บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ย้อนเวลามาอยู่ในร่างของนางร้าย

บทที่ 1 ย้อนเวลามาอยู่ในร่างของนางร้าย

ไป๋มู่หลานค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา นางรู้สึกว่าศีรษะของตนเองปวดหนึบราวกับจะระเบิดออกมา เมื่อนางตั้งสติให้ดีและมองไปโดยรอบ ก็พบว่ายามนี้ตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียง ไป๋มู่หลานขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะครุ่นคิดในใจ

ทำไมการตกแต่งมันดูแปลกประหลาดพิลึกแบบนี้วะ อย่างกับหลงมาอยู่ในซีรี่ย์จีนโบราณ

เอ๊ะ!!หรือว่าพระเอกซีรี่ย์ในดวงใจผ่านมาเห็นว่านางตกเขา เขาจึงอุ้มนางมาพักในกองถ่าย

ไป๋มู่หลานที่คิดได้เช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี แต่ทว่าเมื่อนางได้ยินเสียงของใครบางคนเข้า ก็ชะงักไปชั่วขณะ

"ฟื้นได้แล้วหรือ ข้าคิดอยู่แล้ว สตรีชั่วช้าเช่นเจ้า ไม่ตายง่ายๆหรอก ถึงตายก็คงจะเป็นวิญญาณเร่ร่อนมีที่ไป!!!"

ไป๋มู่หลานรีบหันไปมองทันที ก่อนจะต้องตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง

นั่นมัน!!!ผู้ชายคนนั้นที่อยู่ในฝันของนี่นา

ฝันอีกแล้วอย่างนั้นหรือ?

ไป๋มู่หลานที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบหลับตาลง พร้อมกับนับหนึ่งสองสาม แล้วจึงลืมตาขึ้นอีกครา แต่ก็ยังพบกับหยางเจ๋อหยวนที่ยืนกอดอกจ้องมองนางด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร

เพียะ!!!

ตื่นสิโว๊ย!!

ไป๋มู่หลานตบหน้าจนเองจนปวดแสบระบมไปหมด หยางเจ๋อหยวนที่ได้เห็นเช่นนั้นก็หรี่ตามองนางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

"ไป๋เหมยเหม่ย เจ้ากำลังเล่นละครงิ้วให้ข้าดูอย่างนั้นหรือ"

ไป๋เหมยเหม่ย!

ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยถามหยางเจ๋อหยวนทันที

"เมื่อครู่นี้เรียกฉันว่าอะไรนะคะ"

หยางเจ๋อหยวนขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ไป๋เหมยเหม่ยกำลังเสแสร้งทำสิ่งใดอยู่ จึงเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

"เจ้าจำชื่อตนเองไม่ได้หรือ ไป๋เหมยเหม่ย"

"ไป๋เหมยเหม่ย?"

ไป๋มู่หลานอุทานออกมา ก่อนจะลนลานพลางมองไปโดยรอบ แล้วจึงพบเข้ากับกระจกบานหนึ่ง นางคว้ามันขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะจ้องมองเข้าไปในกระจกบานนั้น เมื่อได้เห็นภาพสตรีตรงหน้า ไป๋มู่หลานก็ตัวชาไปในทันที

เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย นี่เราย้อนกลับมาเกิดในร่างของสตรีที่ฝันถึงมาตลอดหลายเดือนอย่างนั้นหรือ!!

สตรีที่มีใบหน้าเหมือนเธอราวกับฝาแฝด!!!

ไป๋มู่หลานพยายามครุ่นคิดเท่าใดก็คิดไม่ออก ฉับพลันนั้นภาพความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมก็ย้อนกลับมาในห้วงความคิดของนางจนเต็มไปหมด

"ข้าคือไป๋เหมยเหม่ยบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่ไป๋"

"ผู้ใดขัดใจข้าตบไม่เลี้ยง"

"ท่านอาจารย์หยางช่างหล่อเหลายิ่งนัก ข้าจะต้องแต่งกับเขาให้จงได้"

"สตรีใดคิดยั่วยวนหยางเจ๋อหยวนข้าจะฆ่ามันเสีย"

ไป๋มู่หลานยกมือขึ้นมากุมขมับตนเอง ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่านางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของสตรีที่มีนามว่าไป๋เหมยเหม่ยจริงๆ อีกทั้งสตรีนางนี้ยังไม่มีข้อดีอันใดเลยนอกจากจิตใจที่มีแต่ริษยา เจ้าคิดเจ้าแค้น และเป็นมือตบหมายเลขหนึ่งของเมืองหลวง

เดิมทีก็คิดว่าตนเองต่อยตีเก่งแล้ว มาเจอร่างนี้นางขอคารวะเลย!!!

หยางเจ๋อหยวนจ้องมองไป๋เหมยเหม่ยที่มีท่าทีประเดี๋ยวยิ้มอย่างสิ้นหวัง ประเดี๋ยวก็มีท่าทีว่าจะร้องไห้ ก็ครุ่นคิดในใจคราหนึ่ง

นางคงศีรษะฟาดขอบโต๊ะจนสติเลอะเลือนไปหมดแล้วสินะ!!!

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงหันไปเอ่ยกับเหล่าสาวใช้ทันที

"พวกเจ้าเฝ้านางเอาไว้ให้ดี หากนางคลุ้มคลั่งก็หาเชือกมามัดนางเอาไว้"

ไป๋มู่หลานที่ยามนี้กลายเป็นไป๋เหม่ยเหม่ยไปแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงหันขวับไปหยางเจ๋อหยวนทันที

โห!! นี่คิดจะมัดกันเลยเหรอ

หยางเจ๋อหยวนเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้เหล่าสาวใช้นั่งตัวสั่นอยู่ในห้องเพราะไม่กล้าล่วงเกินผู้เป็นนาย

ไป๋มู่หลานถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง นับจากวันนั้นนางก็เก็บตัวเงียบเพื่อทบทวนสิ่งต่างๆ จนทำให้นางเริ่มทำใจยอมรับได้แล้ว แม้จะรู้สึกมึนงงสับสนอยู่บ้าง แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป

เอาเถิด เป็นไป๋เหมยเหม่ยก็ได้ ในเมื่อมันไม่สามารถแก้ไขสิ่งใดได้แล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงหันไปมองสาวใช้น้อยนางหนึ่งที่กำลังนั่งก้มหน้างุดไม่เอ่ยสิ่งใดอยู่

"นี่เจ้า"

"เจ้าคะ!!!"

สาวใช้น้อยนางหนึ่งที่ถูกเรียกพลันตกใจจนสะดุ้งตัวโยน พาให้ไป๋เหมยเหม่ยสะดุ้งตกใจตามไปด้วย นางถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ

ไป๋เหม่ยเหม่ย เจ้าชั่วร้ายจนผู้คนไม่อยากเข้าใกล้แล้วรู้หรือไม่

"เจ้าชื่ออะไร เอ่อ ภาษาโบราณพูดว่าไงนะ อ้อ เจ้าชื่ออันใด"

สาวใช้น้อยเงยหน้ามาจ้องมองไป๋เหม่ยเหม่ยคราหนึ่ง รู้สึกตื่นตระหนกไม่น้อย ที่เห็นเจ้านายตนมีท่าทีประหลาดเช่นนี้

ท่าทางคล้ายพูดกับตนเองนั่นมันช่างน่ากลัวยิ่งนัก!

"ไม่ตอบล่ะ ชื่ออันใด"

"เอ่อ ฮูหยินน้อยจำบ่าวไม่ได้หรือเจ้าคะ บ่าวชื่อเฉียวเหลียนเจ้าค่ะ เป็นบ่าวที่ติดตามฮูหยินน้อยมาจากจวนท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ"

ไป๋เหมยเหม่ยมีสีหน้าครุ่นคิดคราหนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ พลันเรื่องราวเก่าก่อนก็ปรากฏขึ้นในหัวของนาง

"ฮือ ฮูหยินน้อยเจ้าคะ บ่าวไม่กล้าแล้ว!!!"

"นังบ่าวสารเลว กล้าดีอย่างไรไม่เชื่อฟังข้า หรือว่าเจ้าเห็นนังฟ่านกุ้ยอิงเป็นเจ้านายใหม่ไปแล้ว ห๊ะ!!!ถีบสักคราคงจะหลาบจำมากขึ้น"

"ฮือ ฮูหยินน้อยโปรดเมตตาบ่าวด้วย"

"ไสหัวไป!!!"

ไป๋เหม่ยเหม่ยยิ้มแห้งๆออกมาคราหนึ่งราวกับคนสิ้นหวัง เมื่อได้เห็นภาพในอดีตของสตรีนางนี้ว่าชั่วร้ายเพียงใด

นอกจากนิสัยแย่แล้วยังเจ้าอารมณ์อีกด้วย!!

เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงเอ่ยกับเฉียวเหลียนทันที

"พาฉัน เอ่อ ข้าหิวน่ะ เจ้าไปหาของกินมาให้ข้าหน่อย"

เฉียวเหลียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าอย่างรีบร้อน ก่อนจะหายไปครู่หนึ่ง แล้วกลับมาพร้อมกับอาหารในมือ

"เอ่อ ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ยามนี้มีเพียงแค่หมูสามชั้นตุ๋นน้ำแกง เอ่อ เพราะว่าบ่าวรับใช้ในครัวยังจัดสำรับไม่แล้วเสร็จ ขอฮูหยินน้อยได้โปรดอย่าโมโหเลยนะเจ้าคะ"

ไป๋เหม่ยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่นคราหนึ่ง

ให้ตายเถอะ เพียงแค่สำรับเสร็จไม่ทันเวลา นางก็ทุบตีคนแล้วอย่างนั้นหรือ

นางจ้องมองอาหารที่วางอยู่ตรงหนา ก่อนจะนึกถึงคำพูดของเฉียวเหลียนขึ้นมา

"เฉียวเหลียน ข้าไม่ชอบกินหมูสามชั้นหรือ"

เฉียวเหลียนที่ได้ยินไป๋เหม่ยเหม่ยเอ่ยถามเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกไม่น้อย ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ

"เอ่อ ฮูหยินน้อยเคยบอกว่ามันมีเนื้อมันมากไปทำให้กินไม่อร่อย ยิ่งนำมาตุ๋นน้ำแกงแล้วรสชาติเฮงซวยยิ่งนัก ฮูหยินน้อยชอบทานเนื้อมากว่า ไม่ชอบหมูสามชั้นติดมันเช่นนี้เจ้าค่ะ"

ไป๋เหมยเหม่ยคนใหม่ถึงกับถอนหายใจปลงตกออกมาคราหนึ่ง

สตรีหน้าโง่!!เจ้าไม่รู้จักของดีซะแล้ว หมูสามชั้นนี้ถ้าได้นำไปย่างแล้วล่ะก็รับรองว่าสุดยอด!!!

"อืม ช่างเถิด ข้าจะกินข้าวแล้ว ส่วนเจ้าก็ไปหาข้าวกินไม่ต้องมานั่งเฝ้าข้า"

ไป๋เหมยเหม่ยเอ่ยกับเฉียวเหลียนด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร แต่ทว่าเฉียวเหลียนกลับไม่กล้าขยับไปไหนจนไป๋เหมยเหม่ยต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย

"เหตุใดไม่ไปกินข้าวเล่า"

"เอ่อ ฮูหยินน้อยเคยบอกว่า หากฮูหยินน้อยยังกินไม่อิ่ม ห้ามบ่าวไพร่คนใดไปกินข้าวเด็ดขาดเพคะ ต้องรอให้ฮูหยินน้อยอิ่มก่อนจึงจะไปได้ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะโบยให้ตายเจ้าค่ะ"

ไป๋เหม่ยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกไม่น้อย

กฎระเบียบอะไรกันวะเนี่ย ตัวเองกินไม่อิ่มก็ห้ามคนอื่นกินเจ้าอารมณ์ไม่พอยังโรคจิตเสียด้วย!!!

ไป๋เหมยเหม่ยวางตะเกียบในมือลง ก่อนจะเอ่ยกับเฉียวเหลียน

"นับแต่นี้ไปยกเลิกกฎเช่นนี้ไปเสีย เจ้าไปกินข้าวได้ไม่ต้องกลัวข้าโบยหรอก"

"จริงหรือเจ้าคะ"

"จริงสิ"

"เอ่อ"

"มีอันใดอีก"

"ที่นายน้อยหยางบอกว่าฮูหยินน้อยล้มจนศีรษะกระแทกโต๊ะแล้วทำให้สติฟั่นเฟือนนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเจ้าคะ"

ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รู้จะเอ่ยตอบเช่นไร

"ฮือ ฮูหยินน้อย ถึงท่านจะทุบตีบ่าวแต่บ่าวก็ภักดีไม่เปลี่ยนแปลง บ่าวอยู่กับท่านมาตั้งแต่วัยเยาว์ บ่าวรักท่านที่สุด ทูลหัวของบ่าว"

ไป๋เหมยเหม่ยที่ถูกเฉียวเหลียนคลานมากอดเข่าก็รู้สึกกินอาหารไม่ลงไปชั่วขณะ นางจ้องมองบ่าวรับใช้ตรงหน้า ก่อนจะยื่นมือไปลูบศีรษะของเฉียวเหลียนคราหนึ่ง

"ทำไม ข้าสติฟั่นเฟือนเช่นนี้แล้วดีกับเจ้า เจ้าไม่ชอบหรือ หรือว่าชอบข้าคนเก่า"

"ฮึก ต่อให้ฮูหยินน้อยจะเป็นเช่นไร บ่าวก็ชอบทั้งนั้นเจ้าค่ะ"

ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มออกมาคราหนึ่ง นึกอิจฉาไป๋เหยเหม่ยคนเก่าที่มีบ่าวภักดีเช่นนี้อยู่ข้างกาย

"เช่นนั้นเจ้าก็ไปกินข้าวเสีย ให้สาวใช้คนอื่นๆไปกินด้วยกันเสียเลย”

"เจ้าค่ะ บ่าวจะรีบกลับมานะเจ้าคะ"

"อืม"

เมื่อเฉียวเหลียนออกไปแล้ว ไป๋เหมยเหม่ยก็รีบใช้ตะเกียบคีบหมูสามชั้นในชามขึ้นมากัดกินคำหนึ่ง ก่อนจะรับมือกับเรื่องราวที่ต้องเผชิญย่อมต้องมีแรงเสียก่อน

แต่ทว่าเมื่อหมูสามชั้นถูกนางกินเข้าไปแล้วไป๋เหมยเหม่ยก็ชะงักครู่หนึ่ง รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

บัดซบจริง!!! เทถังเกลือลงไปหรือไรกัน เค็มมากเลย!!!

แต่ช่างเถอะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง กลืนมันลงไปเสียไป๋เหมยเหม่ย กลืนลงไปเดี๋ยวนี้!!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel