บท
ตั้งค่า

ให้เดิน

“พวกเจ้ามาช้าเสียจริง ข้ากำลังคิดว่าจะไล่พวกเจ้ากลับไปเสีย ยายเฒ่าจงรับปากมั่นเหมาะว่าจะหาคนมาช่วยงานแต่ดูรึ พวกเจ้าเพิ่งจะมาถึง”

เสี่ยวเจิ้งประสานมือก้มหน้า จงหลินถอนหายใจยาว

“นายท่าน พวกเราติดขบวนเสด็จจึงล่าช้า โปรดเมตตาเราด้วย”

เสี่ยวเจิ้งพยักหน้ายืนยันตามคำพูดของจงหลิน

“จะไล่กลับอย่างไรเล่า คนยิ่งน้อยๆไปไปช่วยกันหั่นผักหั่นหมูเตรียมวัตถุดิบ แต่บอกไว้ก่อนนะ ข้าลดค่าตอบแทนพวกเจ้าเพราะมาช้าเหลือเกิน ทำงานให้เสร็จจึงกินอาหารเช้าเพราะกงกงตู้ ขันทีพิธีการเพิ่งส่งคนมาเร่งให้เตรียมจัดเครื่องเสวยยามอู่(11.00-12.59)”

เสี่ยวเจิ้งรีบเข้าไปข้างในปลดหลัวบนหลังให้จงหลิน แล้วหันหลังให้จงหลินปลดหลัวให้บ้าง

เลยยามอู่ไปแล้ว

จงหลินยกถ้วยข้าวกับน้ำแกงมาวางบนโต๊ะ เสี่ยวเจิ้งเช็ดมือกับชายกระโปรงก่อนจะปาดเหงื่อที่ไหลรินบนใบหน้า คนอื่นๆต่างแยกย้ายกันไปพัก

“ไม่เหลืออะไรให้กินแล้วคนอื่นตักไปกินจนสิ้น เสี่ยวจิ้งเราสองคนมีเพียงน้ำแกงกับ ผัดผัก”

เสี่ยวเจิ้งพยักหน้ายิ้มส่งสัญญาณว่าชอบกินผัดผัก จงหลินส่ายหน้าไปมานึกอิจฉาเสี่ยวเจิ้งที่ชีวิตช่างมีความสุขไม่เคยทุกข์ร้อนไม่ว่าจะเจอปัญหาเล็กใหญ่ใดๆก็ตาม

“กินเสร็จค่อยเดินทางกลับบ้านข้าว่าเราสองคนควรจะแวะที่ตลาดเสียหน่อย เลือกซื้อเครื่องสำอางหรือว่าเครื่องประดับกันดีไหม ข้าขอท่านแม่ว่าได้เงินค่าจ้างงวดนี้ข้ากับเจ้าเราสองคนจะแวะเที่ยวตลาดเสียหน่อย”

เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้าโบกมือ

“เจ้าก็เป็นแบบนี้เราสองคน18ปีแล้วควรจะงดงามและใช้ชีวิตเยี่ยงหญิงสาวได้แล้ว เสี่ยวเจิ้งงงง เราสองคนผ่านวัยเด็กมาแล้ว ข้าอยากจะเห็นว่าเสี่ยวเจิ้งของเราหากอาบน้ำอาบท่าแต่งกายให้งดงามเสียหน่อยจะเป็นอย่างไรหนอ”

เสี่ยวเจิ้งก้มหน้า จะเถียงว่าเก็บไว้ใช้ยามที่แก่ชราจะดีไหม หาได้สนใจวัยสาวที่กำลังจะผ่านเข้ามาไม่

“น้าาา เจ้าต้องลองเปลี่ยนตัวเอง ข้าห่วงที่สุดก็เจ้านั่นแหละเสี่ยวเจิ้งใจดีเหลือเกิน คนผู้คนล้วนจ้องรังแกและเอาเปรียบเจ้า”

เสี่ยวเจิ้งพุ้ยข้าวใส่ปาก ตาเฒ่าในห้องเครื่องคนเมื่อเช้าเดินเข้ามาข้างในวางก้อนเงินให้กับ เสี่ยวเจิ้งและจงหลินคนละก้อน

“นายท่านทำไมมันน้อยแบบนี้”

“พวกเจ้ามาช้า แล้วอีกอย่างนี่ข้าวนี่กับของที่พวกเจ้ากินไป ข้าก็หักออกจากค่าแรง ทำงานไม่ถึงวันก็เอาไปแค่นี้พอ”

จงหลินลุกขึ้นยืน เท้าสะเอวผลักตาเฒ่าหงายหลัง

“จะมากไปแล้วนะ กว่าจะได้กินก็เลยยามอู่ทำงานไม่หยุด ตั้งแต่มาถึงนี่แค่ค่าเดินมาในวังหลวงไกลแสนไกลนี่ยังไม่คุ้มเลย จะให้เพิ่มหรือไม่ หากไม่ให้คราวหลังพวกเจ้าอย่ามาไหว้วานพวกเราอีก อีกอย่างข้ารู้นะว่าเจ้าได้เงินมามากกว่านั้นแต่แอบเก็บไว้เองอย่าให้พวกเรานำเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟังนะ คิดว่าข้าไม่กล้าหรือไร”

เสี่ยวเจิ้งดึงมือจงหลินให้ถอยห่าง

ร่างสูงในอาภรณ์ขององครักษ์นามป้อคุน ที่ได้ยินเสียงเอะอะของจงหลิน ก้าวมายืนตรงหน้า ย่อกายลงล้วงหยิบถุงเงินจากอกเสื้อของตาเฒ่าออกมา ยื่นให้กับ เสี่ยวเจิ้งและจงหลิน

“ท่านเอาเปรียบพวกนางมากไป หากเก็บไว้เสียครึ่งหนึ่งก็คงไม่น่าเกลียดเท่าให้พวกนางเพียงส่วนน้อย”

เสี่ยวเจิ้ง นิ่งงันจงหลินรีบคว้าเอาถุงเงินหนักอึ้งมากำรวบไว้ในมือ

“ขอบคุณใต้เท้า อย่างนี้ถึงจะคุ้มค่าเหนื่อย”

จงหลินเอ่ยปากยิ้มๆ ดึงมือเสี่ยวเจิ้งให้ย่อกายลงตรงหน้าป้อคุน

ป้อคุน ยิ้มอ่อนโยน

“งานรื่นเริงผ่านไปด้วยดีทุกคนเหนื่อยเท่ากัน พวกเจ้าเองก็สำคัญไม่น้อยเงินเพียงน้อยนิดนี้จึงไม่ถือว่ามากไป”

จงหลินยิ้ม เสี่ยวเจิ้งกลับก้มหน้าไม่กล้ามองใบหน้าหล่อเหลาของป้อคุนแม้แต่น้อย

ป้อคุนจากไปแล้ว เสี่ยวเจิ้งดึงมือจงหลินแบกหลัวเปล่ากลับบ้าน จงหลินเทเงินในถุงออกมานับด้วยดวงตาเป็นประกาย

“เงินมากมายขนาดนี้ข้าจะซื้อของที่อยากได้ให้หมดเลย เจ้าเล่าจะเอาเงินไปทำอะไร”

ส่งภาษามือบอกว่าจะก้บไว้ให้ป้าจงแม่ของจงหลิน

“ข้าเบื่อเจ้าจริง ได้ยินใต้เท้าหนุ่มผู้องอาจผู้นั้นพูดไหมเราสองคนทำงานเหนื่อยควรจะนำเงินไปซื้อของที่อยากได้”

เสี่ยวเจิ้งยิ้มมุมปากส่งภาษามือให้กับจงหลิน

“บ้า เสี่ยวเจิ้งเจ้านี่ ข้าไม่ได้ชอบเขาเสียหน่อยแต่เอาจริง เขาก็น่ามองที่สุดแต่ อย่างเขารึจะชายตามองคนอย่างพวกเรา เห็นฮ่องเต้เมื่อเช้าไหมเขามองพวกเราแค่เพียงเศษดิน”

เสี่ยวเจิ้งพยักหน้ายิ้มๆ ส่งภาษามืออีกครั้ง

“จริงของเจ้าพวกเขาก็แค่พวกที่หลงตัวเอง เอาแต่ทำท่าทีองอาจ แต่เวลานั่งปลดทุกข์ก็ต้องทำหน้าเหยเกเหมือนกันทุกคนฮ่าาาา”

เสี่ยวเจิ้งส่งเสียงหัวเราะในรอบหลายวันพร้อมกับจงหลินที่พากันเดินลัดเลาะไปบนทางเท้าทอดยาวกลางป่า

“ชิงกวานอ๋องยอมจำนนเสียเถิดไม่มีทางที่จะหนีรอด ยอมตายเสีย”

ร่างสูงองอาจ ใช้กระบี่ในมือชันกายลุกขึ้นอย่างยากลำบากรอยเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่วลำตัว กัดฟันยกกระบี่ขึ้นในท่าเตรียมพร้อม ทั้งๆที่ยืนแทบไม่อยู่ มือสังหารผู้หนึ่งยืนจ้องหมายเอาชีวิต

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel