บทที่1.มาเฟียแห่งโรม 1/4
เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวติดตัวอักษรข้างลำเรือ ย้ำถึงฐานะผู้ครอบครอง ‘คอลิเอโน่’ ประกาศอำนาจที่มีอยู่ให้ฝ่ายตรงข้ามรับรู้ ตัวเครื่องทะยานขึ้นเหนือน่านฟ้า ตรงดิ่งจากอเมริกามายังกรุงโรมไม่คิดจะแวะที่ไหน ผู้โดยสารคนนี้กำลังโกรธ ภายในใจของเขาอัดแน่นไปด้วยเพลิงโทสะ เพราะถูกคู่แข่งหยามหน้า
ท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ธุรกิจหลักของ ดอนเฟรโด คอลิเอโน่ถูกมือดีเข้าไปบ่อนทำลายแทบทุกทาง ตั้งแต่ขโมยสินค้าในโกดัง จนกระทั่งโกดังสินค้าถูกวางเพลิงวอดวาย ดอนหนุ่มโมโหจนหนวดกระตุก รีบกลับถิ่นฐานทั้งที่อยู่ในช่วงพักร้อน เขาพานางแบบทรงโตไปพักผ่อนไกลถึงฝั่งอเมริกา
สองตระกูลใหญ่แห่งโรม เดิมทีเคยเป็นคนสนิทชิดเชื้อ แต่มาแตกคอกันเพราะความเห็นไม่ลงรอย รวมถึงความขัดแย้งจากภายในเปลี่ยนคู่หูเป็นคู่แค้น แยกกันอยู่คนละฝั่งโดยไม่ข้องเกี่ยวกัน เป็นสนธิสัญญาลูกผู้ชายแบ่งอำนาจการดูแลโรมคนละครึ่ง ‘คอลิเอโน่’ และ ‘การ์เซียน่า’ สองตระกูลดังแห่งโรม ขั้วอำนาจมืดในอดีต แต่ผันตัวมายืนกลางแสงสว่างเมื่อโลกหมุนเวียนเปลี่ยนไป แต่อำนาจอันแข็งแกร่งก็คงอยู่ เป็นที่นับหน้าถือตาทั่วอิตาลี คนไม่เกี่ยวข้องจะหลีกหนี ไม่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวด้วย เพราะรู้ดีถึงความเหี้ยมของทั้งสองตระกูล
คฤหาสน์คอลิเอโน่ตั้งอยู่บนเกาะสิสิลี แต่ดอนเฟรโดมีบ้านหลังมหึมาอยู่กลางโรม เพื่อเป็นที่พักผ่อนขณะทำงาน ท่าเทียบเรือขนาดใหญ่เป็นแหล่งศูนย์รวม หากต้องการค้าขายในโรมจะต้องมาเทียบเรือที่ท่าของคอลิเอโน่ จึงเป็นแหล่งรวมของสินค้าทุกชนิดที่มาทางเรือ ผ่านน่านน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กิจการเดินเรือของคอลิเอโน่ขยายวงกว้างมีเรือโดยสารให้เช่าหลายลำ ไหนจะเรือบรรทุกสินค้าขนาดมหึมานับไม่ถ้วนและสินค้านำเข้าเกรดเอทั่วโลกแทบทุกชนิดทุกรูปแบบ
ปลายรองเท้าสีดำมันปราบสะท้อนแสงพระอาทิตย์ ดอนเฟรโดลงจากเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว การ์ดชุดดำนับสิบโค้งตัวคำนับนายใหญ่อย่างพร้อมเพียงกัน สายตาคมดุกวาดมองผู้อยู่ใต้บัญชาด้วยแววตาเฉยชา หน้าคร้ามคมตึงเปรี๊ยะ สันกรามโป่งนูน เขากำลังขบกรามเพื่อข่มกลั้นอารมณ์โกรธที่ปะทุอยู่ภายในใจนั่นเอง
“พูดมาฉันรอฟังอยู่” เสียงทรงอำนาจกระซิบสั่ง รุ่มร้อนแทบกระอัก จนเกือบจะส่งมือดีไปเอาคืนคนที่กล้าเข้ามาหยามคอลิเอโน่ถึงถิ่น
ดอนหนุ่มฟังเรื่องที่ลูกน้องคู่ใจไปสืบมา หลังเหตุการณ์ร้ายแรงหยามคอลิเอโน่โดยการวางเพลิงโกดังสินค้าจนวอดวาย มูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านเหรียญยูโร มันจึงทำให้เฟรโดแทบคลั่งเมื่อรู้ถึงมูลค่าของความเสียหาย
“มีใครอยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัยบ้างไหมวะ คิดว่าควรสงสัยใครดี?” เสียงเรียบเรื่อยถามเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ทุกๆ คนในบริเวณนี้รู้ดี ยิ่งนิ่งเท่าใดดอนของตัวเองก็ยิ่งกำลังโกรธจัด ประกายสายตาเหี้ยมเกรียมเป็นสิ่งที่บอกแม้สีหน้าจะนิ่งเฉยอยู่แบบนี้ก็เถอะ ความเย็นชาใจคอโหดเหี้ยมไม่มีใครทั่วทั้งกรุงโรมไม่รู้ ดอนหนุ่มสามารถฆ่าคนได้แม้ยังคงยิ้มละไมอยู่บนหน้า เพราะความแกร่งกล้ามันวิ่งวนอยู่ในกระแสเลือด สายเลือดผู้ยิ่งใหญ่ที่ถ่ายโอนมาในสัญชาตญาณ ‘คอลิเอโน่’ ไม่เคยถูกหยามศักดิ์ศรีขนาดนี้ มันจึงเป็นการยั่วยุให้พญาราชสีห์กรุ่นโกรธ เกมการไล่ล่าคงเริ่มขึ้นอีกวาระหนึ่งจนกว่าจะมีการยินยอมของฝ่ายตรงข้าม
“...”
“มีอะไรก็พูดมาอย่าโยกโย้ ฉันไม่ฆ่าทิ้งทั้งหมดก็ดีเท่าไหร่แล้วโว้ย การป้องกันหละหลวมเพราะอะไรน่าจะรู้ดี บอกมาซะ อย่าเก็บไว้ ให้ฉันตัดสินใจเอง”
การ์ดหน้าเหี้ยมกล่าวกระอึกกระอัก สงสารผู้โชคร้ายที่เข้ามาข้องเกี่ยวเมื่อความจริงยังไม่ชัด เด็กหนุ่มรุ่นกระทงที่อยู่กลางที่เกิดเหตุและเป็นคนเดียวที่ยังรอดชีวิตอยู่ ดวงตาโศกสลดและหยดน้ำตาที่ร่วงริน ใบหน้าอ่อนเยาว์หมองเศร้า ไม่ยอมแก้ตัวหรือปริปากพูดสักนิดเดียว มันจึงทำให้กลุ่มคนหน้าโหดที่อยู่กับการนองเลือดและความตายมาตลอดชีวิตนึกเวทนา พวกเขาเลยไม่กล้าแม้จะบอกให้นายเหนือหัวรู้ เพราะสงสารชะตาชีวิตของเด็กผู้นั้น