บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ผู้ใดสนกันเล่า

บทที่ 2

ผู้ใดสนกันเล่า

เจียงหรูลี่พลันได้สติ นางกระแอมไอเล็กน้อยแล้วเอ่ยถึงเรื่องที่เรียกตัวซูเย่หลิงมาที่นี่

"นั่นสินะ ข้าไม่น่ามามัวเสวนากับสตรีหยาบกระด้างเช่นเจ้าเลย เอาล่ะเย่หลิง คืนวันนี้ที่พระราชวังจะจัดงานไหว้พระจันทร์ ตระกูลซูของเราก็ได้รับเทียบเชิญด้วย ทว่าข้าคิดว่าคนที่ไร้มารยาทเช่นเจ้ามิสมควรไปร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ หากเจ้าไปทำกิริยาหยาบช้าล่วงเกินผู้สูงศักดิ์เข้า เกรงว่าคนตระกูลซูของเราจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่"

เจียงหรูลี่แย้มยิ้มหวานที่ไปไม่ถึงดวงตา นางมองดูปฏิกิริยาที่ผิดหวังของซูเย่หลิงพลันหัวเราะเยาะเย้ยออกมาด้วยความชอบใจ อย่าคิดเลยว่านางจะพาไปเปิดตัวในวงสังคมชนชั้นสูง นางจะกดซูเย่หลิงมิให้กล้าเผยอหน้ามาเทียบเทียมบุตรสาวของนางเป็นอันขาด

"ข้าไม่ได้ไปหรือเจ้าคะ"

"ใช่แล้ว ต้องโทษที่เจ้ามีกิริยาหยาบช้าแข็งกระด้าง บิดาของเจ้าเองก็เห็นด้วยกับข้า หึ!" นางหัวเราะขำสีหน้าที่เศร้าหมองของซูเย่หลิง

"แล้วน้องสาวได้ไปหรือไม่" ซูเย่หลิงหันมาถามซูจือเหมย

"ข้าเป็นถึงผู้มีอิทธิพลในชนชั้นสูง หากขาดข้าไปงานเลี้ยงย่อมไม่สนุกน่ะสิ"

ทั้งสองอายุห่างกันเพียงครึ่งปี ทำให้ซูจือเหมยไม่ได้ให้ความเคารพต่อซูเย่หลิง ทั้งยังดูแคลนนางที่ไร้มารดาคอยปกป้องอีกด้วย ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นซูจือเหมยก็จะกลายเป็นน้องสาวที่น่ารักน่าเอ็นดูของซูเย่หลิง

"ข้าเข้าใจแล้ว"

ซูเย่หลิงก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มสมใจ ต้องอย่างงี้สิ! งานเลี้ยงอันน่าเบื่อหน่ายที่เคร่งพิธีการ และยังต้องมาแสร้งปั้นสีหน้ายิ้มแย้ม ทั้งที่ใจจริงเกลียดกันจนเข้ากระดูกดำ ไหนจะพูดจาหวานหูที่ซ่อนความหมายลึกล้ำหลอกด่านั่นอีกเล่า นางไม่ชอบเลยสักนิดเดียว ผู้ใดอยากไปก็ไปเถิดแต่นางขอไปเที่ยวเล่นในเมืองจะดีกว่า

"ดี! เจ้าเข้าใจเช่นนี้ก็ดีแล้ว เอาล่ะเจ้าจะไปทำอะไรก็ไปเถิด" เจียงหรูลี่เอ่ยปากไล่ทันที

"เจ้าค่ะแม่รอง"

ซูเย่หลิงแสร้งทำสีหน้าผิดหวังเพื่อให้สองแม่ลูกตายใจ เมื่อพ้นสายตาของสองแม่ลูก นางก็รีบเร่งฝีเท้ากลับไปที่เรือนของตนเพื่อเตรียมตัวในค่ำคืนนี้

คล้อยหลังที่ซูเย่หลิงเดินจากไปไกลแล้ว เจียงหรูลี่ก็หันมาพูดคุยถึงเรื่องสำคัญกับบุตรสาว

"เหมยเอ๋อร์ เจ้าได้พูดคุยกับคุณชายหยางบ้างหรือไม่ แล้วเขามีท่าทีอย่างไรกับเจ้าบ้าง รีบเล่าให้แม่ฟังอย่างละเอียดเลยนะ"

"ท่านแม่เจ้าคะ ข้าแค่สนทนากับคุณชายหยางแค่ครั้งสองครั้งเองนะเจ้าคะ ข้าไม่รู้หรอกเจ้าค่ะว่าเขามีท่าทีอย่างไรกับข้าบ้าง"

ดวงหน้าหวานแย้มยิ้มด้วยความเขินอาย เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มละมุนของ 'หยางต้าเจิง' บุตรชายเพียงคนเดียวของท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย ผู้เป็นคู่หมั้นของพี่สาวตนเอง

ภายในใจของซูจือเหมยนั้นอยากจะเข้าไปนั่งแทนที่ของซูเย่หลิง ตั้งแต่ยังเด็กนางเคยรู้สึกแค้นใจและอิจฉาที่อีกฝ่ายเป็นถึงบุตรีที่เกิดจากภรรยาเอก นางซึ่งเกิดจากภรรยารองจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนมานานกว่าห้าปี สุดท้ายสวรรค์ก็เห็นใจนางทำให้เวลานี้นางได้กลายเป็นบุตรีที่เกิดจากภรรยาเอกแล้ว

"อย่ามาพูดปดแม่ เจ้าหน้าแดงเช่นนี้ยังกล้าจะปิดบังแม่อีกหรือเหมยเอ๋อร์" เจียงหรูลี่ยิ้มเอ็นดูในความไร้เดียงสาของบุตรสาว

นางเองก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบุตรสาวจะแย่งวาสนาของซูเย่หลิงได้ หยางต้าเจิงผู้นี้มีอนาคตไกลยิ่งนัก หากเหมยเอ๋อร์ของนางสามารถแต่งเข้าจวนตระกูลหยางได้ ย่อมดีที่สุด อีกทั้งยังสามารถช่วยเกื้อหนุนอำนาจของบุตรชายนางในภายภาคหน้าได้ด้วย

"ไม่มีอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ เพียงแค่คุณชายหยางชอบที่ลูกบรรเลงกู่เจิงเมื่อคราวก่อน ที่งานเลี้ยงชมดอกไม้ที่สวนของเสนาบดีเสิ่นเจ้าค่ะ"

"แล้วเขาพูดอะไรอีก"

ใบหน้าที่ยิ้มเขินพลันแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง "เขาถามถึงนังเย่หลิงเจ้าค่ะ เขาอยากจะเจอหน้าว่าที่คู่หมั้นของตนเจ้าค่ะ เพราะนี่เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว สองตระกูลควรจะเกี่ยวดองกันเสียทีตามสัญญาที่ได้ให้ไว้ในวันวาน"

"นังเย่หลิงคือตัวขัดความสุขของเราจริง ๆ ไม่ได้การแล้ว แม่จะต้องทำอะไรสักอย่าง"

"ท่านแม่จะทำอะไรเจ้าคะ"

"ทำให้นางเป็นตัวน่ารังเกียจอย่างไรเล่า เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป อย่างไรเจ้าก็ต้องได้แต่งงานกับคุณชายหยางอย่างแน่นอน แม่ให้สัญญา"

ซูจือเหมยพลันยิ้มกว้าง นางตรงเข้าไปกอดแขนมารดาด้วยความดีใจทันที

"ท่านแม่จะทำลายชื่อเสียงของนางใช่หรือไม่เจ้าคะ"

"ใช่แล้วล่ะ แต่ขอแม่คิดดูก่อนว่าจะจัดการนังเย่หลิงอย่างไรดี"

"อะแฮ่ม! มีเรื่องสนุก ๆ อะไรหรือขอรับ"

'ซูซานเย่' เดินยิ้มเข้ามาหามารดากับพี่สาว เขาคือบุตรชายคนสุดท้องของเจียงหรูลี่ และเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านราชครูซูเย่าฉี ตระกูลซูมีเขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียว

"เรื่องดี ๆ ที่เจ้าน่าจะช่วยพี่ได้"

ซูจือเหมยคิดแผนการได้ทันทีเมื่อเห็นหน้าน้องชาย นางเดินเข้าไปจูงมือน้องชายให้มาร่วมกันวางแผนช่วยกันกำจัดซูเย่หลิง ซูซานเย่ที่อายุห่างจากพี่สาวแค่หนึ่งปีหัวเราะร่า ก่อนจะนึกอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้ เขารู้จักเพื่อนที่มีนิสัยเสเพลหลายคน และหนึ่งในนั้นก็น่าจะช่วยแผนการของพวกเขาได้

"ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วง ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ในงานวันเกิดของท่านพ่อที่ใกล้จะมาถึงนี้จะเป็นวันที่พี่หญิงใหญ่จดจำไปจนวันตายเลยขอรับ" มุมปากหยักแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย ผู้ใดที่เป็นศัตรูของพี่สาว เขาย่อมต้องช่วยจัดการให้สิ้นซาก

"ดีมาก หากเจ้าทำสำเร็จพี่จะช่วยเจ้าเกี้ยวคุณหนูกู้หรงหรง"

"ท่านพี่พูดจริงนะขอรับ"

"พี่เคยพูดปดกับเจ้าหรือ กู้หรงหรงผู้นี้เป็นหนึ่งในสหายสนิทขององค์หญิงสี่ บิดานางก็เป็นถึงเสนาบดีกรมยุติธรรมย่อมเหมาะสมกับเจ้าทุกประการ แม้ว่านางจะอายุมากกว่าเจ้าไปหนึ่งปีก็เถอะ"

"พี่หญิงไม่รู้อะไร สตรีที่อายุมากกว่านั้นแพรวพราวยิ่งนัก" ดวงตาของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่ม

"เจ้านี่เหมือนกับบิดามิมีผิดเลยนะ"

เจียงหรูลี่ที่นั่งฟังอยู่นานอดจะค่อนแคะบุตรชายไม่ได้

"ก็ข้าเป็นลูกของท่านพ่อนี่ขอรับ วันนี้ข้าเหนื่อยมากขอตัวก่อนนะขอรับ"

"อืม...ไปเถอะ"

เจียงหรูลี่โบกมือไล่บุตรชายออกไป ก่อนจะหันกลับมาพูดคุยกับบุตรสาวถึงงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ เวลานี้ก็สายมากแล้ว พวกนางควรไปเตรียมตัวเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงในพระราชวังที่จะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่หรูหรา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel