บทที่ 5 ออกอาการหวง
วันฉูชี (วันส่งท้ายปี) ซึ่งจัดขึ้นในวันสุดท้ายของเดือน 12 เป็นวันที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า และร่วมรับประทานอาหารกันตั้งแต่เย็น ร่ำสุราไปจนถึงเช้า เป็นค่ำคืนที่สนุกสนาน
“พี่สะใภ้ใหญ่สวยราวกับเทพธิดา” อาเจิงถึงกับตาค้างที่เห็นไป๋หลานสวมชุดสีชมพูสะอาดหน้าใบที่แต่งแต้มจนสวยงาม
“ขอบใจเจ้ามาก” ไป๋หลานเตรียมตัวที่จะไปเฉลิมฉลองวันฉูชีวันนี้จะมีเหล่าชนเผ่าออกมาร่ำสุรากันอย่างมากมายทั้งหมูบ้านประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสันมองไปทางไหนก็ทำให้ผ่อนคลายไม่น้อย
“ท่านน้าเจ้าคะ” ไป๋หลานเดินเข้ามาหาเจ๋อหรานในกระโจมแต่เห็นนางนั่งมองสร้อยเส้นหนึ่งที่อยู่ในมือแม้จะเรียกเสียงแค่ไหนนางก็ไม่ตอบสนอง
“ท่านน้า!”
“เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไร” เจ๋อหรานรีบเก็บสร้อยเส้นนั้นลงไปไว้ที่กล่องเก่าๆ แต่ก็ไม่พ้นสายตาของไป๋หลานสร้อยที่ประดับด้วยเพชรพลอยคงจะเป็นของราชวงศ์ชั้นสูง
“สร้อยเส้นนั้น...”
“เจ้ารู้หรือว่าคืออะไร” เจ๋อหรานไม่แปลกใจเท่าไรเวลานี้นางยอมที่จะให้ทั้งสองแต่งงานกันตามความต้องการของเฟิ่งหวงเพราะนางไม่อยากเห็นลูกต้องเสียใจ
“เจ้าบอกข้าได้หรือไม่เจ้าเป็นใคร” นางรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่ได้ความจำเสื่อมอย่างที่ทุกคนเข้าใจเพราะตอนที่เจ๋อหรานคือสร้อยให้นางเห็นแววตาบางอย่างจากไป๋หลาน
“ท่านน้ารู้หรือ...”
“ข้าผ่านโลกมาก่อนเจ้า นั่งลงเถิดข้าจะเล่าอะไรให้”
ไป๋หลานนั่งลงที่ข้างกายของเจ๋อหรานแววตาที่แสนเจ็บปวดของเจ๋อหรานทำให้นางเริ่มแปลกใจ
“ตอนที่ข้าเจอกับพ่อของหวงเอ่อร์ เขาก็ถูกทำร้ายมาและแสร้งว่าจำอะไรไม่ได้ จนข้ารักและยอมตามมาด้วยถึงได้รู้ความจริงว่าพ่อของเขาหลอกข้ามาโดยตลอดพ่อของหวงเอ๋อร์มีสนมมากมายและสุดท้ายข้าเองที่ต้องเจ็บปวด”
ไป๋หลานฟังเจ๋อหรานเล่านั้นแปลว่าเฟิ่งหวงไม่ใช่คนธรรมดาอาจจะเป็นตระกูลสูงส่ง แต่นางก็ไม่กล้าถามอะไรออกมา
“เจ้าบอกข้าได้หรือยังว่าเจ้าเป็นใคร”
“ข้า ข้า...”
“ข้าจะเก็บความลับเจ้าไว้เช่นเดียวกับที่เจ้าจะเก็บความลับของข้า”
“ข้าคือองค์หญิงไป๋หลาน เป็นธิดาองค์เดียวของฮ่องเต้จางเหวินเซียวแห่งแคว้นเป่ยเฟิง ข้าถูกทำร้ายและหนีตายข้ากระโดดส่งที่หน้าผาจนมาเจอกับเฟิ่งหวงที่ช่วยข้า” ไป๋หลานไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังอีกแล้ว
“เจ้ารักหวงเอ๋อร์หรือไม่”
“ข้ารักเฟิ่งหวง รักแรกและจะเป็นรักเดียวตลอดไปท่านจะเกลียดข้าหรือไม่ เพราะข้ามีสัญญาหมั้นหมายกับองค์รัชทายาทแห่งแคว้นหวางป๋อ”
เจ๋อหรานตกใจกับสิ่งที่นางเล่ามาหวางเทียนเวิ่นมีองค์รัชทายาทสืบบัลลังก์ด้วยหรือที่นางได้ยินมาแม้แต่สนมก็ไม่สามารถมีลูกให้ได้ และฮองเฮายังมาสวรรคตตั้งแต่อายุยังน้อย
“องค์รัชทายาทหรือ?”
“องค์เต้หวางเทียนเวิ่นไม่มีองค์รัชทายาทเจ้าค่ะ”
“แล้วใครจะได้สืบบัลลังก์ต่อไป”
“องค์รัชทายาทหวางหลานซวนเจ้าค่ะ เป็นหลานคนโต”
เจ๋อหรานกำลังมองเห็นความยางยากที่กำลังจะตามมาในอีกไม่ช้าตอนนี้เฟิ่งหวงไม่มียศบรรดาศักดิ์ที่จะไปสู้องค์รัชทายาทได้หากไป๋หลานต้องกลับไปเกรงว่าเฟิ่งหวงจะช้ำใจหนัก
“แล้วเจ้าจะทำอย่างไรหวงเอ่อร์เป็นแค่คนธรรมดาไม่มีอะไรไปสู้องค์รัชทายาท”
“ข้าคงจะแต่งงานกับใครไม่ได้อีกแล้ว สองแคว้นคงมิวายโกรธเคืองกัน” ไป๋หลานยังไม่เห็นหนทางที่จะกราบทูลเสด็จพ่อว่านางนั้นมีบุรุษที่รักอยู่แล้ว
“หวงเอ๋อร์ของข้าคงจะเสียใจไม่น้อย”
“เจ้าอยู่นี้เองข้าตามหาเสียนาน” เฟิ่งหวงเดินเข้ามาในกระโจมเห็นท่านแม่กับไป๋หลานนั่งคุยกันแต่ใบหน้าที่เป็นกังวลทำให้เขาต้องรีบเอ่ยถาม
“ท่านแม่ทำอะไรนาง”
“เจ้าเด็กน้อยข้าแค่จะคุยกับลูกสะใภ้ของข้าไม่ได้เชียวหรือ” เจ๋อหรานเอ็ดลูกชายที่ดูจะเข้าข้างไป๋หลานเกินกว่าเหตุนางคงต้องปล่อยในเฟิ่งหวงได้เรียนรู้ความเจ็บปวดด้วยตัวเอง
“แม่มีอะไรจะให้ลูกด้วย รับไว้เสียและมอบให้กับนางในดวงใจของลูก” ไป๋หลานหยิบสร้อยข้อมือขึ้นมาและมอบให้เฟิ่งหวงซึ่งเป็นสร้อยข้อมือของพ่อเฟิ่งหวงที่เคยมอบให้เจ๋อหราน
“ลูกอยากจะพานางไปไหนก็ไปเถิด”
“ขอบใจท่านแม่ขอรับ” เฟิ่งหวงพาไป๋หลานออกไปและพามาที่แม่น้ำที่เขาเจอนางครั้งแรก
“เจ้าพาข้ามาทำอะไรที่แห่งนี้”
“ข้าจะมอบสร้อยเส้นนี้ให้เจ้าหากวันไหนที่เจ้ากับข้าห่างกันเจ้าจะได้อุ่นใจว่ามีข้าอยู่ใกล้ๆ” เฟิ่งหวงสวมสร้อยข้อมือให้แก่นาง ปากหนากำลังจะจูบนางแต่ได้ยินเสียงตะโกนมาแต่ไกล
“ท่านพี่ ท่านพี่” อาเจิงวิ่งเข้ามาโดยไม่ดูอะไร
“เจ้ามีอันใด”
“ท่านพ่อให้มาตามท่านไปช่วยที่คอกม้า”
“เจ้าไปเถอะข้าจะไปรอที่กระโจม” ไป๋หลานมองเฟิ่งหวงที่เดินไปพร้อมกับอาเจิง เมื่อกำลังจะหมุนตัวกลับก็เจอเข้ากับซินอี้
“อย่าคิดว่าเจ้าจะชนะข้าได้” ซินอี้มองใบหน้าของไป๋หลานอย่างโกรธเคืองนางแอบรักเฟิ่งหวงมาตั้งนานใยนางถึงไม่ได้ความรักตอบแทน
“ข้าชนะเจ้าแล้วอย่างไรแพ้แล้วอย่างไรเพราะข้าไม่เคยไปลงแข่งกับเจ้า” ไป๋หลานจ้องใบหน้าของนางอย่างจะเตือนสติเรื่องความรักไม่มีมาบังคับให้ใคร
“จองหวง”
“ต่อให้ไม่มีข้าเพิ่งหวงก็ไม่มีวันรักเจ้า” ไป๋หลานไม่ยอมแพ้เช่นกันนางไม่ได้แย่งคนรักของใครและเฟิ่งหวงเป็นคนเลือกนางเอง
เพียะ!
“โทษฐานที่เจ้าบังอาจมาต่อปากต่อคำกับข้า”
ซินอี้ใช้จังหวะทีเผลอตบเข้าที่ใบหน้างามจนแก้มเกิดรอยแดงขึ้นมาไป๋หลานจับใบหน้าตัวเองไว้แล้วจ้องมองไปที่นางอย่างพร้อมจะมีเรื่อง
“กรี๊ดดดดด” ซินอี้ล้มไปกองอยู่ที่พื้นทำให้ชุดของนางเปื้อนไปด้วยดินและกรีดร้องออกมายามเห็นใบหน้าของไป๋หลานยิ้มเยาะเย้ยซินอี้บนริมฝีปากแน่นห้อเลือดแค้นใจสุดแสน
“เฟิงซาว (แรดยั่วยวน)” ซินอี้กำหมัดไว้แน่นและเตรียมจะลุกขึ้นมาจัดการนางแต่ก็โดนป็หลานตบเข้าไปแก้มงามหนึ่งครั้ง ซินอี้ตอนนี้ในอกมีเปลวไฟลุกโชนกองหนึ่งแผดเผาอยู่
“พวกเจ้าทั้งสองทำอะไรกัน!” อี้หรานเดินเข้ามาพยุงลูกสาวขึ้นมองไปที่แก้มงามมีรอยแดงขึ้นมา และหันมาคาดคั้นเอาคำตอบกับลูกสาวตัวเอง
“มันตบข้าเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ต้องจัดการมัน”
“ท่านน้าเชื่อนางหรือเจ้าคะ” ไป๋หลานใยอมเช่นกันจนอี้หรานได้แต่อ่อนใจนางมั่นใจว่าลูกสาวต้องไปทำร้ายไป๋หลานก่อน นางเองที่เลี้ยงลูกได้ไม่ดี
“น้าขอโทษแทนซินอี้ด้วย แม่นางอย่างถือโทษโกรธนางเลย” อี้หรานเดินมาก้มหัวขอโทษจนไป๋หลานรับห้ามไว้
“อย่าทำอย่างนั้นเจ้าค่ะ ท่านน้าไม่ได้ทำอันใดผิดไปเลยแต่คนผิดกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไร ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” ไป๋หลานเดินจากไปทำให้ซินอี้โวยวายอยู่ต่อหน้าท่านแม่ตัวเอง
ยามอิ่วตอนนี้ผู้คนเริ่มออกมาฉลองและนั่งดื่มเหล้าอาหารมากมายถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะอาหารและมีเหล่านักดนตรีในชนเผ่าบรรเลงเพลงอย่างสนุกสนาน
“ซินอี้ไปไหนหรืออี้หราน”
“นางบอกว่าไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะเลยจะขอนอนพัก” เจ๋อหรานจึงไม่ถามอะไรต่อและนั่งทานข้าวพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“เจ้ากินเยอะๆ อาเจิงข้าขอเหล้าหน่อย” เฟิ่งหวงหันไปสั่งให้อาเจิงนำเหล้าที่มักไว้มาให้และดื่มจนหมดเพราะคืนนี้ตั้งใจไว้ว่าจะเมา
“แม่นางไยเจ้าถึงงามอย่างนี้”
ไป๋หลานกำลังจะเดินผ่านบุรุษที่นั่งอยู่แต่โดนทักขึ้นมาพยายามจะเดินหนีแต่ก็ไม่สำเร็จ
“หลีกไปข้าจะกลับ”
“สวยหยาดเยิ้มเสียดายเฟิ่งหวงคงไม่ได้เรื่องเท่าข้า...โอ๊ยยยย”
“อย่าคิดจะทำอะไรนาง” เฟิ่งหวงเดินเข้ามาบิดข้อมือของชายผู้นั้นจนสุดแรง จนเขาร้องขอชีวิตขึ้นมาไป๋หลานจึงเข้าไปห้ามเฟิ่งหวง
“เจ้าปล่อยเขาเถอะข้าง่วงแล้ว” ตั้งแต่นางดื่มเหล้าเข้าไปก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ และเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่จะอยู่ถึงเช้ากับคนอื่นก็คงไม่ได้
“เจ้าห้ามอยู่ใกล้บุรุษคนไหนนอกจากข้า” เฟิ่งหวงฉายแววตาความหึงหวงออกมาจนเห็นได้ชัดและอุ้มนางกลับกระโจม
“เจ้าเป็นอะไรเหม่ยเหม่ย”
“ขะ ข้าร้อนเหลือเกินเจ้าค่ะ”
มือไม้ของนางเริ่มลูบไล้ไปทั้งแผ่นอกของเฟิ่งหวงอย่างต้องการจนเขาต้องแปลกใจว่าทำไมนางถึงมีอาการแบบนั้น
“ไปกินอะไรมา”
“เหล้าเจ้าค่ะ ช่วยข้าด้วยข้าร้อน”
ไป๋หลานจูบปากเขาอย่างร้อนแรงแม้ตัวจะสูงเพียงหน้าอกของเขาแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรค เฟิ่งหวงไม่ปฏิเสธนางปล่อยให้ไป๋หลานได้ทำตามใจตัวเอง
“หรือในเหล้าจะมีคนแอบเอายาปลุกกำหนัดใส่ไว้ พรุ่งนี้เช้าค่อยหาความจริง”
เฟิ่งหวงรีบอุ้มนางไปวางที่เตียงและจ้องใบหน้าของไป๋หลานที่แดงก่ำเพราะความต้องการด้วยฤกษ์ยา ไป๋หลานเริ่มไม่ได้สติ
“ใครมันกล้าทำแบบนั้น”
“ข้า ข้าอยาก...”
“เจ้าไม่ต้องห่วง”
“อื้ออออ”
เฟิ่งหวงจูบปากนางอย่างหิวกระหายมือหนาเลือนเข้าไปในสาบเสื้อจนสัมผัสเข้ากับยอดปทุมถันที่ชูชันพร้อมให้เขาได้สัมผัสร่างบางยกขาขึ้นมาเกี่ยวตวัดรัดเอวเขาไว้แน่น