บทย่อ
เมื่อซูเย่หลิงได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง และได้พบเจอกับบุรุษผู้เป็นรักครั้งแรกของตน นางจึงไม่รอช้าที่จะพาตัวเองไปอยู่ในสายตาของเขา เกิดหนึ่งครั้ง ตายหนึ่งครั้ง!…นางขอครอบครองบุรุษผู้นี้ก็แล้วกัน!!
บทนำ
บทนำ
เสียงฝนตกพรำ ๆ อยู่ด้านนอกของเรือนไม้หลังเล็ก บ่งบอกว่าฝนยังคงไม่หยุดตกเสียที เวลานี้ก็ล่วงเลยผ่านไปนานมากแล้ว นับจากที่ทั้งสองหนีตายมาถึงเรือนไม้ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างหลังนี้ สตรีผู้มีโฉมสะคราญได้รับบาดเจ็บจากคนร้ายที่มุ่งหมายเอาชีวิต โชคยังดีที่นางนั้นหลบทันจึงโดนเพียงแค่ถาก ๆ ตรงแขนข้างซ้าย
ทว่าบุรุษที่นั่งหน้าเงียบนั้นกลับมีอาการที่น่าเป็นห่วงมากกว่าเสียอีก ทั่วทั้งร่างของเขาล้วนเต็มไปด้วยบาดแผล ทั้งจากคมดาบและอาวุธลับที่คนร้ายลอบโจมตีในตอนที่เขาพลั้งเผลอ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องคอยปกป้องนางและน้องสาว เขาคงไม่ต้องพลาดท่ามารับคมอาวุธพวกนี้
"ชินอ๋องเป็นอย่างไรบ้างเพคะ"
นางค่อย ๆ ขยับเข้าไปหาเขาด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเห็นสีหน้าที่มิสู้ดีของเขาก็ยิ่งเป็นกังวลเพิ่มขึ้นไปอีก
"อึก!"
ผู้ที่ถูกเรียกว่าชินอ๋องกระอักเลือดออกมาคำโต พร้อมกับเซไปด้านหน้าอย่างหมดแรง เขาเสียเลือดมากเกินไป
"ชินอ๋อง! พระองค์อยู่นิ่ง ๆ หม่อมฉันขอดูแผลก่อน"
"ข้าไม่เป็นอะไร เจ้ารีบเอานี่โรยที่บาดแผลของตัวเองก่อนเถอะ" ดวงตาสีนิลจ้องไปที่แขนของนางที่มีเลือดไหลซึมออกมา
"อย่าทรงดื้อดึงสิเพคะ แผลแค่นี้หม่อมฉันไม่ตายหรอก"
นางเอ่ยเสียงดุ ร่างระหงพลันจัดการดึงสายคาดเอวของเขาเพื่อจะดูบาดแผลที่ถูกฟันได้อย่างชัดเจน แต่ชินอ๋องกลับจับมือของนางเอาไว้แน่น
"เจ้าเป็นสตรี สมควรจะเห็นร่างเปลือยของบุรุษที่ไม่ใช่สามีหรือ" คิ้วกระบี่ขมวดมุ่น
"เวลาเช่นนี้ยังมาคิดเรื่องนี้อีกหรือเพคะ หากปล่อยไว้บาดแผลของชินอ๋องจะยิ่งแย่นะเพคะ"
"เจ้าเป็นสตรี!" น้ำเสียงของเขาดุดันขึ้นมา แต่มีหรือที่สตรีตรงหน้าจะยินยอมโดยง่าย
"เช่นนั้นหม่อมฉันจะรับผิดชอบชินอ๋องเองเพคะ"
"..."
กล่าวจบนางก็กระตุกสายคาดเอวของเขาอย่างแรงทีเผลอ ชินอ๋องตะลึงงันไปเพราะคำพูดของสตรีตรงหน้า กว่าจะรู้ตัวก็ถูกสตรีหน้าหนาถอดเสื้อของเขาออกไปแล้ว ตอนนี้ร่างกายส่วนบนอันเปลือยเปล่าได้ปรากฏสู่สายตาของนาง หญิงสาวกวาดตามองดูมัดกล้ามอันแข็งแรงของบุรุษตรงหน้า และรอยบาดแผลทั่วทั้งร่างที่มีทั้งรอยเก่ารอยใหม่เต็มไปหมด เลือดสีแดงฉานอาบย้อมไปทั่วทั้งร่างจนน่าหวาดหวั่น
"เลือดออกเยอะขนาดนี้ ทนได้อย่างไรเพคะ ไหนจะถูกพิษอีก"
นางเอ่ยขึ้นด้วยความตกตะลึง คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าชินอ๋องจะมีความอดทนถึงเพียงนี้ หญิงสาวฉีกชุดคลุมตัวในของตนออกมาเพื่อเช็ดคราบเลือดออกจากบาดแผล และยังออกไปนอกเรือนไม้เพื่อรองน้ำฝนเอาเข้ามาด้วย นางจัดการเช็ดคราบเลือดทั่วทั้งร่างจนสะอาดขึ้น ก่อนจะเอาขวดยาที่มีผงห้ามเลือดเทไปบนที่บาดแผลของเขาด้วยความระมัดระวัง โดยเลือกเทลงไปจากบาดแผลที่มีขนาดใหญ่ก่อน
เมื่อทำแผลเสร็จ นางก็กลับมาตรวจดูอาการ จากการสังเกตลิ้น ดวงตา และจับชีพจรทำให้รู้ว่าเขาถูกพิษสลายพลังปราณ นางจึงหยิบยาแก้สารพัดพิษของท่านยายออกมาป้อนให้กับชินอ๋อง ฝนด้านนอกที่เคยตกพรำ ๆ บัดนี้เหลือเพียงละอองเล็ก ๆ แล้ว
"เดี๋ยวหม่อมฉันกลับมานะเพคะ"
"จะไปไหน" เขารีบเอ่ยขึ้น
"จะไปหาอะไรมาทานรองท้องก่อนเพคะ ที่นี่มีแค่ตะเกียงน้ำมันเก่า ๆ แม้จะมีข้าวของครบครันที่เก่าไปสักหน่อย แต่ก็ยังถือว่าพอใช้ได้ที่เราจะหลับนอนในคืนนี้ ทว่าเรื่องอาหารนั้นเป็นสิ่งที่เราควรกังวลนะเพคะ หม่อมฉันออกไปไม่นานจะรีบกลับมา"
"ไม่ได้! ข้าจะไปด้วย"
"ชินอ๋องนั่นแหละที่ต้องอยู่ที่นี่ แผลของพระองค์มันหนักหนาเกินไปที่จะถูกละอองฝนได้ หม่อมฉันไปแค่หนึ่งเค่อแล้วจะรีบกลับมา ที่นี่เป็นถิ่นของหม่อมฉันนะเพคะ"
นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง ตั้งแต่นางกลับมายังเมืองหลวง นางก็มาเที่ยวเล่นที่นี่อยู่บ่อยครั้ง หาไม่แล้วนางจะพาชินอ๋องที่อาการปางตายหนีรอดจากสายตาของพวกคนร้ายได้หรือ โฉมสะคราญหยิบหมวกสานขึ้นมาใส่ และคว้าตะกร้าสานขึ้นมาสะพายบ่า ก่อนจะรีบทะยานตัวออกไปด้านนอก จากที่นี่เดินไปทางทิศตะวันออกจะมีต้นผิงกั่ว และต้นเฝิ่นเจียวที่ขึ้นอยู่มากมายเต็มป่า วันนี้นางจะขอแย่งอาหารจากพวกลิงแสนซนก่อนแล้วกัน
ร่างระหงทะยานตัวไปยังจุดมุ่งหมายของตน เมื่อมาถึงนางก็รีบปีนขึ้นไปเก็บลูกผิงกั่วสีแดงสดมาใส่ในตะกร้าด้านหลังหลายลูก จากนั้นก็ลงมาไปที่ต้นเฝิ่นเจียวที่ออกผลสีเหลืองอร่าม นางเลือกตัดแค่ไม่กี่หวีเพื่อช่วยประทังความหิว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจึงรีบใช้วิชาตัวเบาทะยานตัวกลับไปเรือนไม้ ก่อนจะกลับยังไม่ลืมที่จะเก็บสมุนไพรที่ขึ้นอยู่ตามรายทางกลับไปด้วย
ชินอ๋องที่ต้องรออยู่คนเดียวกระสับกระส่ายจนนั่งไม่ติด เขาคอยเดินวนไปวนมาพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง เฝ้ารอการกลับมาของนางด้วยหัวใจที่ร้อนรน และไม่นานเขาก็มองเห็นเงาดำหนึ่งสายที่โฉบผ่านหน้าของเขาไป ร่างระหงของนางยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเอาตะกร้าที่เต็มไปด้วยผลไม้และสมุนไพรวางลงบนโต๊ะ
"เจ้าไปนาน"
"หม่อมฉันเก็บสมุนไพรมาให้พระองค์ด้วยเพคะ"
นางตอบพลางคัดแยกสมุนไพรออกมา แล้วจึงเดินหายไปด้านหลังของเรือนที่เป็นโรงครัว ต้มน้ำในกาให้เดือดจัดแล้วใส่สมุนไพรที่ล้างน้ำแล้วลงไป รอให้น้ำในกาเหลือหนึ่งส่วนจากสามส่วนก็ยกออกมาเทใส่ถ้วย
"ดื่มนี่เสียก่อนนะเพคะ สมุนไพรนี้จะช่วยลดอาการบอบช้ำภายในได้"
"เจ้ารู้เรื่องสมุนไพรด้วยหรือ"
"ชินอ๋องทรงลืมท่านยายของหม่อมฉันไปแล้วหรือเพคะ"
"ไม่ลืม ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ชำนาญเรื่องสมุนไพรพิษ"
"เพคะ นอกจากสมุนไพรพิษแล้ว สมุนไพรที่ให้คุณประโยชน์หม่อมฉันก็พอรู้มาบ้าง"
ดวงหน้างามยิ้มละมุน ก่อนจะหยิบผลไม้ที่อยู่ในตะกร้าออกมา แล้วพบว่ามีบางอย่างแปลกไป
"เอ๊ะ! นี่มันผลราคะนี่ เหตุใดถึงมีอยู่ในตะกร้าของข้าได้กัน"
นางหยิบผลที่คล้ายกับผิงกั่วออกมาพินิจด้วยความสงสัย ในตะกร้ามีผลราคะถึงสามผลด้วยกัน คิ้วเรียวเล็กขมวดมุ่นก่อนจะคลายออก เมื่อนึกถึงเจ้าลิงสองตัวที่แอบมาเมียงมองนางตอนที่เก็บผลเฝิ่นเจียว
มิใช่ว่า...นางโดนเจ้าลิงตัวแสบกลั่นแกล้งแล้วหรอกนะ
"อืม...อันนี้รสชาติดีนะ ข้าไม่เคยกินมาก่อน"
นางรีบหันขวับไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง พบว่าในมือของเขาได้ถือผลราคะที่กัดกินไปแล้วกว่าครึ่ง นางตาเหลือกรีบคว้าเอาผลราคะมาถือเอาไว้แล้วรีบโยนทิ้งทางหน้าต่าง สีหน้าของซูเย่หลิงตอนนี้มีแต่ความไม่สบายใจ
นี่เป็นผลราคะที่ใช้สกัดยากำหนัดที่รุนแรงเลยนะ และชินอ๋องก็ทานไปกว่าครึ่งแล้วด้วย...
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองคนด้านข้างด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก ชินอ๋องเองก็รู้สึกตัวว่าสายตาของนางที่มองมานั้นแปลกออกไป
"มีอะไร ผลไม้ที่ข้ากินเข้าไปมีพิษหรือ"
"เอ่อ...ไม่เชิงว่าอันตรายถึงชีวิต ทว่า..."
นางยังเอ่ยไม่จบ คนด้านข้างกลับเริ่มมีอาการแปลกประหลาด ร่างกายของเขามันร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งร่าง ผิวหนังแดงก่ำราวกับคั้นน้ำออกมาได้ ลมหายใจหอบกระเส่าด้วยความปรารถนาที่ปะทุขึ้นมาจากท้องน้อย หัวใจเต้นระรัวกระสับกระส่ายจนแทบจะทรงตัวไม่ไหว แต่น่าแปลกที่ดวงตาสีนิลกลับมองมาทางหญิงสาวอย่างหยาดเยิ้ม ชวนให้อีกฝ่ายรู้สึกขนลุกชันไปทั่วทั้งร่าง
"อ่า...ร้อน อื้อ... พะ พิษกำหนัดหรือ"
นางพยักหน้ารับเบา ๆ ด้วยความจนใจ ก่อนจะรีบมาดูอาการของคนที่ถูกพิษกำหนัดจากผลราคะที่เขากินเข้าไป
"ชินอ๋อง! ทรงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ"
"เจ้ารีบออกไป ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้าในตอนที่ข้าไม่มีสติเช่นนี้" น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้น ฝ่ามือหนาพยายามดันเรือนร่างที่หอมกรุ่นของนางออกไป
"เป็นความผิดของหม่อมฉันเอง หม่อมฉันจะรีบไปหายาถอนพิษมาเดี๋ยวนี้เลย"
นางเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ผลราคะนั้นออกฤทธิ์รุนแรงมากเหลือเกิน อาการของชินอ๋องก็ไม่สู้ดีนัก เขาคงทรมานเป็นอย่างมาก เส้นเลือดขมับขึ้นปูดโปนราวกับจะแตกออกมา ริมฝีปากหยักที่นางเคยชอบมองบัดนี้ขบกัดกันแน่นจนมีเลือดไหลซึมออกมา
"เจ้ารีบออกไป!"
น้ำเสียงดุดันดังขึ้น เขาพยายามจะประคองสติที่เหลือน้อยนิดให้ได้นานที่สุด นางเองก็กำลังจะรีบออกไปหายาแก้พิษ แต่จู่ ๆ ด้านนอกก็เกิดลมพายุอย่างบ้าคลั่ง เม็ดฝนที่เคยซาบัดนี้ตกกระหน่ำราวกับฟ้าพิโรธ ทั้งยังมีสายฟ้าแลบเปรี๊ยะ ๆ เป็นระยะด้วย
"กรี๊ดดด!"
นางที่ไม่เคยกลัวสิ่งใด กลับกลัวเสียงฟ้าร้องเป็นที่สุด สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ในวันวานจึงทำให้นางกลัวเสียงฟ้าร้องเป็นอย่างมาก ร่างกายพลันตรงเข้าไปโอบกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น ดวงตาคู่สวยหลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัว
"กลัวหรือ?"
"เปล่าเพคะ"
"ระหว่างข้ากับเสียงฟ้าร้องเจ้ากลัวสิ่งใดมากกว่ากัน"
"..."
นางเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าคมที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม
"หม่อมฉันกลัวเสียงฟ้าร้อง แต่ไม่กลัวชินอ๋องเพคะ"
"แม้ว่าข้าจะทำร้ายเจ้าน่ะหรือ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยชิดที่ริมใบหูเล็ก
"หม่อมฉันบอกแล้วว่าจะรับผิดชอบชินอ๋องมิใช่หรือเพคะ"
"หึ! สตรีแปลกประหลาด ผู้ใดเขาให้สตรีมารับผิดชอบกัน"
"ก็ชินอ๋องอย่างไรเล่าเพคะ หม่อมฉันสัญญาว่าจะรับผิดชอบชินอ๋องอย่างแน่นอนเพคะ"
นางกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มยั่วเย้า หญิงสาวได้ตระหนักแล้วว่าในเมื่อนางหลงรักเขามานานหลายปี เหตุใดถึงไม่ใช้โอกาสนี้ครอบครองเขาเล่า แม้จะเป็นเพียงร่างกายก็ตาม
ดวงหน้างามเคลื่อนเข้าไปหาริมฝีหยัก ก่อนจะบรรจงประทับริมฝีปากนุ่มของตนลงไปอย่างเงอะงะ สร้างความเสียวซ่านให้กับคนตัวโต เขาดึงรั้งเอวเล็กคอดของนางเข้ามาชิดใกล้ แล้วเป็นฝ่ายสอดเรียวลิ้นเข้าไปสำรวจในโพรงปากเล็กที่หวานล้ำของนาง
ทั้งสองตระกองกอดกันอย่างแนบแน่น และจุมพิตกันอย่างดูดดื่มเป็นเวลานานกว่าที่ชินอ๋องจะยอมถอนริมฝีปากของตนออกไป
"เจ้าแน่ใจ?" เขาถามย้ำอีกครั้ง
ตอนนี้ร่างกายของเขามันร้อนรุ่มไปหมดแล้ว แม้จะถามนางเช่นนั้น แต่ถ้าจะให้เขาหยุดกลางคันก็คงไม่ได้เช่นกัน
"เพคะ"
จบคำพูดของหญิงสาวในอ้อมกอด ชินอ๋องผู้ได้ชื่อว่าเย็นชาไร้ใจได้ช้อนร่างของนางแล้วพาเดินไปยังห้องด้านใน เขาวางร่างของนางลงบนเตียงไม้ขนาดเล็กอย่างทะนุถนอม ก่อนจะตามลงมาทาบทับร่างกายระหงที่อ่อนปวกเปียกเพราะรสจุมพิตเมื่อครู่ เขากักขังให้นางต้องตกอยู่ในไฟราคะเฉกเช่นเดียวกับเขา จนกระทั่งรุ่งเช้ามาเยือน...