บทที่ 2 ภรรยารองของหยางเจ๋อหยวน
บทที่ 2 ภรรยารองของหยางเจ๋อหยวน
หลายวันหลังจากนั้น ไป๋เหมยเหม่ยก็เริ่มคุ้นชินกับร่างนี้มากขึ้นแล้ว อีกทั้งนางยังนึกถึงความทรงจำของร่างเดิมได้มากขึ้นอีกด้วย
เริ่มแรกก็คือนางเป็นบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่รักษาดินแดน ยามนี้อายุได้สิบเจ็ดปีเต็มแล้ว มีพี่ชายหนึ่งคนและน้องชายหนึ่งคน บิดาของนางนับว่ามีอำนจทางการทหารในมือ อีกทั้งยังเป็นกำลังสำคัญที่ผลักดันฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจนขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้อย่างราบรื่น และยังเป็นที่ไว้วางใจของฝ่าบาทอีกด้วย
เวลานี้คือรัชศกเหลียนไห่ปีที่สี่สิบ แคว้นนี้คือแคว้นไท่หยาง เป็นแคว้นที่ใหญ่ที่สุดในใต้หล้าและมีอำนาจมากที่สุด
ส่วนหยางเจ๋อหยวนผู้ที่นางแต่งงานด้วยนั้น เป็นบุตรชายของจวนราชครู อายุยี่สิบห้าปีเต็ม ท่านปู่ของเขาเป็นพระอาจารย์ขององค์ชายหลายพระองค์ เมื่อท่านปู่ตายจากไป บิดาของหยางเจ๋อหยวนก็ใช้ความสามารถของตนจนได้รับตำแหน่งราชครูเฉกเช่นบิดาตน ส่วนหยางเจ๋อหยวนนั้นเมื่อสามปีก่อนในการสอบเค่อจวี่เขาสอบได้อันดับที่หนึ่ง ความสามารถเก่งกาจทั้งตำรา การคัดอักษรและพิณ เป็นบุรุษรูปงามมากความสามารถที่สตรีในเมืองหลวงใฝ่ฝัน จนได้เข้ามาเป็นอาจารย์สอนที่สำนักศึกษาหลวงกั๋วจื่อเจี้ยน
ยามนั้นไป๋เหมยเหม่ยมีอายุเพียงสิบสี่ปี นางได้เข้าวังไปร่วมคัดเลือกสหายเล่าเรียนขององค์หญิงใหญ่ แต่นางกลับได้พบกับหยางเจ๋อหยวนโดยบังเอิญ เขาเพิ่งออกมาจากตำหนักมังกรสวรรค์ เมื่อได้พบเขาครั้งแรกนางก็ตกหลุมรักเขา เอาแต่ตามติดเขาแจ จนหมัวหมัวในวังหลวงทนไม่ไหวจึงตัดสิทธิ์การเข้าร่วมเป็นสหายเล่าเรียนของนางเสีย เพราะนางทำผิดกฎและยังไม่รู้จักกาลเทศะ แต่ไป๋เหมยเหม่ยหาได้สนใจไม่ นางใช้เวลาทั้งหมดตามดูความเป็นไปของหยางเจ๋อหยวน จนวันหนึ่งที่นางสบโอกาส งานเลี้ยงวันเกิดไท่ฮูหยินของจวนราชครูในปีนั้น นางก็ลากหยางเจ๋อหยวนลงสระน้ำไปด้วยกัน ก่อนจะกอดรัดเขาแน่นจนผู้คนเห็นเหตุการณ์ ท้ายที่สุดเขาก็จำต้องแต่งนางเข้าจวนมาเป็นภรรยาเอกเพราะทนฟังคำนินทาของผู้คนไม่ไหว
หลังจากนางแต่งเข้ามาก็คิดว่าทุกอย่างคงราบรื่น หยางเจ๋อหยวนนั้นไร้มารดา มารดาเขาล้มตายจากไปตั้งนานแล้ว มีเพียงเหล่าอนุของบิดาที่ไม่กล้ามีปากมีเสียงใดใด และไท่ฮูหยินท่านย่าของเขา นางจึงได้ขึ้นมาเป็นฮูหยินน้อยในจวนราชครู
แต่ทว่าคืนเข้าหอเขากลับหนีหน้านาง ไม่เข้าหอกับนาง ไม่เคยสนใจ สามวันให้หลังเขาก็แต่งฟ่านกุ้ยอิงเข้ามาเป็นภรรยารอง ไป๋เหมยเหม่ยเดิมทีก็ไม่ยอมผู้ใดอยู่แล้ว นางจึงบุกเข้าไปตบตีฟ่านกุ้ยอิงในเรือนทันที หยางเจ๋อหยวนเกลียดน้ำหน้านางนัก แม้แต่ไท่ฮูหยินก็ยังไม่ชอบนิสัยของนาง
ทุกๆวันนางต้องทนมองเห็นสายตาเกลียดชังของหยางเจ๋อหยวน ทนฟังเขาด่าทอสารพัด แต่นางนักเขามากเหลือเกิน
ไป๋เหมยเหม่ยส่งเสียงเหอะในลำคอคราหนึ่ง บุรุษเช่นนี้มีอันใดดีกัน ปากก็จัด อีกทั้งยังมีหลายเมียแต่สตรีนางนี้กลับหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้นเพียงเพราะเขาหล่อเหลา ช่างไร้สมองเสียจริง!!!
ให้ตายเถิด!!ย้อนมาแต่งงานแล้วเช่นนี้ คงจะหาสามีใหม่ยากแล้วเป็นแน่
ไป๋เหมยเหม่ยถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง เฉียวเหลียนที่นั่งอยู่ไม่ไกลจึงเอ่ยขึ้นมา
"ฮูหยินน้อยอยากได้เตาอุ่นหรือไม่เจ้าคะ ยามนี้อากาศเริ่มหนาวแล้ว"
ไป๋เหมยเหม่ยหันมามองเฉียวเหลียนคราหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าไปมา นางไม่ได้รู้สึกหนาวถึงเพียงนั้น แต่ไหนแต่ไรนางชื่นชอบอากาศหนาวมากที่สุด
"นี่เฉียวเหลียน ข้าขอถามเจ้าเรื่องหนึ่ง"
"เจ้าคะ"
"ข้ากับหยางเจ๋อหยวนไม่เคยหลับนอนด้วยกันจริงหรือ”
เฉียวเหลียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดง ก่อนจะมีท่าทีเขินอายจนไป๋เหมยเหม่ยเริ่มขนลุกขนชัน
"ตั้งแต่แต่งงานกันมา นายน้อยหยางไม่เคยมาหาฮูหยินน้อยเลยเจ้าค่ะ ไม่เคยเลย"
ไป๋เหมยเหม่ยปรายตามองเฉียวเหลียนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"แล้วเจ้าเขินอายทำไมกัน"
"เอ่อ สตรีไม่ควรเอ่ยเรื่องเช่นนี้เจ้าค่ะ"
ไป๋เหมยเหม่ยรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ก่อนจะเอ่ย
"เขาไม่เคยมาเลยจริงๆหรือ"
"เจ้าค่ะ ไม่เคยเลย ส่วนมากจะอยู่กับฮูหยินรองเจ้าค่ะ"
"ฮูหยินรอง ฟ่านกุ้ยอิงน่ะหรือ"
"เอ๋ ฮูหยินน้อยจำไม่ได้แล้วหรือเจ้าคะ"
"อ้อ ข้าจำไม่ค่อยได้น่ะ เจ้าก็รู้ว่าศีรษะของข้าเพิ่งฟาดขอบโต๊ะมา"
ไป๋เหมยเหม่ยเอ่ยพลางทำท่าทีปวดหัว เฉียวเหลียนที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้นมาทันที
"ฮูหยินรองมีนามว่าฟ่านกุ้ยอิงนั่นละเจ้าค่ะ นางเป็นสตรีที่นายน้อยหยางรักมาก เอ่อ ฮูหยินน้อยบ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ อย่าตีบ่าวเลย"
ไป๋เหมยเหม่ยถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวในความฝันนั้น
เหมือนว่าร่างเดิมจะเคยเอ่ยถึงชื่อนี้อยู่หลายครั้ง
ช่างเถิด ในเมื่อนางยังไม่ได้ตกเป็นของเขาก็นับว่าเป็นเรื่องดี ไว้ค่อยหาโอกาสหย่าขาดจากเขา เท่านี้นางก็ไม่เสียเปรียบแล้ว!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงเอ่ยกับเฉียวเหลียนทันที
"จะกลัวทำไมกัน ข้าไม่ตบตีเจ้าหรอก"
"เจ้าค่ะ"
"เฉียวเหลียน ข้าอยากออกไปดูหิมะเสียหน่อย เจ้าไปกับข้าที"
"ได้เจ้าค่ะ"
เฉียวเหลียนรีบมาประคองไป๋เหมยเหม่ยทันที แต่ทว่าไป๋เหมยเหม่ยกลับเอ่ยขึ้นมา
"ไม่ต้องประคองข้า ข้าเดินเองได้”
"เอ่อ คือว่า.."
