2. ยกน้ำชา
" ชิงชิงแต่งตัวให้เรียบร้อยพี่จะให้หานชิงไปส่งเจ้า รอให้พี่จัดการเรื่องนี้ก่อน แล้วพี่จะไปสู่ขอเจ้าแน่นอน "
" ท่านพี่อย่าลืมนะเจ้าค่ะ ต้องรีบไปสู่ขอข้านะ "
" พี่สัญญา พี่จะไปสู่ขอเจ้าแน่ๆ รอพี่นะ "
ฟานอวี้จูบลงที่ปากบาง ก่อนที่จะเดินออกไปแล้วสั่งให้รองแม่ทัพไปส่งคนรักของตน และเดินตามอีกคนที่เดินเข้าห้องและปิดประตูไปแล้ว แต่ฟานอวี้ก็ยืนเคาะประตูจนชินลี่เดินมาเปิดประตูให้
" เจ้าคิดที่จะทำอะไร ถ้าเจ้าคิดจะกราบทูลฮ่องเต้ละก็ข้าจะไม่ไว้หน้าเจ้าเช่นกัน "
ฝูหรงเดินออกมาจากฉากกั้นแต่งตัว ที่เข้าไปเปลี่ยนชุดเพื่อที่จะเข้านอน ฟานอวี้ที่ยืนส่งเสียงขู่คนตัวเล็ก หยุดชะงักเมื่อเห็นรูปร่างที่เย้ายวนและเนินเขาที่ล้นชุดที่ผูกเชือกขาดที่อกอยู่ ตัดกับผิวที่ขาวอมชมพูผุดผ่อง ซึ่งแต่งต่างจากอีกคนที่ตนพึ่งกอดมา ฝูหรงนั่งลงที่เตียงก่อนที่จะเอนตัวลง ใช้แขนเล็กเท้าที่คางของตนมองอีกคนด้วยสายตายั่วยวน
" เจ้าอย่ามาคิดใช้ลูกไม้เช่นนี้กับข้า ข้าไม่คิดที่จะกินของเหลือเดนจากชายใดทั้งนั้น ถึงตายข้าก็ไม่พิศวาสเจ้าเป็นแน่ "
ฝูหรงสะบัดผ้าขึ้นพร้อมกับลุกนั่ง ก่อนที่จะยิ้มออกมาจนฟานอวี้นั้นต้องกัดฟันกับท่าทีของอีกคน
" เพราะว่าข้ารู้ว่าท่านแม่ทัพไม่ชอบกินของเหลือเดนจากใคร ข้าก็เลยช่วยท่านแม่ทัพยังไงล่ะ ไม่ดีหรือเจ้าคะ "
" เจ้าหมายถึงอะไรกัน คนอย่างข้าไม่มีทางจะกินของเหลือเดนจากใครทั้งนั้น โดยเฉพาะของเหลือเดนนั้นคือเจ้า "
" ยังไงก็อย่ากลืนน้ำลายตัวเองนะเจ้าคะ ถ้าเช่นนั้นท่านแม่ทัพก็ออกไปจากห้องนี้เถอะเจ้าค่ะ แต่ว่าเรื่องของคุณหนูชิงชิง ถ้าท่านอยากรับนางเป็นฮูหยิน ขอให้ท่านรอสัก 3 เดือนนะเจ้าค่ะ หลังจากนั้นท่านอยากจะรับนางเป็นฮูหยิน หรือรับใครก็เรื่องของท่าน ข้าจะไปจากที่นี่เอง ขอแค่ให้ข้าอยู่ในตำแหน่งนี้คนเดียวเพียง 3 เดือน "
ฟานอวี้ยิ้มเยาะคนตัวเล็กก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ แล้วเอ่ยกับคนตัวเล็กที่มีความสูงแค่บ่าของตนเท่านั้น
" 3 เดือนนี้เจ้าคิดว่าจะทำให้ข้าเปลี่ยนใจมาชอบเจ้าเช่นนั้นหรือ ข้าจะบอกกับเจ้าว่าไม่มีทาง ชิงชิงเท่านั้นที่คู่ควรกับข้า "
" สำหรับท่านมองแค่ความเหมาะสมเท่านั้นน่ะหรือ เวลาสามเดือนนี้ข้าไม่ได้ขอเพื่อตัวเองหรอก แต่ท่านจะได้รู้เองเมื่อถึงเวลานั้น ออกไปเถอะข้าเหนื่อยแล้ว "
ฝูหรงยิ้มก่อนที่จะก้าวเข้าไปหาร่างใหญ่ พร้อมกับนิ้วเรียวเล็กที่จิ้มลงที่อกแกร่งและเลื่อนไปตามอกแกร่งนั้น
" หรือว่าท่านแม่ทัพอยากจะนอนในห้องนี้เจ้าค่ะ "
ฝูหรงเอ่ยก่อนที่จะส่งสายตายั่วยวนให้กับคนตัวโต ฟานอวี้ชะงักกับท่าทีเย้ายวนของคนตรงหน้า ก่อนที่จะตั้งสติได้
" ฝันไปเถอะว่าข้าจะร่วมหอกับหญิงเช่นเจ้า วันใดที่ข้าทำเช่นนั้นข้าจะเอามีดแทงตนเองเสียดีกว่า "
ฝูหรงยิ้มให้กับคนตัวโตด้วยท่าทียียวนจนน่าหมั่นไส้ ฟานอวี้รีบเดินออกไปจากห้องของคนที่ทำให้ตนโมโห
" จางเหยาเจ้าไปเอาเหล้ามาเดียวนี้ "
" ท่านแม่ทัพ เหตุใดถึงจะดื่มเหล้าตอนนี้ล่ะขอรับ "
" ไปส่งคุณหนูชิงชิงถึงจวนแล้วหรือหานชิง "
" ขอรับท่านแม่ทัพ ว่าแต่เหตุใดฮูหยินถึงเข้าไปในเรือนนั้นได้ทั้งที่พวกข้าน้อยก็อยู่ด้านนอก ก็ไม่เห็นใครลักลอบเข้ามานะขอรับ เหตุใดจึงเข้าไปได้โดยที่พวกข้าน้อยไม่เห็น "
หานชิงเอ่ยในสิ่งที่ตนสงสัย ฟานอวี้เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทำให้แปลกใจเช่นกัน
" ตอนที่นางเข้าไปข้าเองก็ไม่ได้สนใจที่จะมองนาง ข้าจึงลืมสังเกตว่านางเข้ามาได้เช่นไร "
ฟานอวี้เมื่อนึกถึงข้อนี้ก็อดแปลกใจไม่ได้ คนของตนก็ล้วนแต่เป็นคนมีฝีมือ เหตุใดจึงไม่รู้ว่ามีคนแอบเข้ามาที่เรือนสวนตัวของตน
สายของอีกวันฝูหรงที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาบน้ำแต่งตัวจนเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปรอแม่ทัพที่ห้องโถงของเรือนที่ถูกจัดเตรียมไว้ สำหรับยกน้ำชาบิดามารดาของสามี ท่านแม่ทัพหยางจงอวี้และฮูหยินเฉียวนั่งรอบุตรชายที่ยังไม่ตื่นของตน ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
" ฝูหรงท่านพี่ของเจ้ายังไม่ตื่น เจ้าก็รอหน่อยเถอะนะ คงจะดื่มมากไปเลยตื่นช้าเช่นนี้ "
" เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าก็หวังว่าคงจะแค่ดื่มมากไปจนทำให้ตื่นสายนะเจ้าค่ะ "
ฮูหยินเฉียวยิ้มแห้งออกมาเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นของฝูหรง เพราะเมื่อคืนคนของตนรายงานว่าฟานอวี้นั้น แอบลักลอบพาคุณหนูเสี่ยวชิงชิงเข้าไปที่เรือนด้านหลัง
ฮูหยินเฉียวแม้จะไม่ชอบใจที่ต้องรับสะใภ้ ที่เคยอยู่กินกับชายอื่นมาก่อนเข้ามาเป็นสะใภ้ แต่เมื่อรู้ว่าบุตรสาวของขุนนางใหญ่ทำตัวเช่นนี้ตนก็ไม่ชอบใจเช่นกัน
" ให้คนไปตามท่านแม่ทัพของเจ้าหรือยังหานชิง"
" ขอรับนายท่าน จางเหยาไปเชิญท่านแม่ทัพแล้วขอรับ "
ฝูหรงนั่งนิ่งด้วยท่าทีที่สงบ จนเวลาผ่านไปฟานอวี้ก็เดินเข้ามา พร้อมกับใบหน้าที่เย็นชาเช่นเคย
" ลูกมาแล้วท่านพ่อท่านแม่ "
" มาแล้วก็คุกเข่าลง ฝูหรงมานั่งข้างๆท่านพี่ของเจ้าสิ "
" เจ้าค่ะท่านพ่อ "
ฝูหรงเดินเข้ามาใกล้คนตัวโต ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆฟานอวี้ไม่แม้จะชายตาแล คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของตน จนถึงยามยกน้ำชาแทนที่ผู้เป็นพ่อแม่ จะรับน้ำชาดื่ม กลับส่งน้ำชานั้นให้กับฟานอวี้และฝูหรงแทน
" อะไรกันท่านพ่อ เหตุใดจึงส่งน้ำชาคืนมา "
" เพราะเจ้าไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำตั้งแต่เมื่อวานอย่างไรล่ะ ข้าไม่เคยสอนให้เจ้าทำตัวเช่นนี้ เกิดมาเป็นชายเหตุใดจึงทำตัวเช่นอิสตรีเช่นนี้ เสียดายที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของแคว้น เจ้าทำอะไรอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ "
แม่ทัพหยางเอ่ยกับบุตรชายของตน จนฟานอวี้นั้นนิ่งเงียบไปเมื่อคิดถึงสิ่งที่ตนทำนั้นเป็นเรื่องที่ผิดจริงๆ ฝูหรงเองก็นิ่งไม่เอ่ยอะไร จนฮูหยินเฉียวเอ่ยให้แม่สื่อที่รออยู่ทำพิธีอีกครั้ง
ทั้งสองทำตามแม่สื่อจนกระทั่งถึงคราที่ต้องคำนับกันและกัน ฟานอวี้ที่เคยเห็นใบหน้าของฮูหยินตนเพียงในตอนกลางคืนที่มีแสงเทียน ก็ว่าใบหน้านี้งดงามแล้ว
แต่ยามที่เห็นใบหน้านี้ในยามนี้กลับยิ่งงดงามหญิงกว่าหญิงใดที่เคยพบมา จนผู้เป็นแม่ต้องเอ่ยเตือนสติ
" ฟานอวี้น้องรอคำนับนานแล้วนะ "
ฟานอวี้เมื่อได้สติจึงรีบคำนับอีกคนเช่นกัน เมื่อเสร็จสิ้นการยกน้ำชาแล้ว อาหารก็ถูกตั้งโต๊ะก่อนที่ทั้งหมดจะไปรวมทานอาหารกัน
" พ่อได้ยินว่าทางแคว้นซางไห่กำลังรวบรวมกองทัพอีกแล้วใช่หรือไม่ "
" จริงหรือท่านพี่ หากเป็นเช่นนี้ฟานอวี้ก็ต้องไปทำศึกอีกครั้งแล้วน่ะสิท่านพี่ "
ฮูหยินเฉียวเอ่ยถามทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ฟานอวี้จึงหันไปเอ่ยกับมารดาทันทีเพราะรู้ว่ามารดานั้นป็นห่วงตน
" ท่านแม่อย่ากังวลเลยขอรับ ลูกเป็นแม่ทัพถึงอย่างไรก็ต้องนำทัพเอง และอีกอย่างใช่ว่าจะเป็นครั้งแรกเสียที่ไหน "
" แต่ใครก็รู้ว่าแคว้นซางไห่นั้นมักใช้เล่ห์เหลี่ยมในการศึก เจ้าอาจจะพลาดก็ได้ "
ฮูหยินเฉียวยังคงกังวลอยู่เช่นนั้น แม่ก็สองพ่อลูกจะเอ่ยเช่นไรก็ไม่สามารถทำให้คลายกังวลลงได้
" ท่านแม่ ท่านไม่เชื่อว่าท่านพี่จะเอาชนะศึกได้หรือเจ้าค่ะ ข้าเองแม้จะพึ่งเข้ามาอยู่ แต่ข้าก็เชื่อมั่นว่าท่านพี่จะต้องชนะศึกทุกครั้งได้เป็นแน่เจ้าค่ะ ท่านพี่ก็คงจะเก่งเหมือนท่านพ่อ ท่านแม่ว่าเช่นนั้นไหมเจ้าค่ะ "
" นั้นสินะ ฟานอวี้ก็เก่งเหมือนท่านพี่นี่น่า ศึกครั้งนี้ก็ต้องเอาชนะได้อยู่แล้วจริงไหมลูก "
" ขอรับท่านแม่ "
ฟานอวี้และแม่ทัพหยางต่างก็แปลกใจไม่น้อย ที่ฝูหรงนั้นชั่งรู้จักที่จะพูดให้คนที่กังวลนั้นคลายกังวลลงได้
ไรท์. เป็นไงล่ะอีพี่ เห็นน้องชัดๆ แล้วตะลึงเลยใช่ไหม
แต่น้องก็ชั่งทำให้อีพี่โมโหได้ทุกครั้งที่เจอจริงๆ
ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