บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 ไอสีดำ

“กรี๊ด หยุดนะ กลับมาทำไม ออกไป กรี๊ด ฮือ ฮึก ออกไป ออกไปนะ” เสิ่นหรงลี่ตกลงไปในหลุมดักสัตว์ ความจริงหลุมนี้นางพอจะมองเห็นแล้ว แต่ในจังหวะที่กำลังหลบเลี่ยง กลับมีเสียงของมารร้ายที่คุ้นเคยดังขึ้นในหัวอีกครั้ง

‘เหตุใดเจ้ายังไม่ตาย’ เสียงนั้นถามขึ้นอย่างแข็งกร้าว

‘ชีวิตนี้ของเจ้าไม่ใช่ตั้งใจสละไปแล้วหรือ ในเมื่อข้าให้เลือกตายดีๆ เจ้าไม่รับไว้ เช่นนั้นข้าจะเลือกทางตายให้เจ้าเอง’

“หยุดพูดนะ นังมารชั่ว เจ้าไม่มีสิทธิ์มาเอาชีวิตข้า ออกไป” น้ำตาระลอกใหญ่ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย หรงลี่สะอึกสะอื้นอยู่ใต้หลุมนั้น มือทั้งสองกำแน่นหดเข้าหาตัว แม้ปากจะร้องบอกให้มารนั้นออกไป หากแต่ความกลัวกลับทำให้เสียงไล่ดูอ่อนแรงเหลือเกิน

“หรงลี่” ตงเฟยเทียนที่ตามต้นเสียงของนางมาจนเจอ เมื่อเห็นว่าในหลุมดักสัตว์ไม่ได้มีสิ่งใดที่จะทำให้เสิ่นหรงลี่บาดเจ็บ ก็วางใจลงเล็กน้อย

“…” ไม่มีเสียงตอบรับจากปากของคุณหนูเสิ่น นางยังคงสะอึกสะอื้นและกอดตัวเองไว้แน่นอย่างเดิม

เมื่อเฟยเทียนเห็นว่าหรงลี่ไม่ตอบจึงได้กระโดดลงตามไปในหลุมนั้น แต่เมื่อลองสังเกตรอบตัวของแม่นางผู้นี้ให้ดี กลับพบว่ามีไอประหลาดสีดำล้อมรอบอยู่จางๆ แต่ปรากฏอยู่เพียงแค่ครู่เดียวก็จางหายไป เขาจึงคิดว่าตนเองอาจเพียงแค่ตาฝาดไปเอง แต่ความสงสัยก็มิได้ลดน้อยลง

“หรงลี่ เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ

หรงลี่เงยหน้ามองและเอียงคออย่างสงสัยในคำพูดของตงเฟยเทียน หากแต่ความกดดันและความกลัวกลับทำให้นางไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกไป ใบหน้างามชะงักค้างก่อนที่จะเป็นลมล้มพับลงไป

เฟยเทียนจึงช้อนตัวนางขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด แล้วใช้วิชาตัวเบาของตนเองที่กลับมาปกติบ้างแล้วเพื่อขึ้นจากหลุม นอกจากนี้ยังไม่ลืมที่จะเด็ดผลเฉิงจึกลับไปให้นางได้ลิ้มลองด้วย “หากไม่นำกลับไปเจ้าคงโกรธไม่น้อย วิ่งเข้าหาดั่งเด็กได้ขนมเช่นนี้ คงไม่พ้นเป็นผลไม้โปรดของเจ้าใช่หรือไม่หรงลี่”

คนในอ้อมกอดของตงเฟยเทียนยังคงนิ่งเงียบ แต่นั่นก็มิได้ทำให้เขาเป็นกังวล ด้วยเพราะนางไม่มีไข้ การสิ้นสติในครั้งนี้คงเป็นเพียงความตกใจก็เท่านั้น และเหตุการณ์นี้ทำให้เฟยเทียนเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าเหตุใดนางจึงไม่มีบ้านให้กลับ อาการร้องไห้และหวาดกลัวอย่างควบคุมไม่ได้ เขาก็เห็นถึงสองครั้งสองคราแล้ว ผู้คนเหล่านั้นอาจคิดว่านางเป็นสตรีบ้า

“หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็คงไม่พ้นข้าต้องดูแลเจ้าสินะ” สิ้นคำพูดและห้วงความคิด เขาพานางมาถึงถ้ำที่ใช้เป็นบ้านชั่วคราวแล้ว

เมื่อวางนางลงก็นำพัดเล็กๆ ที่หรงลี่มักจะนำมาพัดให้เขาอยู่เสมอ มาพัดให้นางกลับบ้าง พัดโบกไปได้ไม่นานเสิ่นหรงลี่ก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา

“ข้ากลับมาได้อย่างไรเจ้าคะ” เสิ่นหรงลี่เอ่ยถามกะพริบตาถี่ๆ

“จะกลับมาอย่างไรเล่า ก็พี่เฟยเทียนของเจ้าเป็นผู้อุ้มกลับมาน่ะสิ” เขาตอบอย่างอ่อนโยน ป้องกันไม่ให้นางเกิดอาการหวาดกลัวซ้ำอีกครั้ง แม้จะไม่ถนัดในการทำท่าทีเช่นนี้ แต่ตัวเฟยเทียนก็คิดว่าควรจะต้องลองกระทำดู ยื่นน้ำให้นางจิบ “มันเกิดอันใดขึ้นเจ้ากลัวผู้ใด”

“พี่เฟยเทียนพูดจาอย่างปกติเถิดเจ้าค่ะ ยิ้มแปลกๆ เช่นนั้นก็ไม่ต้องทำด้วย ข้าไม่ได้กลัวท่าน” หรงลี่เกือบสำลักน้ำออกมา เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ไร้ซึ่งความเป็นธรรมชาติออกมาจากใบหน้าของตงเฟยเทียน แม้เขาจะไม่ใช่คนที่ใบหน้าเย็นชาอยู่ตลอดเวลา แต่ก็มิได้เป็นคนที่ยิ้มไปเรื่อยเปื่อย การพยายามยิ้มเช่นนี้จึงดูผิดวิสัย

“เดี๋ยวนี้เจ้าหัดล้อเลียนข้าแล้วหรือ” รอยยิ้มที่จงใจสร้างหุบลงทันใด

“เพียงกล่าวตามจริงเท่านั้น” หรงลี่หลุดขำออกมาเล็กน้อย

“ตกลงแล้วกลัวสิ่งใด”

“หากข้าบอกออกไป พี่เฟยเทียนไม่ใช้สิ่งนี้เป็นข้อตัดสินในการรับข้าเป็นบ่าวได้หรือไม่เจ้าคะ”

“ข้ารับปาก”

“ข้ามักจะได้ยินเสียงสตรีผู้หนึ่งอยู่ในหัวเสมอ นางมักบอกให้ข้าทำสิ่งต่างๆ ดีบ้างร้ายบ้าง แต่ช่วงหลังมานี้มักจะเป็นเรื่องร้าย ข้า…” เสิ่นหรงลี่พูดเพียงเท่านี้น้ำตาก็ไหลออกมา นางไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ และมิได้เปิดเผยว่าตัวนางเคยหลงเชื่อคำของมารร้ายจนฆ่ามารดาตนเอง เพราะเพียงแค่เรื่องที่นางเป็นสตรีประหลาดได้ยินเสียงมารก็ย่ำแย่เกินพอแล้ว

“ผู้อื่นเลยมองว่าเจ้าบ้าใช่หรือไม่” เฟยเทียนถามไปตามตรง

“ข้า…ข้าเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หากจะมีรู้กันก็เพียงไม่กี่คน ทุกคนต่างคิดว่าข้าหายจากอาการนี้แล้ว เพียงแต่มิอาจทนไหวต่อไปได้อีก จึงต้องหนีออกมาก่อนจะถูกขับไล่” คุณหนูเสิ่นขบเม้มปากของตัวเองลง แล้วค่อยๆ ยันตัวขึ้นมานั่งพิงกำแพงถ้ำ

ดวงตาคู่สวยทรงแววตาร้องขอช้อนขึ้นมองใบหน้าที่ยากจะอ่านออกของตงเฟยเทียน หรงลี่ไม่รู้เลยว่าในใจเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ นางหวังแค่เพียงว่าเขาจะไม่รังเกียจสตรีวิปลาสอย่างนาง

“หากเจ้าไม่เหลือผู้ใดแล้วเช่นนี้ ข้าจะยอมยกตัวข้าเป็นโลกทั้งใบให้เจ้าเพื่อตอบแทนบุญคุณ” ตงเฟยเทียนกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น

เสิ่นหรงลี่มิได้ตอบรับสิ่งใด แต่น้ำตาของนางเอ่อล้นคลออยู่ เมื่อตงเฟยเทียนเห็นดวงตาฉ่ำน้ำนี้ เขาจึงยื่นมือออกไปลูบบนศีรษะของนางเบาๆ พร้อมกับพยักหน้าเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปเป็นเรื่องจริง

“ข้าสัญญาว่าเจ้าจะอยู่กับข้าได้นานเท่าเจ้าต้องการ เจ้าเองก็นับว่าเป็นผู้มีพระคุณในชีวิต หากจอมมารเฟยเทียนผู้นี้ยังไม่ตาย เจ้าจะกินอิ่มนอนหลับและปลอดภัย”

“นับว่าเป็นโชคของข้าที่ช่วยถูกคน พี่เฟยเทียนอาจดีที่สุดแล้ว”

“เรื่องนั้นเห็นจะจริงดังเจ้าว่า ฮ่าๆ ข้าดีที่สุดแล้วจริงๆ”

หลงตัวเองเสียด้วย

“พี่เฟยเทียนมีมุมเช่นนี้ด้วยหรือเจ้าคะ”

“แค่ล้อเล่นเพื่อให้เจ้าผ่อนคลายเท่านั้น ข้าออกจะเป็นคนจริงจัง” ตงเฟยเทียนดึงมือกลับมาไว้ข้างกาย และวางสีหน้าเคร่งขรึมอย่างปกติ

“เจ้าค่ะ”

“เจ้าเตรียมตัวเถอะ ไม่เกินสองสามวันนี้เราต้องเริ่มออกเดินทาง ขอให้เจ้าใช้ค่ำคืนนี้เพื่อทบทวนอีกครั้ง เพราะเมื่อไปแล้วเจ้าจะไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้อีก”

“ที่แห่งนี้ไม่เหลืออะไรสำหรับข้าอีกแล้ว ข้ามั่นใจ” เสิ่นหรงลี่ตอบด้วยสีหน้าสลด

ตงเฟยเทียนที่เห็นความเศร้าสร้อยพรั่งพรูออกมาจากตัวของหรงลี่ ก็หยิบเฉิงจึที่คว้าติดมือมาด้วยยื่นให้นางไปสองลูก ทันใดนั้นเองสีหน้ายิ้มแย้มสดใสของหรงลี่ก็กลับมาปรากฏอีกครั้ง

เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วตงเฟยเทียนจึงสบายใจที่จะหลบมุมไปเตรียมทำสมาธิ เพื่อฟื้นฟูร่างกายของตนเอง และปล่อยให้เสิ่นหรงลี่เพลิดเพลินไปกับผลไม้สองผลนี้ตามใจของนาง

“ต่อให้เจ้าบ้าก็เป็นสตรีบ้าของจอมมาร” ตงเฟยเทียนหลับตาลง เข้าสู่ห้วงสมาธิ

.

.

.

“มะ ไม่นะ”

เสียงแผ่วเบาของหรงลี่เรียกให้ตงเฟยเทียนออกจากสมาธิ เขาเห็นไอสีดำนั่นอีกครั้ง เฟยเทียนผู้เป็นจอมมารได้แต่คิดกับตัวเองว่าครั้งนี้ไม่ผิดแน่แล้ว มีไอดำออกมาจากตัวของมนุษย์ผู้นี้อย่างแท้จริง

“เป็นไปไม่ได้…“

________________
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel