บทที่ 5
การมาเยือนแผ่นดินไทยในคืนวันแรก ราเอลไม่ได้ออกไปท่องราตรี เที่ยวผับ เที่ยวบาร์เฉกเช่นนักท่องเที่ยวรายอื่นๆ ที่มักจะออกไปเที่ยวชมแสง สี เสียงของเมืองภูเก็ตในยามค่ำคืน คงมีแค่เพียงฟรานส์และลูกน้องอีกหนึ่งคนเท่านั้น ที่ ออกไปจากรีสอร์ทในทันทีที่พระอาทิตย์ตกดิน
ทว่าพวกเขาไม่ได้ไปเที่ยวอย่างที่ควรเป็น แต่ฟรานส์ได้ออกไปหาข้อมูลของริวาตามสถานบันเทิงต่างๆ ที่คิดว่าอาจจะมีเบาะแสของริวาบ้าง
ส่วนเจ้าพ่อราเอลนั้น ได้นั่งเงียบอยู่ในห้องพัก รอเวลาสำหรับการปฏิบัติการที่เขาตั้งใจจะทำตั้งแต่วินาทีแรกที่ทิมนิดาปฏิเสธไม่ให้เขาเข้าไปในห้องพักของริวา
นาฬิกาข้อมือยี่ห้อดังราคาแพงบอกเวลาสามนาฬิกา ราเอลซึ่งอยู่ในชุดสีดำสนิท มืดมิดไม่ต่างจากราตรีกาลในค่ำคืนนี้ ได้ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ เจ้าพ่อหนุ่มเปิดประตูห้องออกช้าๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ด้านนอก ก็รีบเดินเร็วๆ เกือบเป็นวิ่งด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบาตรงไปยังห้องพักของลูกชายตนเอง
ฟรานส์ทำงานได้ดีเยี่ยม เข้าพักในรีสอร์ทของทิมนิดาได้ไม่ถึงชั่วโมง ก็รายงานให้ผู้เป็นเจ้านายทราบว่าริวาพักอยู่ในห้องไหน
ราเอลอาศัยความมืดในยามราตรีเดินเร็วๆ ตรงไปยังเป้าหมายที่รออยู่ข้างหน้า เมื่อมาถึงห้องที่ลูกชายตนเองเคยเข้าพักแล้ว ราเอลได้ใช้ความสามารถที่เรียนรู้มาจากเส้นทางของการเป็นเจ้าพ่อ เปิดประตูห้องพักได้ภายในไม่กี่นาที
ไฟฉายอันเล็กที่เตรียมมาด้วย ถูกเปิดใช้งานในทันทีที่เข้ามาภายในห้องได้แล้ว แต่ไม่ทันได้กวาดส่องไปทั่วบริเวณห้องควานหาสิ่งที่ตนเองต้องการ ก็ต้องสบถลั่น ยกเท้าเตะลมด้วยความโกรธจัด กับน้ำเสียงราบเรียบที่เค้นทักทายอยู่ด้านหลังตนเอง
“ไฟฉายเล็กไปไหมคะคุณราเอล เปิดไฟให้ทั่วห้องดีกว่าไหมคะ”
“บ้าชะมัด”
ราเอลสบถลั่น หันขวับไปทางด้านหลังของตนเอง พร้อมๆ กับแสงไฟจากหลอดนีออน ที่ถูกเปิดให้ความสว่างไสวทั่วห้องพักแห่งนี้
ทิมนิดายืนกอดอกจ้องมองราเอลเขม็ง หญิงสาวเดาไว้ไม่มีผิดว่าราเอลจะต้องทำตัวไม่ต่างจากหัวขโมยดอดเข้ามาในห้องพักของริวา จึงมาดักรออีกฝ่ายอยู่ในห้องแห่งนี้ และการเฝ้ารอหลายชั่วโมงก็ไม่เสียเปล่า เมื่อราเอลได้แอบเข้ามาในห้องนี้จริงๆ
“บุกรุกในยามวิกาลแบบนี้ แจ้งตำรวจให้ลากคอคุณเข้าคุกเลยดีไหมคะคุณราเอล” ทิมนิดาเค้นถามอย่างประชดประชัน สร้างความโมโหให้กับเจ้าพ่อหนุ่มเป็นอย่างมาก
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะเข้ามาในห้องของริวา”
ราเอลถามเสียงห้วน โมโหตัวเองที่ประเมินทิมนิดาต่ำไป คิดว่าหญิงสาวคงมีดีแค่เพียงรูปกายที่สวยงาม แต่สมองกลวงเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาเคยเจอมา ทว่า...ทิมนิดาไม่ได้เป็นเหมือนดั่งที่เขาคิดไว้แม้แต่นิดเดียว
ทิมนิดายักไหล่เลียนกริยาที่ราเอลมักจะทำใส่เธอเสมอ ก่อนจะเอ่ยตอบกวนๆ เพิ่มความโมโหโกรธาให้กับคนตั้งคำถาม
“มีพรายกระซิบมั้งคะ ว่าจะมีขโมยมางัดแงะเข้ามาในคืนนี้ เลยก็รีบมาดักรอทันทีที่ฟ้ามืดลง”
ราเอลกัดฟันกรอด ตั้งแต่เดินเข้าสู่เส้นทางของความเป็นเจ้าพ่อ เขาไม่เคยเสียเหลี่ยมให้กับใครมาก่อน โดยเฉพาะกับสุภาพสตรียิ่งไม่เคย!
“รู้ว่าผมเป็นหัวขโมยก็ดีแล้ว หลบไปไกลๆ ผมจะดูของใช้ส่วนตัวของริวา”
“คนที่จะออกคำสั่งนี้น่าจะเป็นฉันต่างหากนะคะ ที่สั่งให้คุณออกไปจากห้องนี้” ทิมนิดาย้อนกลับ พอเห็นว่าราเอลกำลังจะเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า ก็รีบเดินไปดักหน้าอีกฝ่ายไว้อย่างรวดเร็ว
“หลีกไป นกยูง”
ราเอลออกคำสั่งเสียงห้วนจัด โกรธตัวเองที่เสียท่าให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างทิมนิดาไม่พอ ยังโกรธหญิงสาวที่ดื้อรั้นอย่างถึงที่สุด
ออกคำสั่งได้ก็ออกไปเถอะ แต่สาบานได้ว่าทิมนิดาไม่มีทางทำตามอย่างแน่นอน
“ไม่! ฉันไม่หลีกทางให้คุณเด็ดขาด”
“นรก!” ราเอลสบถลั่น ใบหน้าบึ้งตึง ดวงตาวาวโรจน์ราวกับฆ่าคนตรงหน้าได้ ขณะเค้นเสียงตะคอกในประโยคต่อมา
“ทำไมคุณต้องห้ามผมด้วย ในเมื่อสิ่งที่ผมต้องการค้นหานั้น มันเกี่ยวข้องกับการหายตัวไป และเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของลูกชายผมทั้งสิ้น”
ทิมนิดาได้สติกับคำตะโกนต่อว่าของราเอล จึงยอมหลีกทางให้อีกฝ่าย แต่กระนั้นก็ไม่วายเหน็บราเอลกลับคืนบ้าง
“ก็ได้ค่ะ เห็นแก่คุณริวา ฉันจะยอมให้คุณทำตามที่ต้องการ เชิญค้นให้ทั่วห้องได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณ!” ราเอลประชดเสียงห้วน ขณะเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า ก็จงใจใช้ไหล่ข้างหนึ่งกระแทกทิมนิดา ทำเอาร่างบางถึงกับเซถลาแทบล้มลงไปนั่งกับพื้น
“คนบ้า ตัวใหญ่ยังกับยักษ์ ยังจะเดินชนคนอื่นอีก”
ทิมนิดาต่อว่าด้วยความโมโห จากนั้นก็เดินไปทรุดกายลงนั่งอยู่บนขอบเตียง จับสายตาเฝ้ามองราเอล ที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางของริวา มาเปิดค้นดูข้าวของที่อยู่ภายใน
ราเอลหมดความสนใจในตัวทิมนิดา เจ้าพ่อหนุ่มรื้อค้นกระเป๋า และทุกอย่างที่อยู่ภายในห้องพักแห่งนี้ เพื่อหาเบาะแสการหายตัวไปของลูกชาย
ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ราเอลก็ต้องคว้าน้ำเหลว เมื่อไม่พบในสิ่งที่เขากำลังค้นหาอยู่ ของใช้ส่วนตัวของริวายังอยู่ครบเกือบทุกอย่าง แต่ที่หายไปคือเอกสารส่วนตัวของริวา ไม่ว่าจะเป็นบัตรประจำตัว พาสปอร์ต บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด ซึ่งราเอลไม่อาจคาดเดาได้ว่าริวานำเอกสารเหล่านี้ติดต่อไปด้วย หรือว่าเก็บไว้ในเซฟ ที่เขาไม่มีโอกาสได้เปิดดูสักที
“เจอสิ่งที่คุณกำลังตามหาอยู่ไหมคะ”
ทิมนิดาเอ่ยถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัดภายในห้อง หลังจากปล่อยให้ราเอลรื้อค้นภายในห้องเป็นเวลานานแล้ว
“ไม่...ไม่พบอะไรทั้งนั้น”
น้ำเสียงที่เอ่ยตอบออกมานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง ระคนเป็นห่วงในตัวลูกชาย ซึ่งขาดการติดต่อกับเขาหลายวันแล้ว
“ทำไมคุณไม่ให้ตำรวจช่วยตามหาลูกชายของคุณล่ะคะ”
ทิมนิดาสงสัยเรื่องนี้มานาน เพราะดูท่าว่าเจ้าพ่อผู้นี้จะจัดการเรื่องการตามหาลูกชายที่หายไปด้วยตนเองซะทุกอย่าง แทนการอาศัยความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“ผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น และผมเชื่อว่าผมกับลูกน้องสามารถจัดการเรื่องนี้ได้”
“คุณพูดว่าไม่ไว้ใจ หมายความว่าไม่ไว้ใจในฝีมือของตำรวจไทยหรือคะ”
“เปล่า! แต่ไม่ไว้ใจว่าจะไม่มีคนมีสี มาเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของริวาต่างหาก”
ราเอลเอ่ยตามความเป็นจริง บ่อยครั้งที่คนเหล่านี้มักจะเข้ามาเกี่ยวข้องในทางที่ไม่ดีกับคดีดังๆ ที่มีเงินจำนวนมหาศาลรออยู่ข้างหน้าด้วย
“ฉันไม่คิดว่าจะมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของริวา” ทิมนิดาพยายามพูดถึงเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในทางที่ดี
แต่! เจ้าพ่อหนุ่มที่คร่ำวอดกับวงการมืดมาเกือบทั้งชีวิต ไม่ได้คิดเฉกเช่นเดียวกันกับทิมนิดา
“คุณไม่คิด แต่ผมคิด ประเทศไหนๆ ก็มีตำรวจดี ตำรวจเลวด้วยกันทั้งนั้น และผมจะไม่ไว้ใจใครนอกจากตัวผมและลูกน้องของผม”
“แม้แต่ตัวฉัน คุณก็ไม่ไว้ใจหรือคะ”
ไม่รู้เพราะอะไรดลใจ ที่ทำให้ทิมนิดาหลุดปากเอ่ยถามออกไปเช่นนั้น และคำตอบที่ได้รับ ทำเอาต้องกัดเม้มริมฝีปากไว้แน่น
ราเอลเดินเข้ามาใกล้ร่างบางระหงที่ยังคงนั่งอยู่ขอบเตียงนอน ใบหน้าคมเข้มลดลงต่ำ จมูกโด่งเป็นสันเกือบชนเข้ากับจมูกเล็ก ก่อนจะเค้นเสียงตอบตามความเป็นจริง
“ใช่ แม้แต่คุณ ผมก็ไม่ไว้ใจ”
ทิมนิดาเบือนหน้าหนี ลอบกัดฟันแน่น ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ทำไมจู่ๆ อาการน้อยเนื้อต่ำใจก็เข้ามาจู่โจมหลังจากได้ยินคำตอบจากราเอล
‘เธอเป็นบ้าไปแล้ว นกยูง’
หญิงสาวพร่ำตำหนิตัวเองอยู่ในใจ โดยหารู้ไม่ว่าอาการนิ่งเงียบของเธอ สร้างความสงสัยให้กับราเอลเป็นอย่างมาก
“ทำไมถึงเงียบไป นกยูง หรือคุณไม่พอใจกับคำตอบของผม”
ช่างเป็นคำถามที่แทงใจดำทิมนิดายิ่งนัก ใช่! เธอกำลังรู้สึกเหมือนที่ราเอลถามออกมา แต่ไม่มีทางที่เธอจะยอมรับความจริงกับเขา
“แล้วทำไมฉันต้องไม่พอใจกับคำตอบของคุณด้วย”
ราเอลเบ้ปากยักไหล่ใส่ ก่อนจะเอ่ยตอบ “ผมจะรู้รึ ก็เห็นคุณทำหน้าเศร้า นิ่งเงียบไปหลังจากผมตอบคำถามของคุณ ผมจึงเดาว่าคุณกำลังไม่พอใจในสิ่งที่ผมตอบไป”
ไม่ว่าราเอลจะพูดอะไรออกมา ก็ล้วนแต่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงทั้งสิ้น ทิมนิดาจึงเอ่ยตัดบท ก่อนที่อีกฝ่ายจะจับความรู้สึกของเธอได้
“หยุดเดาได้แล้วคุณราเอล และก็ออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว”
“ไม่! จนกว่าผมจะได้รับคำตอบตามที่ต้องการก่อน”
ราเอลปฏิเสธ พร้อมกับทิ้งกายลงนั่งใกล้กับร่างบางระหง จงใจให้ร่างใหญ่ล่ำสันกระแทกไปโดยร่างบางที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
ทิมนิดากระโจนหนีทันทีที่ร่างใหญ่ล่ำสันทิ้งกายลงมานั่งแนบชิดกับกายเธอ แต่ก็หนีไปไม่ได้ไกล เมื่อถูกมือใหญ่ร้อนรุ่มจับข้อมือเล็กไว้แล้วออกแรงดึงให้เธอถลาไปนั่งแนบชิดกับเขาเหมือนเดิม
“เอ๊ะ! ก็บอกแล้วยังไงล่ะว่าฉันไม่ได้เป็นเหมือนตามที่คุณกำลังคิดอยู่”
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่ผมหมายถึงอีกเรื่องที่กำลังจะถามคุณ”
ราเอลเอ่ยตอบ พอถูกทิมนิดาถลึงตาใส่ ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ อีกทั้งนึกแปลกใจตัวเอง ที่ยังสามารถหัวเราะออกมาได้ในสถานการณ์เช่นนี้ และคนที่สามารถทำให้เขาหัวเราะได้ทั้งๆ ที่ยังกังวลในเรื่องของริวาอยู่ ก็คงมีทิมนิดาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้
ทิมนิดากัดฟันกรอดๆ โมโหที่ถูกราเอลเอ่ยลูกล่อลูกชนเข้าใส่ จนเธอจนมุมครั้งแล้วครั้งเล่า “ปล่อยมือฉันก่อน แล้วก็กรุณาขยับไปนั่งไกลๆ ก่อนจะตั้งคำถามกับฉัน”
ทิมนิดามีสิทธิ์ออกคำสั่ง ทว่า! ราเอลไม่คิดจะทำตาม และเพื่อเป็นการแสดงออกให้รู้ว่าคนอย่างเขานั้นฟังคำสั่งของใครไม่เป็น เจ้าพ่อหนุ่มกระชับข้อมือเล็กไว้แน่น พร้อมกับกระชากร่างบางให้ขยับเข้ามาแนบชิดกายล่ำสันมากกว่าที่เป็นอยู่
“ตอนริวาอยู่ที่นี่ เขาทำอะไรบ้าง บอกผมมาให้หมด” ราเอลตั้งคำถามโดยไม่สนใจคำสั่งของทิมนิดาในก่อนหน้านี้