บทที่ 6 ร่างกายหัวใจของเจ้าเป็นของข้า
“เจ้าว่าอะไรนะ โง่” ซินอี้ถึงกับกรีดร้องออกมานางจ้างวานให้เฟยอินเอายาปลุกกำหนัดไปใส่ในเหล้าในเฟิ่งหวงดื่มและจะออกอุบายให้มาหานางแต่ผิดคาด
“ข้าก็เอาไปให้แล้วแต่แม่นางเหม่ยเหม่ยเป็นคนกินเข้าไป เจ้าอย่าลืมค่าจ้างข้า”
เขาถือว่าทำงานลุล่วงเพราะแค่น้ำยาไปใส่ให้เหล้าใครจะดื่มหรือไม่ดื่มไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา
“ทำงานไม่สำเร็จยังจะมาเอาเงินอีกหรือ”
“เจ้าแค่สั่งให้ข้าเอายาไปใส่ในเหล้าไม่ได้บอกว่าให้ใครดื่ม เอาเงินมาไม่งั้นข้าจะบอกให้ทุกคนรู้” เฟยอินขู่เข็ญนางเพื่อที่จะได้เงินค่าจ้าง
“เอาไปและปิดปากให้เงียบ” ซินอี้ให้เงินเฟยอินไปมากโขแลกกับที่ไม่ต้องพูดเรื่องนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรนางก็แพ้ไป๋หลานไปทุกอย่าง
“ข้าต้องหาความลับของเจ้าให้ได้” ซินอี้คิดอะไรออกบางอย่างพรุ่งนี้เช้าจะรีบเข้าไปในเมือง ไม่นานนางต้องกระเด็นออกไปจากชนเผ่าเฟิงอวิ่น
ทางด้านไป๋หลานตอนนี้กำลังร้อนรุ่มราวกับไฟที่กำลังแผดเผาร่างกายของนาง นางกระชากเสื้อผ้าออกจากตัวโดยไม่สนอะไร
“เจ้าอย่าใจร้อนสิ”
“ข้าไม่ไหวแล้ว อืมมม” ไป๋หลานครางออกมาอย่างพึงพอใจเมื่อชายหนุ่มดูดเลียยอดปทุมถันราวกับเป็นอาหารรสโปรดนางแอ่นอกรับสัมผัสของเขาอย่างไม่นึกอาย
“เจ้าชอบแบบนี้ไหม”
“ขะ ข้าชอบเจ้าอย่าหยุด” ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาจนถึงสะดือใช้ลิ้นเลียวนรอบสะดือสร้างความเสียวซ่านให้กับนางไม่น้อย เพราะนางบิดตัวอย่างทรมานและครางออกมาไม่หยุดยามที่ลิ้นหนาสัมผัสกับร่างกาย
เฟิ่งหวงจับเรียวขอของนางแยกออกจากกันจนได้องศาที่ต้องการมองไปยังผิวเนื้อสีสวยที่มีน้ำไหลเยิ้มออกมาเหมือนเชิญชวนให้เขาได้ลิ้มลอง เฟิ่งหวงไม่รอช้าที่จะจัดการกับน้ำหวานตรงหน้า
“เจ้าสวยที่สุดยอดรักของข้า” เขาใช้ลิ้นสัมผัสกับกลีบดอกไม้จนนางสะดุ้งตัวลิ้นหนาลากไล้ไปทั่วบริเวณและดูดเลียติ่งเสียว
“อื้อออ เฟิ่งหวงข้าไม่ไหวแล้ว อ่าส์” นางปลดปล่อยความต้องการออกมาแต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยนางให้เป็นอิสระยังคงปาดเลียน้ำหวานจนสะอาด
“ข้าอยากให้เจ้าทำให้ข้าบ้าง”
“ทะ ทำแบบไหน” ไป๋หลานลืมตาขึ้นมาสบตากับเขาเฟิ่งหวงทิ้งตัวลงนอนข้างไป๋หลานและจับพลิกตัวนางให้ขึ้นคร่อมเขาไม่ลืมสั่งให้นางถอดชุดออกให้
“ข้าต้องทำอย่างไร”
“ดูดเลียมัน มันเป็นของเจ้าจัดการมันได้เลย” เฟิ่งหวงกำลังทรมานแท่งหยกแข็งขืนยิ่งนางจับเขายิ่งครางออกมาอย่างถูกใจ
“อ่าส์...” ยามที่ปากบางครอบครองส่วนหัวเขายิ่งครางออกมาและมองการกระทำของนางอย่างถูกใจเต้างามโชว์เด่นต่อหน้าทั้งขาวทั้งอวบแต่เขาละสายตาไม่ได้มือบางลูบศีรษะของนางอย่างเอ็นดู
“อย่างนั้นไม่ต้องรีบ ซี๊ด!” เฟิ่งหวงครางไม่หยุดตอนนี้ทั้งปากของนางกำลังครอบครองแท่งหยกของเขายิ่งนางรีบเร่งเขายิ่งทนไม่ไหวกระแทกแท่งหยกใส่ปากของนางจนน้ำกามแตกออกมาใส่ปากนาง
“เจ้าคายออกมา”
แต่ไป๋หลานกับกลืนน้ำลงท้องเสียหมดและจ้องหน้าเฟิ่งหวงอย่างไร้เดียงสา เฟิ่งหวงจับนางให้นอนบนเตียงคืนนี้คงไม่ได้หลับได้นอนเสียแล้ว
“เจ้าเบาๆ เขาเจ็บ อร้ายยย”
เฟิ่งหวงดันแท่งหยกเข้ามาจนสุดทางในครั้งเดียวร่องสวาทตอดรัดเขาแน่นและสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายของนางทำให้ไป๋หลานน้ำตาซึมออกมาเหมือนครั้งแรก
“อย่าร้องข้าจะอ่อนโยนกับเจ้า” เฟิ่งหวงเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือเมื่อเห็นว่านางเริ่มปรับตัวได้เขาจึงไม่รอช้าที่จะอัดสะโพกหนาเข้าหานางอย่างบ้าคลั่ง
“เฟิ่งหวง อ่าส์ ข้ารักเจ้า” ไป๋หลานบอกรักเฟิ่งหวงนี่ไม่ใช่บอกรักเพื่อให้ชายหนุ่มรู้สึกดีแต่เพราะส่วนลึกในหัวใจสั่งให้นางพูดออกไป
“เมียรักของข้า อ่าส์” เฟิ่งหวงกอดร่างบางไว้แน่นกลัวว่าจะหายไปนางคือรักแรกของเขาและเขาจะไม่ปันใจไปรักใครเด็ดขาดชีวิตนี้ขอมีแค่นางเพียงคนเดียว
พรึบ!
“เจ้าจะทำอะไร”
“เจ้าทำให้ข้าเหมือนตอนที่ควบม้า” นางเคยควบม้าเสียที่ไหนไป๋หลานมองไปยังจุดเชื่อมกันอย่างเขินอาย เฟิ่งหวงเริ่มจับสะโพกของนางให้โยกตามจังหวะของเขา
“อ่าส์ อย่างนั้น”
“อื้ออออ”
“เจ้าเก่งที่สุด”
“อื้อ ข้ารู้สึกทรมาน”
แท่งหยกที่เข้าไปจนลึกทำให้นางหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเริ่มชินจึงเริ่มขยับสะโพกราวกับกำลังควบม้าอย่างที่เฟิ่งหวงบอก แต่ตอนนี้นางกำลังปลดปล่อยสายธารออกมาตัวนางราวกับร่องลอยอยู่ในอากาศ
“อร้ายย” ไป๋หลานซบหน้าเข้าไปที่ซอกคอของชายหนุ่มโดยที่ร่องสวาทยังคงเชื่อมกันอยู่ ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ่งชายหนุ่มพลิกให้นางนอนลงเช่นเดิม
“ข้าทรมาน อ่าส์” เมื่อทนความต้องการไม่ไหวเฟิ่งหวงจึงปลดปล่อยน้ำกามเข้าไปในตัวของนางจนหมดเมื่อถอนแท่งหยกออกน้ำกามก็ไหลย้อนออกมาจนล้นออกมาเลาะไปหมด
“ข้าเหนื่อยแล้ว”
“แต่ข้ายังอยากอีก เจ้าเหนื่อยก็นอนไปเสียเถิด”
เฟิ่งราวกับเป็นที่ถูกวางยาเสียเองเพราะรอบเดียวสำหรับเขาไม่มีทางที่จะอิ่มชายหนุ่มอาศัยจังหวะที่นางเผลอดันแท่งหยกเข้ามาอีกครั้งซึ่งครั้งนี้สามารถเอาเข้ามาง่ายดายเพราะยังมีสายธารหล่อลื่น
“เฟิ่งหวงเจ้าคนบ้า อื้อ อืม” ไป๋หลานทุบเข้าไปที่หน้าอกของเขาหนึ่งครั้ง เฟิ่งหวงทำราวกับถูกใจยามที่นางครางออกมาเขายิ่งกระแทกเข้าไปจนสุด
“เจ้านอนคว่ำลงไป”
ไป๋หลานทำตามที่เฟิ่งหวงบอกอย่างว่าง่ายชายหนุ่มจูบแผ่นหลังที่ขาวเนียนราวกับคนต้องมนต์เสน่ห์ และดันแท่งหยกเข้าทางด้านหลังและออกแรงขยับตัว เขาปลดปล่อยแล้วปลดปล่อยเล่าก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดจนนางหลับไปเฟิ่งหวงจึงปลดปล่อยออกมาครั้งสุดท้าย
จนเวลาล่วงเลยมาถึงยามยามโฉ่วเฟิ่งหวงจึงได้พักผ่อนโดยไม่ลืมที่จะเช็ดตัวทำความสะอาดให้นาง และสวมเสื้อผ้าให้เพราะเกรงว่ายามเช้าจะมีคนเข้ามา
“ข้ารักเจ้าเหม่ยเหม่ยขอแค่เจ้าไม่มีอะไรปิดบังข้าก็พอข้าเกลียดคนโกหก” เขาคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้แน่นยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาวเหน็บกลิ่นหอมจากตัวของไป๋หลานทำให้เขาผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
ยามเฉินเจ๋อหรานเข้ามาคุยกับพี่ชายหลี่เจี้ยนกั๋วเพื่อพูดคุยงานแต่งงานของลูกชายแม้ในใจจะไม่คัดค้านแต่เป็นความสุขของนางต้องยอมเฟิ่งหวงโตมากแล้วนางเลี้ยงได้แค่ตัวแต่หัวใจนางไม่สามารถบังคับได้
“ข้าทำถูกแล้วใช่หรือไม่ท่านพี่”
“ทุกคนหลีกหนีโชควาสนาไม่พ้นเจ้าอย่ากังวลไปเลยอีกเจ็ดวันข้างหน้าเจ้าบอกให้เฟิ่งหวงเตรียมตัวให้ดีก็พอ” หลี่เจี้ยนกั๋วได้วันและเวลาที่จะจัดงานแต่งงานไหว้ฟ้าดินให้หลานชาย
“แคว้นหวางป๋อไม่มีทายาทสืบบัลลังก์เจ้าคิดว่าในอนาคตพอเปลี่ยนฮ่องเต้บ้านเมืองจะเป็นเช่นไร”
“ท่านพี่ถามข้าทำไมข้าไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้น” เจ๋อหรานไม่อยากรับรู้เรื่องการเมืองรวมถึงเรื่องฮ่องเต้คนปัจจุบันหากใครจะขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ก็ไม่เกี่ยวกับนาง
“ข้าแค่อยากเตือนสติของเจ้า”
“ข้าคิดดีแล้วดีเจ้าค่ะ” เจ๋อหรานจึงเดินออกมาจากกระโจมของหลี่เจี้ยนกั๋วนางไม่ได้ใจร้ายหรือเห็นแก่ตัวแต่นางรักลูกมากกว่าสิ่งใด
“ท่านแม่ว่าอย่างไรเจ้าค่ะ”
“หวงเอ๋อร์จะเข้าพิธีแต่งงานในอีก 7 วันข้างหน้า” อี้หรานมองหน้าลูกสาวตั้งแต่เสียพ่อของลูกไปนางก็เลี้ยงลูกสาวคนเดียวมาตลอดเป็นนางเอกที่ตามใจลูกมากเกินไปจนลูกเอาแต่ใจและไม่ยอมฟังใคร
“ไยท่านพี่เฟิ่งหวงถึงอยากแต่งงานกับนาง” ซินอี้ร้องไห้ออกมาคนที่นางรักกำลังจะแต่งงานกับหญิงอื่น เฟิ่งหวงใจร้ายเกินไป
“ลูกคนเราเก่งอะไรก็แข่งได้แต่แข่งบุญวาสนาไม่ได้ลูกปล่อยวางเสียเถิด”
“ข้ารักของข้ามาตั้งนาน ฮึก” ซินอี้นั่งลงที่พื้นและร้องไห้ออกมา นางต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ทั้งสองได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
ซินอี้เดินทางเข้ามาในเมืองใหญ่ชนเผ่าอวิ่นจะเดินทางเข้าเมืองมาทุกวันเพื่อขายเนื้อสัตว์และผักปลาเป็นประจำนางเดินเข้าไปที่ร้านขายภาพวาดร้านหนึ่ง
“ใช่แบบนี้หรือเปล่าแม่นาง”
จิตรกรหนุ่มยื่นรูปที่ซินอี้ให้วาดขึ้นมาและยื่นให้นางดู ซินอี้ยิ้มอย่างพอใจที่ภาพวาดเหมือนกับคนจริงๆ และยิ้มร้ายออกมาเมื่อจ่ายเงินเสร็จจึงเดินออกมา
“พวกเจ้าดูอะไรกัน” เมื่อเห็นว่ามีคนมุ่งดูจึงเดินเข้าไปใกล้เห็นประกาศจากทางวังหลวงซึ่งในนั้นระบุตามหาองค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยเฟิง
“องค์หญิงจางไป๋หลาน” นางกำลังจะมองไปที่รูปวาดแต่ก็ถูกใครคนหนึ่งชนเข้าจึงเดินออกมาเพราะผู้คนต่างมามุ่งดู ซินอี้เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วจึงเตรียมตัวจะกลับชนเผ่า
“แม่น้ำสายนี้ผ่านที่หมู่บ้านไหนบ้าง”
“ชาวบ้านบอกว่ามีชนเผ่าแห่งหนึ่งอาศัยอยู่แต่หาทางเข้ายากพ่ะย่ะค่ะ”
“ใครบอกทางเข้าของเผ่าเฟิงอวิ่นได้ข้ามีรางวัลให้อย่างงาม” ซินอี้ได้ยินอย่างนั้นจึงรีบเดินทางกลับเพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยเหล่าทหารพากันตามหาชนเผ่าของนางทำไมกันหรือจะมีภัยร้ายเกิดขึ้น