บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 เงาร่างเลือนราง

เวลาผ่านไปแล้วเจ็ดวัน แม้ว่าแขนและขาของตงเฟยเทียน จะเริ่มกลับมาใช้งานได้แล้ว หากแต่ดวงตากลับมองสิ่งใดได้ไม่ชัดเจนนัก เรื่องนี้ชายผู้เป็นเจ้าของอาการคาดเดาว่าอาจเป็นผลจากพิษ ซึ่งแต่เดิมต้องค่อยๆ ออกฤทธิ์ แต่เพราะเลือดของเสิ่นหรงลี่ มีฤทธิ์ช่วยขับและขจัดพิษให้ไหลออกทางทวารทั้งหลาย ทว่าคงเพราะปริมาณพิษที่ได้รับมากเกินไป พิษจึงไปรวมตัวอยู่ที่ดวงตาเป็นการชั่วคราว

“ยังไม่เห็นอีกหรือนี่” เสิ่นหรงลี่กล่าวถาม

“ยังไม่เห็น แต่เจ้าเองไม่ควรกังวลมากเกินไป อย่างไรก็ไม่ย่ำแย่เท่าตายเพราะพิษ”

“ถ้าหากว่าท่านตาบอดขึ้นมาข้าจะทำอย่างไร แม้ท่านไม่บอกว่าตนเองคือผู้ใด แต่หากมีคนหวังกำจัดมากมายเช่นนี้ย่อมไม่ใช่สามัญ ตัวข้ามิอาจหาท่านไปคืนครอบครัวได้หรอกนะเจ้าคะ”

“ข้าก็บอกแล้วว่าเจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ข้ายังทำทุกอย่างได้ดังเดิมไม่เห็นหรือ เจ้านี่มีดวงตาเสียเปล่า”

“พี่เฟยเทียน!”

“อย่าพึ่งโมโหไป วันนี้แรงแขนขาของข้ามีมากแล้ว พี่เฟยเทียนของเจ้าจะจับปลาให้หรงลี่ย่างกินหอมๆ ดีหรือไม่” ตงเฟยเทียนที่เริ่มจับจังหวะความรู้สึกของแม่นางผู้มีบุญคุณได้แล้ว จึงได้กล่าวดักทางไว้เสียก่อน

“เอ๋…ได้หรือเจ้าคะ ตามองไม่เห็น จับได้จริงหรือ”

“รอดูได้เลย” ตงเฟยเทียนยักคิ้วอย่างมั่นใจ เพราะตัวเขานั้นผ่านการฝึกด้วยการปิดตามาอย่างยาวนาน แค่เรื่องจับปลานั้นไม่นับว่ายากเย็นเกินไป ประสาทสัมผัสของเขานับว่าเป็นเลิศ หากมิได้ถูกรุมจากทุกทิศก็มิมีทางตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้

เสิ่นหรงลี่ที่หมั่นไส้ท่าทางของตงเฟยเทียนเดินตามออกมาเพื่อดูว่าคำพูดของชายผู้นี้จะกล่าวเกินจริงไปหรือไม่ แต่เมื่อนั่งไปสักครู่หนึ่งก็นึกย้อนไปถึงคำกล่าวของชายในลำธารที่กล่าวว่า ‘พี่เฟยเทียนของเจ้า’ อย่างเสียไม่ได้

“พี่เฟยเทียนของข้าหรือ เขาพูดเช่นนี้หรือข้าหูฝาดไปกันแน่” หรงลี่กล่าวออกมาเบาๆ พลางกอดเข่าตนเองไว้แน่น ซุกหน้าลงใช้ขาบังไว้ คล้ายกับกลัวว่าชายตาบอดจะเห็นความแดงของแก้มนาง

พี่เฟยเทียนของเจ้า ของเจ้า ของเจ้า โอ๊ยปวดแก้มเสียจริง ทำไมหน้าข้าร้อนเช่นนี้

หรงลี่ย่ำเท้าเป็นจังหวะรัวเร็วอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ ใช้มือเล็กๆ พัดไปที่ใบหน้า

“หรงลี่ กระทืบเท้าไล่แมลงหรือ” เฟยเทียนตะโกนถามออกมา

“เจ้าคะ ด…ได้ยินหรือเจ้าคะ” หรงลี่ดวงตาเบิกโพลง กลัวเขาจะได้ยินสิ่งที่นางพูดกับตนเองก่อนหน้านี้

“ได้ยิน” ทันทีที่พูดจบ ก็พลันเกิดเสียงน้ำแตกกระจายดังก้องไปทั่วบริเวณ ปลาตัวใหญ่ถูกโยนขึ้นมาจากน้ำ พร้อมกับเสียงอื้ออึงตกตะลึงของผู้ชมเพียงหนึ่งเดียวอย่างเสิ่นหรงลี่ตามออกมาติดๆ กัน

เช้านี้จึงนับว่าเป็นวันแรกที่หรงลี่จะได้เคี้ยวสิ่งอื่นนอกจากผลไม้ เมื่อแกะแบ่งเนื้อปลาเรียบร้อยแล้ว หรงลี่ก็พลันเงียบเสียงลง และรู้สึกอับอายว่าผู้ที่ดวงตามองไม่เห็นยังหาอาหารได้ดีกว่าตัวนางมากนัก

“เฮ้อ” หรงลี่ถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ถ้าไม่มีเจ้า คงมิได้กินปลากันเช่นนี้” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นมาทำลายความเงียบ

“ได้สิเจ้าคะ ปลาท่านจับ ไฟก็ท่านก่อ ข้าต่างหากที่มิได้ทำสิ่งใด”

“ใครว่า ฟืนเหล่านี้เจ้าเป็นคนหา ไม้แหลมที่ใช้เสียบปลาเจ้าก็เป็นผู้เหลา เครื่องในปลาเจ้าก็เป็นผู้จัดการ”

“พี่เฟยเทียนปลอบใจหรงลี่หรือ” นางยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ แม้จะรู้ว่าเขายังไม่อาจจะมองเห็น

“ข้าแค่พูดตามความเป็นจริง ข้าเป็นคนใจร้าย ปลอบผู้ใดไม่ได้” ตงเฟยเทียนดึงสีหน้าเย็นชาหยิบปลาเข้าปาก ทำท่าทางว่ามิได้สนใจ

“หากกลับผิดเป็นถูกเรียกว่ากลับดำเป็นขาว วาจาของท่านคงต้องเรียกว่ากลับขาวเป็นดำ ทำให้คุณหนูในห้องหอได้เปิดหูเปิดตาแล้วเจ้าค่ะ”

จอมมารผู้ถูกลูบคมมิได้โต้ตอบอันใดเพียงแค่ปรายตามองอย่างจนใจ หากนางรู้ว่าตัวเขาเป็นผู้ใดคงไม่กล้าทำเช่นนี้ ส่วนแม่นางต้นเรื่องเมื่อได้คำยืนยันถึงประโยชน์ของตนแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเคี้ยวปลาอย่างเอร็ดอร่อย แม้จะมิได้ปรุงรสแต่ก็แก้ความเบื่อหน่ายที่ต้องกินเพียงผลไม้ได้ดีนัก

“ท่านจะกลับเข้าในถ้ำเลยหรือไม่” หรงลี่เอ่ยถาม

“ยังก่อน ข้าขอนั่งรับลมและแสงแดดเสียหน่อย วันนี้รู้สึกดีขึ้นมากเหลือเกิน”

เสิ่นหรงลี่และตงเฟยเทียนจึงนั่งอยู่ข้างกัน ฝ่ายหนึ่งนั่งมองบรรยากาศที่แสนสงบ อีกฝ่ายนั่งฟังเสียงลมและใบไม้ไหว แม้ไม่มีเสียงพูดคุยแต่ก็ไร้ซึ่งความอึดอัดต่อกัน เวลาที่ใช้ร่วมกันทั้งวันและคืนทำให้คนแปลกหน้าสองคนสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว

นั่งไปครู่ใหญ่คุณหนูรองเสิ่นก็เห็นว่าวันนี้แดดปลอดโปร่งจึงคิดจะซักอาภรณ์ชุดเดียวนี้ของตนเสียหน่อย

“เดี๋ยวหรงลี่มานะเจ้าคะ”

“เบื่อนั่งกับข้าแล้วหรือ” เฟยเทียนส่งเสียงออกมา

“ข้ามีธุระเจ้าค่ะ”

“อ้อ ธุระในป่าหรือ” เฟยเทียนถามอย่างจับผิด

“เจ้าค่ะ ธุระในป่า”

“ธุระอันใดของเจ้ากัน” เฟยเทียนขมวดคิ้ว

“ข้าอยากอาบน้ำซักอาภรณ์เจ้าค่ะ”

“ขออภัยที่กล่าวถามล่วงเกินแม่นาง”

เสิ่นหรงลี่ส่ายหัวแล้วเดินออกมาให้ห่างเสียหน่อย แต่ยังอยู่ในจุดที่มองเห็นคุณชายตงได้ชัดเจนอยู่ นางถอดอาภรณ์ซักขยี้คราบความสกปรกออกอย่างตั้งใจ มิได้กังวลที่เหลือเพียงชุดตัวในมากนัก นางเพียงจดจ่อที่การขยี้ เมื่อคราบเริ่มดีขึ้นแล้ว นางก็วางตากไว้จุดที่แดดส่องลงมาตรงๆ

จากนั้นก็ลงไปแช่ในธารน้ำอย่างสบายใจ แขนขาที่เรียวบางลงจากการกินน้อยต่อเนื่องกัน ตีน้ำเล่นอย่างสนุกสนานเจือเสียงหัวเราะสดใส ดึงดูให้ผู้คนต้องอยากเมียงมอง

แม้กระทั่งจอมมารที่ความอดทนเป็นลำดับที่หนึ่ง ก็ยังอยากรู้ว่าแม่นางผู้นี้เล่นสนุกอยู่กับสิ่งใด และคล้ายว่าคำขอของตงเฟยเทียนจะเป็นจริง ดวงตาที่มืดสนิทค่อยๆ มีแสงสว่างผสมเข้ามา เมื่อปรับให้คุ้นชินแล้วก็พบว่าดวงตายังไม่สามารถมองได้เทียบเท่าที่เคย ทว่าภาพรางๆ นั้นก็เพียงพอทำให้ตัวเขามองเห็นแล้ว

เมื่อหันไปตามเสียงก็พบกับภาพสตรีที่ตัวผอมบางมากกว่าที่จำได้ แต่กลับมิได้ดูซูบผอมแต่อย่างใด เขาเห็นนางเล่นกับบางสิ่งที่บินวนอยู่รอบตัว หากคาดเดาก็คงเป็นผีเสื้อสีสวยงาม ภาพตรงหน้าทำให้เขาต้องยิ้มตามอย่างอดไม่ได้

แต่แล้วเมื่อนางลุกขึ้นยืนกลับปรากฏภาพที่ทำให้รอยยิ้มต้องหายวับไป เงาร่างบางที่เขาเห็นอย่างเลือนราง เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาปั่นป่วนใจ เพราะภาพที่เห็นคือเอวคอดกิ่วรับกับสะโพกอิ่มได้เป็นอย่างดี และเมื่อเสิ่นหรงลี่หมุนตัวตามผีเสื้อไปอีกทางก็เผยให้เห็นความอวบนูนจนเกินความคอดกิ่วไปอย่างงดงามที่เขาไม่เคยได้สังเกตในตอนที่ดวงตายังมองเห็น

ในจังหวะที่ตงเฟยเทียนรู้ตัวว่ากำลังมองพิจารณาทรวดทรงของแม่นางที่มิได้มีสถานะต่อกัน เขาก็รีบหันหนีก้มหน้ามองผืนดินอย่างเร็วที่สุด พลางคิดว่าเรื่องนี้คงไม่อาจให้หรงลี่รู้ได้เป็นเด็ดขาด มิเช่นนั้นชื่อเสียงของคุณหนูผู้นี้คงจะเสียหายหนักเป็นแน่

“ลาก่อนเจ้าผีเสื้อ” ฝ่ายเสิ่นหรงลี่โบกมือลาเพื่อนใหม่อย่างนึกเสียดาย และคิดว่าตนเองควรขึ้นจากน้ำได้เสียที เพราะหากอยู่นานกว่านี้คงหนาวสั่นเป็นแน่ แม้อาภรณ์จะยังไม่แห้งดีแต่นางก็สวมไว้รอไปถอดผึ่งในถ้ำอีกคราหนึ่ง

เมื่อกลับมาพาตงเฟยเทียนกลับเข้าถ้ำ เขากลับมีท่าทีประหลาดจนนางแปลกใจ “เหตุใดไม่ให้หรงลี่ประคองเจ้าคะ”

“ข…ข้า ข้าอยากลองเดินเอง” เฟยเทียนไม่อาจกล่าวได้ว่าไม่อยากให้นางจับ ด้วยมิอาจสลัดภาพความเย้ายวนของนางออกไปได้ หากจับตอนนี้เขาคงไม่อาจรับปากได้ว่าจะไม่ตบะแตก

“ท่านหน้าแดงนัก อาจต้องกินยาลดไข้อีก”

“เอาไว้ก่อน ยาเจ้ายิ่งมีน้อยอยู่” เฟยเทียนพยายามเลี่ยง

“แล้วเลือดข้าเล่า วันนี้ท่านยังมิได้ดื่มเลย”

“อย่าพึ่งเลย ยามนี้เจ้ามีแต่กลิ่นปลา” เขาเอ่ยโกหกไป เพราะมิอาจใกล้ชิดนางได้ในยามนี้

“เอ๋…ข้าเหม็นหรือ” หรงลี่สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นการกลั้นน้ำตา นางรีบเอาน้ำในกระบอกไผ่มากลั้วคอและปากอย่างอับอาย จากนั้นก็ยื่นไม้สำหรับจุดไฟให้เฟยเทียนโดยมิกล่าวอันใดเกินจำเป็น และไปนั่งอยู่อีกมุม รอไฟติดจึงถอดอาภรณ์ตัวนอกแผ่ไว้ และนั่งอังไฟให้ผมและอาภรณ์ตัวในแห้ง

ตงเฟยเทียนที่มิอาจแสดงอาการว่ามองเห็นได้จึงต้องแข็งข้างอยู่เช่นนั้น มองดูแม่นางที่มีได้มีเจตนายั่วยวนผู้ใด แต่กลับยั่วยวนตัวเขาโดยที่นางไม่รู้ตัวผ่านท่าทางอันไร้เดียงสา

“ข้านอนพักก่อนดีกว่า” ตงเฟยเทียนรีบหันหลังให้เสิ่นหรงลี่ ก่อนจะพยายามข่มตานอนกลางวัน

อะไรของคุณชายผู้นี้กัน

________________
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel