แค่หญิงใบ้คนหนึ่ง
“ไปเถิดอยู่ข้างนอกนั่นพวกเราลำบากกว่านี้นี่ เพราะเจ้าพวกเราเลยสบายทำตัวดีดีหน่อยเชื่อฟังท่านอ๋อง ป้าจึงจะได้สบายอย่างนี้”
เสี่ยวเจิ้งยิ้มก่อนจะก้าวขาออกไป จงหลินปักปิ่นไม้บนศีรษะของเสี่ยวเจิ้ง ที่บัดนี้ผมถูกเกล้ารวบไว้อย่างเรียบร้อยงดงาม ผยให้เห็นใบหน้าสดใสปากคอคิ้วคางรับกับใบหน้ากลมรูปไข่ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ แก้มผ่องไม่ขะมุกขะมอมเหมือนเคย อีกทั้งนอนหลับสบาย ใบหน้าสดใส ดังบุปฝาแรกแย้มต้องแสงอรุณรุ่ง
หยวนกังเงยหน้าขึ้นช้าๆ แม้ไม่กล้าจ้องมองใบหน้างดงามเต็มตา รีบก้มหน้าหลบตาเสีย ทว่ากลับรู้สึกว่าบุรุษใดใต้หล้าหากได้พบพาน คงยากที่จะไม่ตกตะลึงในความงดงามสดใสของเสี่ยวเจิ้ง อีกทั้งยากจะลืมเลือน ถอนหายใจ ท่านอ๋องของเขาเองก็เพิ่งสามสิบกว่า ไม่แน่ว่ามีหญิงงามสดใสเช่นนี้ในจวนบางทีอาจจะเปลี่ยนใจด้านชาได้ไม่ยาก
“ไปกันได้แล้วท่านองครักษ์”
จงหลินอมยิ้มเมื่อเห็นว่าหยวนกัง ก้มหน้าไม่กล้ามองใบหน้างดงามของเสี่ยวเจิ้ง ที่แม้แต่จงหลินเองยังรู้สึกว่าเสี่ยวเจิ้งในวันนี้ ไม่เหมือนเสี่ยวเจิ้งที่แบกหลัวเดินตามจงหลินทำงานแลกเงินแล้วแต่จะมีคนเมตตา
“เชิญคุณหนู”
หยวนกังผายมือเดินนำไปที่ห้องด้านนอกก่อนจะปิดประตู ปล่อยให้เสี่ยวเจิ้งและจงหลินอยู่ข้างในเพียงลำพังกับช่างวัดตัวและสาวใช้ในจวนที่ยืนถือพับผ้าเนื้อดีมากมายตรงหน้า จงหลินวิ่งหยิบพับผ้าขึ้นมาดูด้วยความตื่นเต้นผ้าเนื้อดีที่ไม่เคยอาจเอื้อมบัดนี้กลับมาให้หยิบจับตามใจ
“เสี่ยวเจิ้งดูสิ ดูนี่ นี่ นี่ นี่”วิ่งวนพับผ้าสีหน้าตื่นตาตื่นใจ
เสี่ยวเจิ้งยิ้มบางๆ
“เจ้าไม่เลือก ข้าเลือกสีที่เหมาะกับเจ้าเอง ดูรึมีแต่ผ้าเนื้อดี หากสวมใส่บนร่างกายของเจ้าบวกกับใบหน้างดงามของเจิ้งเหม่ยอิงบุตรีบุญธรรมท่านอ๋องจะงดงามเพียงใด”
เสี่ยวเจิ้งปิดปากขำกับท่าทีเกินจริงของจงหลิน ช่างวัดตัวที่เป็นหญิงวัยแก่กว่าไม่กี่มากน้อย ยิ้มย่อกายลงเสี่ยวเจิ้งจับไหล่นางไว้โบกมือห้าม
“ขอบคุณคุณหนู”
ยิ้มด้วยไมตรีจิต สายตาจับจ้องที่รูปร่างหน้าตาของเสี่ยวเจิ้งเพราะที่ผ่านมาไม่เคยจะเห็นว่าจะมีหญิงงามคนไหนงดงามทั้งใบหน้าและรูปร่างเพียงนี้ นางไปซ่อนกายอยู่ที่ใดมา ท่านอ๋องจะรับนางเป็นลูกบุญธรรมเห็นได้ชัดว่านางงดงามเกินหญิงใดไม่แน่ว่าคำว่าลูกบุญธรรมก็เพียงใช้บังหน้าเท่านั้น อนิจจา ใครกันจะอดคิดเกินเลยไปไกลในเมื่อท่านอ๋องเองก็ยังหนุ่มแน่นไม่ได้แก่ชรา อีกทั้งหล่อเหลาเป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่
“พี่สาวคุณหนูเจิ้งนางพูดไม่ได้ แต่ฟังเราพูดได้ทุกคำ ท่านก็แค่พูดกับนาง เจิ้งเหม่ยอิง ใจดีที่สุุด”
เสี่ยวเจิ้งยิ้มให้กับชือหรูด้วยความที่ไม่ถือตัว
จงหลินพูดขึ้นยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าพี่สาวช่างวัดตัวตะลึงในความงามของเสี่ยวเจิ้งเหมือนคนอื่นๆ
“เช่นนั้นคุณหนูเจิ้งโปรดเมตตาตาข้าน้อย ร้านเราถูกท่านอ๋องเรียกให้มาตัดอาภรณ์ชุดใหม่ให้ท่าน จึงอยากจะแอบขอให้คุณหนูให้พวกเราตัดอาภรณ์ให้มากหน่อยเพราะจะได้มีรายได้เข้าร้าน คุณหนูงดงามเพียงนี้หากมีใครถามถึงร้านที่ตัดเย็บวานคุณหนูบอกว่าเป็นร้านของเราเพื่อเป็นการโฆษณาไปในตัว”
เสี่ยวเจิ้งเลิกคิ้วสูง
“ว้าข้านี่แย่จริงคุณหนูพูดไม่ได้ จะให้บอกใครได้อย่างไรเอาแบบนี้ดีกว่าเอาเป็นว่าหากคุณหนูไม่ว่าข้าจะอาศัยเอาไปบอกหลายๆคนว่าแม้แต่คุณหนูเจิ้งเหม่ยอิงที่งดงามยังสวมอาภรณ์ที่ตัดจากร้านของเรา”
เสี่ยวเจิ้งยกนิ้วยิ้มบางๆ จงหลินหัวเราะสบตากับเสี่ยวเจิ้งขำๆ
เสียงพูดคุยด้วยความสนิทสนมดังเล็ดลอดออกมาด้านนอกอีกทั้งเสียงหัวเราะชอบใจ พูดไม่ได้แต่เสียงหัวเราะใสหวานของเสี่ยวเจิ้งช่างทำให้บรรยากาศที่เคยเงียบเหงาในจวนอ๋องช่างน่าอภิรมย์เสียจริง
“ท่านอ๋อง”
หยวนกังประสานมือเมื่อคนรับใช้เข็นรถเข็นให้กับชิงกวานอ๋องมายังห้องวัดตัว
“คุณหนู เป็นอย่างไรบ้าง”
แม้จะได้ยินเสียงหัวเราะรื่นเริงมาแต่ไกลแต่ก็ไม่วายถามด้วยสีหน้าแช่มชื่น
“คุณหนูน่าเอ็นดูไม่น้อย นางเข้ากับทุกคนได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร”
ชิงกวานอ๋องซ่อนยิ้มพยักหน้าขึ้นลง ภายใต้ใบหน้าแอบซ่อนความรู้สึกเป็นสุข