มองหญิงสาวนานเท่าไหร่ ใกล้เท่าใด ความรู้สึก ‘คิดถึง’ ยิ่งท่วมท้นล้นหัวใจ
หลังจากที่ตามหามานาน รอคอยตั้งแต่ชาติที่แล้วจวบจนชาตินี้ พลิกแผ่นดินตามหาทั้งทิวาและราตรี
ในที่สุดก็ได้เจอ...
จ้าวซือหง
*****
ทางเดินระหว่างห้องพักชั้นสามในโรงเตี๊ยม
หลัวลี่ลี่จับมือพาเฉินเจียหมิงเดินมาอย่างร้อนรน วาจากระเง้ากระงอดโกรธกรุ่น
“ข้าพยายามคุยกับพี่เว่ยซินแล้ว แต่นางไม่ฟังข้า นอกจากไม่ฟังไม่คิดเจรจายังไล่ข้าออกมาอย่างหยาบคาย จากนั้นนางก็หันไปคุยกับบุรุษผู้หนึ่ง ข้าลอบติดตามจึงแอบเห็นนางเปิดห้องเข้าไปกับบุรุษผู้นั้นเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั่วร่างของเฉินเจียหมิงเสมือนถูกความร้อนรุ่มรุมเร้า เคียดแค้นจนแสบเคืองร้อนผ่าวไปทั้งตัว
“นางต้องการเอาคืนข้าด้วยวิธีต่ำช้ากระนั้นหรือ?”
หลัวลี่ลี่ยกมือปาดน้ำตาที่เอ่อคลอด้วยกิริยางดงาม
“ข้าไม่คิดว่าพี่เว่ยซินทำไปเพราะประชดประชันหรือเอาคืนหรอกเจ้าค่ะ เท่าที่เห็นนางกับชายคนนั้นเหมือนเป็นคู่รักกันจริงๆ อ๊ะ! ทางนี้เจ้าค่ะ ห้องนี้”
หญิงสาวไม่รีรอให้พิรุธก่อเกิด หรือความคิดที่เตลิดของเฉินเจียหมิงเข้าที่เข้าทางและเริ่มไตร่ตรองจนหาเหตุผลเข้าข้างไป๋เว่ยซิน นางผลักประตูห้องเข้าไปทันที
ทว่าสิ่งที่เห็นคือความว่างเปล่า บนเตียงไร้เงาร่างของไป๋เว่ยซินและบุรุษคนที่นางจ้างวาน
หรือว่านางจำผิดห้อง?
หลัวลี่ลี่จึงปรายตามองไปทางห้องด้านข้างอย่างเร็ว จากนั้นก็พาเฉินเจียหมิงพุ่งทะยานไปอย่างไม่ยั้งคิด
นางเอื้อมมือผลักบานประตูหมายเข้าไปอย่างอุกอาจ หากแต่ประตูกลับปิดสนิท คาดว่าน่าจะลงดาลจากด้านใน
“พี่เว่ยซิน พี่เปิดประตูให้ข้าเถิด อย่าทำแบบนี้เลย” สาวน้อยอ้อนวอนทั้งน้ำตา กิริยาสุภาพแฝงความน่ารักสมวัยที่ไร้เดียงสา ท่าทางห่วงใยไป๋เว่ยซินหนักหนา
ภายในห้อง ไป๋เว่ยซินกำลังทายาให้แผลที่เริ่มสมานตรงแผงอกให้ชายปริศนาอย่างตั้งอกตั้งใจไร้ท่าทีรังเกียจ ทว่าบาดแผลมากมายปานนี้ทำคนนึกกังขาอยู่บ้าง
เมื่อได้ยินเสียงโวยวายสะอึกสะอื้นของหลัวลี่ลี่ที่ดังเล็ดลอดเข้ามา นางจึงเงยหน้ามองสบตาเขาทันที
“เปิดหรือไม่?” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังราบเรียบ
ไป๋เว่ยซินเม้มปากสีหน้าหนักใจ กระนั้นนางก็คิดว่าสมควรทำให้จบๆ ไปเสียที
เรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ตัวนางอาจต้องมัวหมองเสื่อมเสียชื่อเสียงไปบ้าง ทว่าอย่างน้อยนางก็ไม่ต้องถูกย่ำยีจนเสียความบริสุทธิ์ให้ชายกักขฬะผู้นั้น และอาจได้รับอิสระจากบุรุษโลเลหลายใจอย่างเฉินเจียหมิง
ต่อให้ผู้อื่นไม่รู้ตื้นลึกหนาบางแต่ชายตรงหน้านางต้องรับรู้ความจริงในวันนี้แน่นอน มิรู้เพราะเหตุใด แค่คิดได้เพียงเท่านี้ นางกลับอบอุ่นใจอย่างประหลาด
แค่เขาไม่เข้าใจผิดนางเหมือนผู้อื่นเท่านั้น
หญิงสาวสบตาคมเฉี่ยวลึกล้ำของเขา “เปิดเจ้าค่ะ แต่ข้าขอร้องอย่างหนึ่ง”
“ว่ามา”
นางค่อยๆ บอกอย่างเด็ดเดี่ยว “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่เอ่ย ท่านไม่พูด ได้หรือไม่เจ้าคะ?”
ในแววตาเย็นชา คล้ายทอประกายลุ่มลึกมากยิ่งขึ้น เขาตอบรับเสียงต่ำ “ได้...”
พริบตานั้น กลอนประตูพลันหลุดจากสลักด้วยฝีมือของเงาดำผู้หนึ่ง บานประตูถูกเปิดออก
หลัวลี่ลี่กับเฉินเจียหมิงรีบพุ่งตัวเข้ามา
ภาพในห้องที่ปรากฏแก่สายตาชายหญิงผู้จู่โจม คือไป๋เว่ยซินกำลังนั่งหันหน้าเข้าหาชายเปลือยกายท่อนบน ทั้งสองแม้ไม่มีอะไรเกินเลยแต่กลับทำให้ผู้คนคิดเลยเถิด กลางห้องพักที่มีแสงตะวันลอดผ่านเข้ามาจนสว่างเจิดจ้ากลับมีความคลุมเครือที่บอกไม่ถูก
ช่างเป็นภาพที่ชวนให้ผู้คนคิดไปไกล
“ไป๋เว่ยซิน เจ้า...” เฉินเจียหมิงถึงขั้นพูดไม่ออก
หลัวลี่ลี่ตกตะลึง ทว่ามิใช่ตกตะลึงเพราะภาพที่เห็น แต่เป็นชายผู้หนึ่งซึ่งมิใช่คนที่นางว่าจ้างมา
แต่ก็ช่างเถอะ!
“พี่เว่ยซิน ท่านคบชู้สู่ชายจริงหรือเจ้าคะ ท่านกล้าหยามน้ำใจพี่เจียหมิงปานนี้ได้อย่างไร?”
สาวน้อยร่ำไห้ปล่อยโฮแทบขาดใจ สมบทบาทยิ่ง
ไป๋เว่ยซินมองนิ่ง ไม่โต้แย้งใด
แววตาเฉินเจียหมิงแดงก่ำดุจกลั่นโลหิต เขาชี้หน้าคู่หมั้นอย่างเดือดดาล
“เจ้า...บอกมาว่าทำเพื่อประชดข้า ใช่ไหม?”
ทำเพื่อประชดแสดงว่ารักมาก หากไม่รักคงไม่ทำ
เฉินเจียหมิงต้องการให้คู่หมั้นแค่ประชดเขา
แต่ไป๋เว่ยซินยังคงนิ่ง
ความเจ็บปวดรวดร้าวฉายชัดเต็มใบหน้าเฉินเจียหมิง แม้เขาจะรักสนุกกับหญิงอื่น แต่เขารักไป๋เว่ยซินจากใจจริง
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้” เฉินเจียหมิงเดินมากระชากแขนของไป๋เว่ยซินให้ลุกขึ้นเพื่อลากออกจากห้อง
แต่หญิงสาวสะบัดอย่างแรงแสดงออกว่า ‘ไม่กลับ’ แล้วนั่งลงดุจเดิม ดวงตาหวานจับจ้องเพียงชายเจ้าของห้อง ให้เฉินเจียหมิงเข้าใจได้ไม่ยากว่านางจะอยู่กับใคร
ขณะทำกิริยาสื่อนัยอย่างดื้อรั้นแทนวาจาน่าอับอาย ใบหูไป๋เว่ยซินพลันแดงเรื่อ เพราะสิ่งนี้เหนือคาดหมายมาก นางเหลือบมองชายร่างใหญ่เจ้าของห้องอย่างขออภัย
เฉินเจียหมิงโกรธจนแทบฆ่าคน “ดี...ดีเหลือเกิน” ใบหน้าของเขาเครียดทะมึน คุณชายสุภาพรูปงามผู้หนึ่งให้รู้สึกรับไม่ได้ที่คู่หมั้นของตนเห็นชายอื่นดีกว่า “ไป๋เว่ยซิน! เจ้าตาต่ำนัก คุณชายสูงส่งเช่นข้าไม่ชอบ กลับชอบโจรถ่อย เจ้าดูไม่ออกหรือไรว่าคนผู้นี้ต่ำศักดิ์ปานใด”
โจรถ่อยผู้นั้นเป็นใครไปมิได้ นอกจากเจ้าของห้อง ผู้มีใบหน้าคมคายใต้หนวดเคราเขียวครึ้ม ลักษณะรูปโฉมและเรือนกายน่าหวาดหวั่นดุดันดิบเถื่อน
ทุกสัดส่วนอันสมบูรณ์แบบของเขา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคล้ายคลึงท่านจอมมารในภาพวาดโรงน้ำชาอยู่หลายส่วน
ไป๋เว่ยซินสูดลมหายใจลึก ในขณะที่ผู้ถูกบริภาษเพียงมองเฉินเจียหมิงอย่างเย็นชา
เขาไม่จำเป็นต้องเปล่งวาจาใด เพียงมองนิ่งๆ เท่านั้น กลับแผ่ซ่านกลิ่นอายสังหารออกมาอย่างเข้มข้น
จนคนถูกมองรู้สึกได้ถึงอันตรายที่มองไม่เห็น คลับคล้ายว่าอีกฝ่ายฆ่าคนได้แค่ปรายตา
เท่านั้นยังไม่พอ ยิ่งมองลึกเข้าไปในดวงตาอันสงบนั้น ผู้ถูกจ้องยิ่งให้รู้สึกลำตัวชาวาบ หนาวเหน็บอย่างประหลาด คล้ายถูกมองจากปราการสูงล้ำทำคนต้อยต่ำในพริบตา ไม่รู้คิดไปเองหรือไม่ หากแต่แววตาคมเฉี่ยวดุดันของบุรุษผู้นี้ทำให้เฉินเจียหมิงอยากคุกเข่าโขกศีรษะให้แทบจะทันที
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่คุณชายสูงศักดิ์จากตระกูลใหญ่เช่นเฉินเจียหมิงได้รู้สึกถึงความต่ำต้อยด้อยค่าในสายตาใคร
บรรยากาศยามนี้ที่ไร้การตอบสนองจากเจ้าของห้อง ทำผู้คนเริ่มหายใจไม่ออก ประหนึ่งถูกภูเขาไท่ซานกดทับ กระนั้นเฉินเจียหมิงเพียรระงับอาการประหวั่นเอาไว้อย่างดี ไม่คิดสนใจบุรุษผู้แผ่บารมีเหนือหมู่มวลอย่างน่ากังขาผู้นี้
เขารีบหันมาทางไป๋เว่ยซินก่อนตวาดลั่น “เว่ยซิน! เจ้ากล่าวหาว่าข้านอกใจ ยัดเยียดความผิดให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผลักไสข้าให้น้องลี่ เพราะเจ้าเองมีชู้ใช่หรือไม่ ชั่วช้าต่ำทราม ไร้ยางอายนัก!”
ทุกถ้อยวาจาของเฉินเจียหมิงยิ่งนานยิ่งร้ายกาจ เขาหันไปดึงหลัวลี่ลี่เข้ามากอด แสดงออกถึงความรัก ประกาศชัดให้คู่หมั้นสาวรู้สึกตัวว่ากำลังจะเสียเขาไป
ทว่าไป๋เว่ยซินเพียงมองเขาด้วยแววตาว่างเปล่า
เฉินเจียหมิงแทบกระอักโลหิตแล้ว