แค่หญิงใบ้จริงๆ
“ใกล้จะเรียบร้อยเแล้วขอรับรอเพียงท่านอ๋อง ติชม”ประสานมืออดจะยิ้มไม่ได้ในเมื่อท่านอ๋องหลายปีมานี้ไม่เคยใส่ใจหญิงใดมาก่อน
“อืมจัดเครื่องเสวยที่ห้องวัดตัวด้วย เผื่อช่างวัดตัวเพราะคงต้องอยู่ที่นี่อีกหลายชั่วยาม เสี่ยวเจิ้งจะได้มีคนคอยพูดคุยแก้เหงา”
หยวนกังประสานมือ ชิงกวานอ๋องโบกมือให้คนรับใช้เข็นรถไปเสียอีกทาง
“ท่านอ๋องจะไม่รอพบคุณหนูก่อนหรือไรในวันนี้”ชิงกวานยิ้มดวงตาเป็นประกาย ใจอยากเข้าไปแต่อีกใจก็บอกว่าไม่ควรเร่งรัดอะไรไปกว่านี้
“ข้าไม่อยากให้นางรู้ว่าข้ามายุ่มย่าม นางเป็นเจ้าของจวนอ๋องเช่นกัน ข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้นางเห็น รึเจ้าว่าข้าควร เข้าไปดูนางเสียหน่อย”
หยวนกังยิ้มบางๆ ก้มหน้าเสีย เขาพยายามที่จะให้ชิงกวานอ๋องได้เห็นว่าเสี่ยวเจิ้งแปรเปลี่ยนไปเพียงใดนางงดงามเพียงใดต่างหาก เผื่อว่าบางทีท่านอ๋องจะได้ไม่ต้องทนเหงาเหมือนที่ผ่านมา
คนรับใช้เข็นรถเลยไปยังป่าไผ่ร่มครึ้ม ชิงกวานอ๋องเผลอยิ้มกับความคิดของตัวเองที่เตลิดไปไกล
ทำท่าจะลุกขึ้นยืน ทว่ากับทรุดกายลงบนรถเข็น
“ตามหมอหลวง”
คนรับใช้ที่เดินตามอีกคนรีบวิ่งไปทันที
หมอหลวงพูดเสียงสั่นด้วยกลัวอาญา
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่อาจกล่าวคำนี้ได้เกรงว่าท่านอ๋องจะทรง จะทรง”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ รู้สึกอะไร”
“แม้คมกระบี่จากมือสังหารจะไม่ได้ถูกจุดสำคัญทำให้บาดเจ็บสาหัส แต่เอ็นรอยหวายที่ขาด้านซ้ายของท่านอ๋องถูกทำลาย ขะข้าน้อยรับรองจะพยายามหายา ดีมารักษา ..ให้ ..จนได้… ท่านอ๋องอย่าทรงกริ้ว”
ก้มศีรษะจรดพื้น
“เจ้าหมายความว่าข้า ข้าจะเดินไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
“ข้าน้อยยังไม่อาจบอกได้ แต่ทว่าหากท่านอ๋องพักฟื้นให้ดี ไม่ออกแรงในตอนนี้อีกทั้งดูแลตัวเองให้มาก และจะต้องให้ข้าน้อยทำการรักษาให้ก่อน ระหว่างนี้และห้ามออกแรงบริเวณข้อเท้าหรือห้ามเดินนั่นเอง จนกว่าจะรักษาให้หายได้ จึงค่อยกลับมาฝึกเดินอีกครั้ง”
ชิงกวานอ๋องนิ่งงันดังถูกสาป
“ตะ ตะแต่ไม่ได้บอกว่าจะเดินไม่ได้ แต่ท่านอ๋องจะต้องรักษาตัวนานหน่อยก็เท่านั้น”ยิ้มเศร้าๆ
“ไม่เป็นไร ส่งท่านหมอเถิด”
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะหายาดี มารักษาท่านอ๋องจนได้”รับปากทมั่นเหมาะชิงกวานอ๋องผู้นี้เมตาทุกคน จะมีกี่คนที่เกลียดชัง
“ขอบใจเจ้ายิ่ง”
หมอหลวงก้มหน้าด้วยความหนักใจ เข้าใจดีว่าชิงกวานอ๋องเป็น แม่ทัพผู้เกรียงไกรอีกทั้งยังเป็นคนที่ฝ่าบาทวางใจที่สุดหากจะแบกรับคำว่าเดินไม่ได้หรือพิการจะต้องทนทุกข์เพียงใดกัน
จงหลินกับเสี่ยวเจิ้ง เดินเข้ามายืนด้านหลังของชิงกวานอ๋อง
“ จงหลินคารวะท่านอ๋อง”
ใบหน้าเศร้าหันมายิ้มกว้าง จ้องมองเสี่ยวเจิ้งที่เปลี่ยนไปด้วยความตกตะลึงแววตาพึงพอใจ ใบหน้างดงามอ่อนหวานทว่าสดใสกว่าครั้งแรกที่เขาเห็น ใบหน้าขะมุกขะมอมนั้นหายไปผิวขาวกระจ่างใส ที่สำคัญคือแววตาสดใสนั้น ยิ้มบางๆ
“ เจ้า แต่งกายแบบนี้ดูดีขึ้นมากทีเดียว”
สะกดกลั้นคำว่างดงามไว้ในใจเสีย หยวนกังยิ้ม
“เสี่ยวเจิ้งบอกว่าจะมาทานกลางวันกับท่านอ๋อง เพราะท่านอ๋องจะต้อง ..เสวยคนเดียวพวกเรามาอยู่นี่แล้ว ควรจะร่วมเสวยกับท่านอ๋อง”
เหลือบตามองหยวนกังที่เป็นคนพูดประโยคนี้ ให้เสี่ยวเจิ้งได้คิดเพื่อเอาใจเจ้าบ้านที่แสนดีกับพวกนาง
“แล้วช่างวัดตัวเล่า”
“นางกลับไปแล้วขอรับ บอกว่าไว้พรุ่งนี้จึงมาใหม่”หยวนกังพูดแทน
“ดี ข้ากำลังหิวพอดี เด็กๆ ยกเครื่องเสวยที่ศาลาด้านนู่น"
ปรับน้ำเสียงให้สดใส หยวนกังอมยิ้มไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของชิงกวานอ๋องมาก่อน
ชือหรู นั่งลงยกสุรากรอกลงในลำคอแก้กระหาย เบื้องหน้าป้อคุนนิ่งจิบชาในมือ
“นางก็แค่หญิงใบ้คนหนึ่ง”
“หญิงใบ้”คิ้วคมขมวดเข้าหากัน
“แต่เป็นหญิงใบ้ที่งดงามและน่าเอ็นดูที่สุดเท่าที่ข้าชือหรูเคยเห็นมา”