Chapter 9
และแล้ววันที่ใครหลายคนไม่อยากให้มันมาถึง แต่มันก็มาถึงคือวันที่ทั้งทหารชั้นประทวนกับยุวชนทหาร ต้องมารายงานตัวต่อกรมบัญชาการเพื่อเตรียมไปรบที่แพนธีออน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นร่วมถึง "หวงจือชิน" ซึ่งชื่อเขาติดอยู่ในกองร้อย W ในวันเดียวกันชายหนุ่มจำได้ว่าตอนที่ต้องบอก "หม่าญวน" ผู้เป็นย่านั้น มันทำให้บรรยากาศในบ้านแย่แค่ไหนแถมข่าวร้ายอีกข่าวคือ "หวงอี้ถิง" ญาติลูกพี่ลูกน้องของเขา ซึ่งเป็นนาวิกโยธินต้องไปรบที่หมู่เกาะทางตะวันออกเฉียงใต้
หม่าญวนมีบุตรชายทั้งสามและมีเสียชีวิตจากสงครามถึงสองคน ส่วนอีกคนก็พึ่งจะพ้นโทษแต่ก็ต้องโดนส่งไปรบ สำหรับคนเป็นแม่มันก็หนักหนาสาหัสพอแล้ว แต่นี่หลานชายที่ดูแลมาตั้งแต่เด็กก็กำลังจะมีชะตากรรมไม่ต่างกัน และหลังจากหม่าญวนรู้ก็เอาแต่ขังอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา จน "พลตรีหวงฉี่ชุ่น" ปู่อาสาจะเป็นคนคุยกับเธอเองจึงขอให้หลานทั้งคู่ กลับไปพักผ่อนเอาแรงเพื่อที่จะตื่นให้ทันไปรายงานตัว ทว่าหวงอี้ถิงเลือกที่จะไปค้างที่ค่ายจึงมีแค่เขาคนเดียวที่นอนบ้าน
ขนาดตอนเช้าก่อนที่จะขึ้นรถเขาก็ไม่เห็นหม่าญวน เดินมาส่งเขาเลยนอกจากยืนมองที่ริมหน้าต่างห้อง หวงจือชินเข้าใจความรู้สึกของย่าดีจึงไม่ได้คิดน้อยใจแต่อย่างใด แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความกังวลและรบกวนจิตใจเขาไม่น้อย หลังจากที่ขับรถมาหลายชั่วโมงในที่สุดก็มาถึงกรมบัญชาการ ของกองพันฟินิกซ์จนได้โดยบรรยากาศตอนนี้ เต็มไปด้วยฝูงชนมากมายหลั่งไหลเข้ามาจนเรียกได้ว่าตาลายมาก และทันทีที่รถจอดนิ่งสนิทหวงจือชินก็เดินไปคว้ากระเป๋าเป้ออกมา
"ผมต้องไปแล้วนะครับปู่" หวงจือชินหันมากล่าวกับนายพลหวงฉี่ชุ่นที่พึ่งเดินลงจากรถ
"ให้ปู่ไปส่งที่กรมไหม" นายพลหวงฉี่ชุ่นถามต่อแม้รู้ดีว่าหลานชายจะตอบว่าอะไร
"ผมคิดว่าผมเดินไปเองดีกว่า" หวงจือชินว่า
และแล้วปู่-หลานก็ไม่ได้พูดคุยอะไรต่อนอกจานายพลฉี่ชุ่น ยื่นมือมาจับมือกับหวงจือชินพร้อมกล่าวอวยพร ขอให้เขามีชัยชนะเหนือกว่าศัตรูทุกคน และรอดกลับมาบ้านอย่างปลอยภัย ชายหนุ่มพยักหน้ารับทราบและเดินเข้าไปรวมกลุ่มคนอื่นๆ โดยที่มีปู่คอยมองห่างๆถ้าเป็นเมื่อก่อน ตนก็คงจะเข้าร่วมสงครามรบเคียงข้างหลานชายคนนี้แน่นอน ช่างน่าเสียดายที่ยศตอนนี้คือนายพลคงไม่สามารถออกภาคสนามเมื่อครั้งอดีตได้ เพราะมันหมดยุคของเขาแล้ว
นายพลหยางเฉินพร้อมด้วยผู้บัญชาการกองร้อย ก็เดินทางมาถึงซึ่งคำสั่งการที่ส่งมาคือกองพันที่ 6 ซึ่งมีสี่กองร้อย แต่จะมีสามกองร้อยที่รับหน้าที่บุกตีเข้าที่แคว้นเนเรีย อีกหนึ่งกองร้อยทำหน้าที่ตรึงกำลังเอาที่ชายแดน ไม่ให้กองทัพจักรวรรดิเปรเซียร์รุกล้ำแพนธีออนมากกว่านี้ ทหารหนุ่มเดินขึ้นมายังเรือรบฟรอนร์เทียร์เพื่อใช้ในการเดินทาง ในช่วงภาวะสงครามตอนนี้ทางรัฐบาลประกาศระงับการเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนทางกองทัพส่วนมากจะเดินทางเรือ และอีกส่วนจะเดินทางเครื่องบินไปที่ประเทศฮรีซอส
และผู้ทำหน้าที่พากองพันฟินิกซ์ที่ 6 ไปที่แพนธีออนคือ "พลเรือโทภาดล" ทั้งคู่ต่างทำความเคารพกันและกัน ซึ่งพลเรือโทภาดลพานายพลหยางเฉินเดินสำรวจรอบๆภายในเรือ ที่จริงแล้วนายพลหยางเฉินรู้จักเรือรบนามว่า "ฉลามเสือ" ลำนี้ดีเพราะมันเป็นเรือลำเดียวกับที่ "พลเรือเอกหยางจงเหลียน" อาชายที่พึ่งจะเกษียณจากชีวิตราชการ เคยมาทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการเรือลำนี้มาก่อน ทหารหนุ่มคิดว่าพลเรือโทภาดลคือคนที่มารับตำแหน่งต่อ
"ผมขอแสดงความยินดีที่คุณได้รับยศและตำแหน่งผบ.เรือ" นายพลหยางเฉินกล่าว
"ขอบคุณครับคุณหยางเฉิน แต่เรื่องนี้ผมขอยกความดีทั้งหมดให้กับอาจารย์ของผม" พลเรือโทภาดลกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจมาก แต่สำหรับนายพลหยางเฉินเขากลับสะดุดคำว่า "อาจารย์"
"ผบ.ภาดล อาจารย์ของคุณคือ...."
"ออ ท่านคืออดีตผบ.เรือรบฉลามเสือครับ พลเรือเอกหยางจงเหลียน" น้ำเสียงที่พลเรือโทภาดลพูดถึงอาจารย์มันแสดงถึงความเคาพอย่างชัดเจนมาก
มาถึงตรงนี้นายพลหยางเฉินเข้าใจแล้วว่าทำไม อาของเขาถึงเลือกพลเรือโทคนนี้มารับตำแหน่ง ที่แท้ก็ลูกศิษย์นั้นเองตามประวัติที่เขาพอจะรู้มา พลเรือโทภาดลเป็นลูกเรือของเรือรบฉลามเสือ มาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นยุวชนทหารเรือ จึงค่อยๆสะสมประสบการณ์เรื่อยมาจนกระทั่งได้เป็นผู้ช่วยผบ.เรือ ซึ่งนายพลหยางเฉินเชื่อว่าชายคนนี้เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุดแล้ว ระหว่างนั้นเขาก็ทอดสายตามายังเหล่ากองพันฟินิกซ์ที่ 6 เริ่มทยอยขึ้นเรือแล้ว
ขณะเดียวกันที่ห้องครัวก็วุ่นวายไม่แพ้ด้านนอก บางส่วนเลือกที่จะเดินลงมากินอาหารที่พ่อครัวเตรียมเอาไว้ โดยหนึ่งในนั้นก็คือหวงจือชินที่บังเอิญเจอ "แพทริค" เพื่อนร่วมทีมดาร์คเนสฯ และยังอยู่หมวด 4 หมู่เดียวกันในกองร้อย W น่าเสียดายที่สามเพื่อนรักอย่าง "โจวเหวินหลง" "หลี่จื่อหมิง" และ "หม่าเทียนเจี๋ย" พวกเขาแม้จะอยู่กองพันที่ 6 แต่ทั้งสามคนถูกส่งไปรบที่แคว้นเนเรีย ไม่ใช่ในเมืองอุมเบเรีย จึงเป็นครั้งแรกที่เขาต้องไปรบตามลำพัง
"เฮ้ย ! รับขนมปังหน่อย" สิ้นเสียงก็มีขนมปังลอยตรงมาทางหวงจือชิน และเขาก็สามารถรับมันได้อย่างสวยงาม
"ขอบใจมาก แฟรงกี้" หวงจือชินหันไปกล่าวขอบคุณ แฟรงกี้ ซึ่งอยู่หมวด 1 ของกองร้อย W
"ด้วยความยินดี กินให้เต็มที่เลย" แฟรงกี้ว่าและเดินไปอยู่กับเพื่อนเขาตามเดิม
ทหารหนุ่มกลับมาจัดการอาหารของตนเองตามเดิม ไม่นาน "ร้อยโทเจอโรม" ผู้ทำหน้าที่คุมหมวด 4 ก็โผล่มาให้คนที่อยู่หมวด 4 มารายงานตัวที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ตรงจังหวะที่หวงจือชินกินเสร็จพอดี จึงลุกเดินตามหลังหมวดเจอโรมไปที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งคำชี้แจ้งก็ไม่ได้มีอะไรมากคำสั่งที่ได้รับมาคือ หมวด 4 กับหมวด 5 จะเป็นหน้าด่านท้าชนกับข้าศึกที่เลียบเข้ามาที่ชายแดน และที่สำคัญต้องชี้พิกัดให้กับป้อมปืนใหญ่เพื่อตัดกำลังข้าศึก อย่าส่งผิดเป็นอันขาด
"แหม ยังไม่ทันที่จะเหยียบพื้นดินก็ต้องเสี่ยงตายอีกแล้วสินะ" แพทริคกล่าวและมองตัวยิงเลเชอร์ชี้เป้า
"ก็เขาจ้างให้เราเสี่ยงตายไง" หวงจือชินพูดและตบไหล่อีกฝ่ายก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องนอน