"โอ๊ย!!ไม่ต้องพูดมาก บอกให้ทำสิ่งใดก็ทำเถิด"
"เจ้าค่ะ"
ไป๋เหมยเหม่ยก้าวเดินออกมาจากเรื่อนของตน ก่อนจะมองดูหิมะที่ตกโปรยปรายลงมา ทั่วทั้งพื้นหญ้ายามนี้มีหิมะสีขาวปกคลุมไปเกือบครึ่ง แต่ก็นับว่าไม่ได้หนาตามากเท่าใดนัก นางยื่นมือไปรองรับหิมะ ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วจึงก้าวเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับมีเฉียวเหลียนที่คอยกางร่มให้
"แค่กแค่ก"
ไป๋เหมยเหม่ยคล้ายได้ยินเสียงไอแห้งๆของสตรีนางหนึ่งเข้า ไป๋เหมยเหมยที่ได้มองเห็นใบหน้าของสตรีนางนั้นชััดๆก็พลันนึกถึงเรื่องราวเก่าก่อนได้ในทันที
สตรีนางนี้คือฟ่านกุ้ยอิง
"มาคอยดูกัน ว่าระหว่างเจ้ากับข้า ท่านพี่หยางเจ๋อหยวนจะรักผู้ใดมากว่ากัน เจ้ามันใช้อำนาจบิดามาผูกมัดเขา แต่ทว่าเขารักข้า นังหน้าโง่!!!"
"ฮือ ท่านพี่ กุ้ยอิงไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินพี่หญิงไป๋เลยนะเจ้าคะ"
"ฮือ พี่หญิงไป๋อย่าตบตีข้าเลยเจ้าค่ะ"
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้มองเห็นภาพต่างๆในห้วงความคิดของร่างเดิมแล้ว นางก็พอจะเข้าใจเรื่องราวบางอย่างขึ้นมาได้
ไป๋เหมยเหม่ยคนเก่านั้นแม้จะฉลาดและสู้คน แต่ทว่ากลับไร้มรรยาที่สตรีควรจะมี เอาแต่ใจตนเองไม่สุขุมรอบคอบ ทำให้พ่ายแพ้แก่ฟ่านกุ้ยอิงอย่างราบคาบ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ไป๋เหมยเหม่ยถอนหายใจออกมาอีกครา นางตั้งใจว่าจะเดินผ่านฟ่านกุ้ยอิงไป แต่สตรีตรงหน้ากลับปรายตามองนางอย่างดูแคลน
ฟ่านกุ้ยอิงเชิดหน้าขึ้น ไม่มีท่าทีเคารพนบนอบต่อนางที่เป็นภรรยาเอกเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าไป๋เหมยเหม่ยกลับไม่ใส่ใจ
"พี่หญิงไป๋ วันนี้ผีตนใดผลักท่านให้ออกมานอกเรือนได้หรือ ข้าได้ยินมาว่าท่านไม่ชอบอากาศหนาว วันนี้กลับออกมาได้ หรือว่าสมองไม่ปกติเสียแล้ว"
ไป๋เหมยเหม่ยส่งเสียงเหอะในลำคอคราหนึ่ง นางเองเดิมทีไม่ชอบมีเรื่องกับใคร แต่ถ้ามีคนไม่ให้เกียรตินางก่อน นางก็ไม่ยอมเช่นกัน
"สมองข้าปกติดีไม่ต้องให้เจ้าลำบากเสนอหน้ามาห่วงใย เช่นนั้นเจ้าก็เดินเล่นต่อไปเถิด ข้าไปละ"
ในขณะที่ไป๋เหมยเหม่ยกำลังจะเดินจากไปนั้น ฟ่านกุ้ยอิงก็พลันล้มลงไปกับพื้นที่มีหิมะ ก่อนจะกรีดร้องออกมาสุดเสียง
"พี่หญิงไป๋เจ้าคะ ข้าไม่กล้าแล้ว!!!"
ไป๋เหมยเหม่ยพลันตกใจไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นว่าฟ่านกุ้ยอิงล้มลงไปร้องห่มร้องไห้เช่นนั้น
"ไป๋เหมยเหม่ย!!!เจ้ารังแกผู้อื่นอีกแล้วหรือ"
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ไป๋เหมยเหม่ยก็ยกมือขึ้นนวดขมับตนทันที
หยางเจ๋อหยวนสามีบัดซบผู้นั้นกลับมาแล้วสินะ!!!