บทที่ 5
มู่หยางโหวแต่งภรรยาเอกจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่จนคนกล่าวถึงทั่วทั้งเมืองหลวง นั่นเป็นเพราะว่าคนที่ช่วยจัดการงานพิธีล้วนเป็นคนจากวังหลวงด้วยกันทั้งสิ้น
ความโปรดปรานที่ฝ่าบาทและไทเฮามีต่อเสิ่นอวี้หลันมีมากเพียงใดนั้นทุกคนล้วนประจักษ์ด้วยสินเดิมที่ยาวเหยียดเต็มถนนถึงสี่สาย
ทว่าหลังจากผ่านพิธีการแต่งงานแล้ว คืนนั้นทั้งคืนมู่หยางที่เข้ามาในเรือนหอกลับไม่ยอมนอนร่วมเตียงกับนาง
เขาเปิดผ้าคลุมหน้าของนางออก เสิ่นอวี้หลันเอียงอายทว่าเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมนางต้องกลั้นหายใจด้วยเกรงว่าเขาจะใช้กระบี่แทงนางให้ตาย
“เสิ่นอวี้หลันเป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่เป็นฝ่ายไปขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท ไยต้องทำเช่นนั้น”
“ท่านโหว...”
เสิ่นอวี้หลันพูดไม่ออกแล้ว ไม่คิดว่าจู่ ๆ เขาจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“ใช่เป็นข้าเอง ข้ารักท่าน รักตั้งแต่วันนั้นที่ท่านช่วยข้า ท่านโหวท่านไม่คิดเหมือนกันหรือว่าท่านกับข้ามีวาสนาต่อกัน”
เขายกมุมปากคล้ายจะหยัน
“วาสนาหรือ ชีวิตของข้ามู่หยางช่วยคนมามากมายนัก หากเจ้าคิดว่าข้าเพียงบังเอิญได้ช่วยเจ้าเอาไว้ในวันนี้เป็นวาสนา เช่นนั้นข้าก็ย่อมมีวาสนากับสตรีนับไม่ถ้วน เดิมทีข้ายังเห็นเจ้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง ทว่าการกระทำของเจ้าทำให้ข้าเห็นแล้วว่าเจ้าร้ายกาจเพียงใด”
“ขะ ข้าทำสิ่งใดจึงทำให้ท่านกล่าวหาข้าเพียงนี้”
“เสิ่นอวี้หลันก่อนเข้าจวนของข้า เจ้าส่งคนมาข่มขู่อนุทำร้ายสตรีอ่อนแอพวกนั้นจนพวกนางต้องมาคุกเข่าขอออกจากจวน เจ้ากล้าปฏิเสธหรือ ถึงพวกนางจะไม่พูดว่าด้วยเหตุใดแต่ข้าก็มิได้โง่เขลาดั่งเช่นที่เจ้าคิด”
สตรีของเขาถูกข่มขู่จากหลานสาวที่ฝ่าบาทโปรดปราน แม้เขาจะสงสารเห็นใจคิดจะปกป้อง แต่พวกนางก็หวาดกลัวเสิ่นอวี้หลันจนหอบเสื้อผ้าหนีไปแล้ว
เสิ่นอวี้หลันยอมรับนางเป็นคนข่มขู่สตรีเหล่านั้นจริง ก่อนหน้านี้มู่หยางโหวมีอนุอยู่ในจวนสามคน ทุกคนล้วนเป็นสาวใช้ในจวนมาก่อน นางย่อมทนไม่ได้ที่จะแบ่งบุรุษของนางกับสตรีมากหน้าเหล่านั้น เสิ่นอี้หลันจึงจัดการเสี้ยนหนามให้พ้นไป
คาดไม่ถึงว่าเขาจะรู้เรื่องเหล่านี้ ในเมื่อความจริงถูกเปิดเผยเสิ่นอวี้หลันจึงยอมรับอย่างองอาจ
“ใช่เป็นข้าเองที่ทำ ใครใช้ให้พวกนางอ่อนแอไม่ยึดมั่นในรักที่มีต่อท่าน ข้าเพียงเสนอข้าวของเงินทองพวกนางก็ตกลงอย่างง่ายดาย”
น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าว
“เจ้าตบตีพวกนางเพียงนั้นทำให้พวกนางหวาดกลัว เสิ่นอวี้หลันเจ้าคิดว่าตนเองมีฝ่าบาทหนุนหลังจึงกล้าทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้ใช่หรือไม่”
นางตอบโต้ทันใด
“ใช่ข้าใช้อิทธิพลของฝ่าบาทแล้วอย่างไร ก็ใครใช้ให้นางบางคนปากดีเล่า ข้าจำเป็นต้องสั่งสอนในฐานะภรรยาเอกของท่าน เป็นพวกนางที่อดทนไม่ได้เอง”
เสิ่นอวี้หลันตอบตามตรง นางมิใช่สตรีที่ชอบเรียกร้องความเห็นใจ หรือเป็นประเภทคนอ่อนหวานที่ต้องใช้น้ำตาหลอกล่อคน
นางเป็นสตรีที่ชอบพูดตรง ๆ หากนางชอบก็คือชอบไม่มีปิดบังความรู้สึก หากนางลงมือทำนางก็ย่อมยืดอกยอมรับไม่ปิดบังความผิดเช่นกัน
“เจ้ามันคนไร้สำนึก ข่มเหงผู้อื่นเพียงนี้ยังกล้าลอยหน้าลอยตาไม่เกรงกลัวความผิด”
เสิ่นอวี้หลันจ้องเขากลับไม่สะทกสะท้านหรือรู้สึกผิดแม้แต่น้อย
“ท่านโหวข้าทำเพราะข้าไม่อาจทำใจแบ่งท่านกับผู้ใดได้จริง ๆ ข้ารักท่าน ข้าทำเพื่อท่านเพียงนี้ท่านยังไม่เห็นใจข้าอีกหรือ”
“เจ้าคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นดีหรือ ข้าจะบอกเจ้าให้รู้ว่ามันน่ารังเกียจยิ่งนัก ข้าขอเตือนเจ้าก่อนว่าอีกสามเดือนให้หลังข้าจะแต่งหลี่ซินมาเป็นภรรยารองแล้ว หากเจ้ากล้าแตะต้องนางแม้แต่ปลายนิ้ว อย่าหาว่าข้ารังแกเจ้าเป็นอันขาด”
“ท่านโหว อย่างไรนางก็เป็นญาติผู้พี่ บิดาของข้าก็รักนางเพียงนั้นข้าจะกล้าทำอันใดนางได้ ทว่าหากนางกล้าลงมือกับข้า ข้าบอกท่านไว้ก่อนว่าข้าก็ไม่ปรานีนางเช่นกัน”
“หลี่ซินไร้บิดามารดา ไร้คนหนุนหลังเป็นสตรีอ่อนแอจิตใจดีเพียงนั้นเจ้ายังคิดว่านางจะสามารถทำอันใดเจ้าได้ เจ้ากับนางไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย”
หัวใจของเสิ่นอวี้หลันปวดแปลบ
“ใช่ ข้าก็คือข้า นางก็คือนาง ไม่เหมือนกันแม้แต่น้อยท่านอย่าเอานางมาเปรียบกับข้า”
เสิ่นอวี้หลันที่ถอยให้หลี่ซินเพียงนี้ก็นับว่านางทำเต็มที่แล้ว บุรุษในดวงใจตรงหน้าลุกขึ้นยืนช้า ๆ เขาทำท่าจะถอยหลังเสิ่นอวี้หลันจึงเอ่ยว่า
“ท่านโหว ท่านลืมแล้วหรือว่าคืนนี้เป็นคืนเข้าหอของพวกเรา”
เขามองเจ้าสาวผู้งดงามพร้อมกับสะบัดใบหน้าแล้วเดินตรงไปยังตั่งตัวยาวที่วางอยู่ริมหน้าต่าง
เสียงเยือกเย็นเอ่ยขึ้น
“เจ้าบีบบังคับข้าด้วยสมรสพระราชทานจนข้าไร้ทางออกต้องรับเจ้าเข้าจวน ทว่าตั้งแต่นี้ต่อไปข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าบังคับได้อีก เสิ่นอวี้หลันข้าจะไม่มีวันแตะต้องเจ้า หากเจ้าทนไม่ไหวหนังสือหย่าของข้าพร้อมมอบให้เจ้าเสมอ”
วาจาของเขาช่างกรีดแทงใจยิ่งนัก นางเฝ้ารอคอยที่จะแต่งเข้าจวนเขาด้วยความตื่นเต้นยินดีกระทั่งนอนไม่หลับ ทว่าบัดนี้สามีที่เพิ่งเข้าพิธีสมรสกับนางกลับเอ่ยถึงเรื่องหย่า
“ท่านหมายความว่าอย่างไร”
ถ้อยคำที่ตอบหนักแน่นยิ่งนัก
“ข้าไม่ได้รักเจ้า ข้าไม่มีวันรับสตรีร้ายกาจเช่นเจ้าเข้ามาเป็นภรรยาอย่างเด็ดขาด เสิ่นอวี้หลันต่อไปพวกเราต่างคนต่างอยู่ และข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่าต่อให้เจ้ามีฝ่าบาทหนุนหลังเจ้าก็ไม่มีวันได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าต้องการ”
คืนนี้ทั้งคืนเสิ่นอวี้หลันนอนไม่หลับ มู่หยางนอนอยู่ที่ตั่งยาวข้างหน้าต่างโดยไม่แตะต้องนางเลยแม้แต่น้อย เสิ่นอวี้หลันเจ็บปวดจนร้องไห้ทว่านางกลับกลั้นเอาไว้ไม่ยอมเปล่งเสียงออกมาให้ผู้ใดจับได้
แม้ว่าเขาจะอยู่ตรงนี้เพียงแค่เอื้อมมือถึงแต่นางไม่อาจสัมผัสนางไม่อาจแตะต้อง นางโหยหาอ้อมกอดของเขาผู้เป็นสามีแต่สิ่งได้รับคือสายตาว่างเปล่าที่เห็นนางเป็นเพียงสิ่งที่ไร้ตัวตน สายตาของเขาทำให้นางเจ็บปวดเหลือเกิน
นางนอนมองเขาเงียบ ๆ อย่างที่สตรีโง่งมเพราะตกอยู่ในห้วงรัก แม้เขาจะกล่าววาจาให้นางเจ็บปวด แม้เขาจะบอกว่าเขามีใจให้สตรีอื่นเสิ่นอวี้หลันกลับไม่คิดถอยห่าง
ใช่ นางกำลังดวงตามืดบอด แม้จะรู้ตัวแต่นางก็รักเขาเกินจะถอนหัวใจ บัดนี้นางยังแต่งให้เขาแล้ว
โชคยังดีที่มีกฎหมายเว้นช่วงรับภรรยารองหลังรับภรรยาเอก ทำให้มู่หยางยังไม่อาจรับภรรยารองได้ทันทีหลังแต่งภรรยาเอก อย่างน้องก็ต้องผ่านพ้นช่วงสามเดือนไปเสีย ก่อนช่วงเวลาที่เขาจะรับหลี่ซินเข้ามาเป็นภรรยารอง เสิ่นอวี้หลันคนนี้จะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาใจอ่อน
นางจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขารักนางให้ได้