บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 คนแปลกหน้า

รสเลือดมากมายจากปากนุ่มนิ่มไม่คาวเลย ทั้งยังทำให้ยารสขมประหลาดในปากหรงลี่ดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่ต้องเคี้ยวยาป้อนชายแปลกหน้ามากนัก คุณหนูเสิ่นนั่งกอดเข่าน้ำตายังไหลออกเงียบๆ

ฟากฝั่งของตงเฟยเทียนที่พึ่งฟื้นจากพิษไข้ ยังไม่อาจขยับร่างกายส่วนใดได้นอกจากหัว คอ และแขนข้างหนึ่ง ส่วนปลายเท้านั้นแค่เพียงเริ่มกระดิกได้จึงรู้สึกโมโหตนเองนัก

เขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะสลบไป ระหว่างไล่ล่าคนจากฝ่ายศัตรูที่รุกรานมามากมาย พี่น้องของเขาส่งกำลังของตนมาสมทบ เขาแบ่งกองกำลังนี้ออกเป็นสองส่วนสลับกองพลระหว่างกันไปมาป้องกันการทรยศ และเป็นผู้นำทัพที่หยิบยืมมานี้เอง ด้วยเป็นกองกำลังที่ยังไม่รู้รูปแบบการรบของทัพจอมมาร

แต่แล้วคนเหล่านั้นกลับพลิกฝ่ายหันมาโจมตีตัวเขาแทน พิษใดที่เชื่อว่าสามารถทำลายเทพและมารได้ถูกนำมาใช้จนหมดสิ้น คนมากมายไล่ล่าตัวตงเฟยเทียน การหนีตายทั้งที่ถูกพิษ ทั้งร่างกายใช้งานได้ไม่เท่าเดิม แม้จะเป็นจอมมารก็ถือเป็นงานหิน

กว่าที่กองกำลังอีกส่วนที่เป็นของเขาอย่างแท้จริงจะรับรู้ถึงความผิดปกตินี้ โซ่ผนึกมารก็ถูกใช้กับตัวเขาเสียแล้ว หากเขาไม่ได้ใช้พลังเฮือกสุดท้าย หลบหนีมายังภพมนุษย์ เพื่อกดกำลังของโซ่ลง ไม่แน่ว่าอาจสิ้นชื่อจอมมารผู้น่าเกรงขามไปเสียแล้ว คิดได้ดังนั้นผู้เป็นจอมมารจึงจะเอ่ยปากถามสตรีแปลกหน้าให้แน่ชัด

“เจ้าเป็นผู้ใด ตอบมา” เขาเอ่ยถาม

“เสิ่นหรงลี่!” หรงลี่ที่ตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งด้วยความตกใจจึงตะโกนชื่อตนออกมา

“พูดเบาๆ ไม่เป็นหรือ” เฟยเทียนตอบ

คุณหนูรองหันไปมองอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วท่านถามดีๆ ไม่กระแทกเสียงไม่เป็นหรือ ข้าก็ตกใจเป็นนะเจ้าคะ ปากก็ยังเจ็บ กัดอย่างไรให้เลือดข้าช้ำจนกลายเป็นสีน้ำเงินเช่นนี้”

“เจ้าว่าอันใดนะ!” ตงเฟยเทียนที่ขยับได้แค่คอ พยายามที่จะลุกขึ้นมอง ที่เคยเชื่อว่าพิษได้ผลไม่ทั่วร่างเพราะความแข็งแกร่งของตนเองอาจจะมิได้เป็นเช่นนั้น ที่เริ่มขยับปลายเท้าได้ คงเป็นเพราะเลือดของแม่นางผู้นี้

“สีน้ำเงิน อาจเพราะยาก็ได้ ข้าก็กล่าวไปมั่วๆ เลือดจะช้ำได้อย่างไร” หรงลี่ที่เห็นว่าทำคนป่วยตกใจก็พูดแก้มิให้ฟังดูเลวร้าย

“มาใกล้ๆ ข้าได้หรือไม่คุณหนูเสิ่น” ตงเฟยเทียนพูดเสียงอ่อนลง ด้วยกลัวสตรีในถ้ำจะไม่ทำตาม

“ท่านขยับกายมิได้หรือ”

“ได้เพียงแค่คอและแขนขวา ขอข้าดูแผลที” แต่เมื่อนึกคิดได้ว่าฤทธิ์ของพิษยังส่งให้ดวงตาของเขามองได้ไม่เต็มที่จึงชะงักอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามหรงลี่ออกไป “มีของสีแดงมาให้เทียบเคียงหรือไม่

“มีผ้าที่เลอะเลือดของท่านอยู่ พอได้หรือไม่เจ้าคะ”

เมื่อชายที่นางดูแลอยู่พยักหน้าตอบรับ หรงลี่จึงขยับใบหน้าไปอยู่เหนือคุณชายแปลกหน้าผู้นั้น ในจังหวะเดียวกันนั้นเองปิ่นที่ปักอย่างหมิ่นเหม่ก็หลุดร่วงลงมา ส่งให้ผมที่ยาวสลวยดั่งม่านน้ำตกเรียงตัวรับกับใบหน้า แม้จะมองเห็นได้ไม่ชัดแต่ก็พอรู้ว่าคุณหนูเสิ่นดูงดงามราวภาพวาดเทพธิดาในอุดมคติก็ไม่ปาน

ตงเฟยเทียนกลั้นหายใจไปชั่วขณะ แต่เมื่อเริ่มสูดหายใจอีกครั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ก็ล่องลอยเข้ามาหาจนเกือบจะลืมว่าเรียกตัวคุณหนูผู้นี้มาทำสิ่งใด

“สีน้ำเงินจริงแน่แล้ว เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่” เมื่อเห็นว่าสีแตกต่างกันชัดเจนก็กล่าวออกไปอย่างมั่นใจ

“ก็บอกไปแล้วว่าข้าชื่อเสิ่นหรงลี่ เป็นคุณหนูรองของตระกูล แต่มิใช่บุตรสาวฮูหยินเอก ทั้งยังไม่มีความโดดเด่น ท่านจะไม่รู้จักก็ไม่แปลก เดิมทีข้าเองก็เติบโตในเมืองหลวงด้วยเจ้าค่ะ หาใช่เป็นคนแถบนี้”

จอมมารนิ่งไปครู่หนึ่ง คิดว่าการที่มนุษย์ผู้หนึ่งจะมีเลือดวิเศษได้นั้น ออกจะเป็นไปไม่ได้อยู่สักหน่อย แต่ท่าทีของนางก็ไม่น่าจะเป็นนักฆ่าที่ถูกส่งมาติดตาม และคงไม่มีผู้ใดสิ้นสติจนส่งผู้มีเลือดล้ำค่าที่แสนคนจะเจอสักเพียงหนึ่งเช่นนี้มาสุ่มเสี่ยง แต่อย่างไรก็ยังไม่น่าไว้ใจนักในความคิดของเขา

“เลือดของเจ้ารักษาข้าได้ พิษที่ข้าได้รับความจริงต้องเป็นอัมพาตไปทุกส่วนมีแค่ปากและตาเท่านั้นที่จะยังขยับได้ แต่เจ้าหันดูปลายเท้าของข้าสิขยับได้บ้างแล้ว”

“จริงหรือ ข้ารักษาได้หรือ” หรงลี่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างดีใจ เสิ่นหรงลี่คิดว่าหากใช้เลือดนางได้ ย่อมหมายความว่าการรักษาคุณชายผู้นี้คงง่ายดายขึ้นมาก “แต่ว่าถ้าต้องใช้เลือด ท่านจะให้ข้าเฉือนเนื้อตนเองหรือ” สตรีที่เคยยิ้มอย่างดีใจบัดนี้ใบหน้ากลับไร้สีเลือด

“เช่นนั้น…หากข้าใช้แผลเดิมเล่า อย่างไรก็เคยจูบข้ามาแล้วหลายครั้ง เจ้าจะได้มิต้องเจ็บตัว” ตงเฟยเทียนที่มียาทาให้ไม่รู้สึกเจ็บ เห็นนางเปลี่ยนท่าทีก็เลือกที่จะยังไม่บอก แต่กลับกลั่นแกล้งเพราะอยากเห็นการโวยวาย เพื่อดูท่าทีอีกสักยกหนึ่ง

“ข้าทำด้วยความจำเป็นนะเจ้าคะ” หรงลี่หน้างอเล็กน้อยพลางคิดว่ากับเขานางคงไม่มีอันใดจะเสียหายได้อีก ทั้งยังไม่อยากเจ็บตัวเพิ่ม จึงโน้มตัวลงไปจุมพิต รอคอยให้คุณชายที่ยังไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามผู้นี้ได้ลำเลียงเลือดไปรักษาตน

คราแรกตงเฟยเทียนตกใจเล็กน้อย ทั้งยังคิดว่าแม่นางผู้นี้เชื่อฟังเกินไปหรือไม่ แต่เมื่อจะใช้แขนข้างที่ใช้งานได้ดันออก แขนเจ้ากรรมกลับไม่ให้ความร่วมมือ ครานี้เป็นจุมพิตที่ปราศจากรสขม ความนุ่มลื่นของปากอิ่มเล็กๆ ทำให้เขาหลงใหลเสียแล้ว แขนแกร่งโอบรัดตัวเสิ่นหรงลี่ให้เข้ามาแนบชิด มือใหญ่ลูบไล้เส้นผมที่นุ่มดุจแพรไหม ไล้เลียลำเลียงเลือดวิเศษที่ยิ่งดูดดื่มก็ยิ่งทวีความหอมหวาน

ฟากฝั่งเสิ่นหรงลี่เมื่อถูกเขาจู่โจมอย่างเชี่ยวชาญแล้วก็คล้ายว่าทั้งร่างจะโอนอ่อนคล้อยตามไปเสียหมด มือบางวางบนบ่าของชายด้านล่าง เมื่อรู้สึกหายใจไม่ทันมือเล็กๆ นั้นก็ทุบลงบนบ่าเบาๆ เมื่อคนด้านล่างยอมผละออก คุณหนูผู้ไม่เคยสัมผัสกับจุมพิตเช่นนี้ก็หอบหายใจออกมาทันที

“อย่างนี้จึงจะเรียกว่าการจูบ มิใช่เพียงเอาปากมาชนกัน” เขากระซิบข้างใบหูของสตรีแปลกหน้า

แต่แล้วยังไม่ทันที่หรงลี่จะได้ตอบโต้ ชายผู้ที่เป็นเจ้าของจุมพิตนี้กลับให้นางพักแค่ครู่เดียว ก็ดึงตัวนางให้ลงมาประกบจูบอีกครั้ง ทั้งยังลูบไล้ไปจนทั่วแผ่นหลังเล็กๆ ของตัวนาง ริมฝีปากของเขาหยอกล้อกับริมฝีปากคุณหนูเสิ่น ทั้งยังส่งลิ้นร้อนเข้ามาสำรวจและพยายามจะไล่จับลิ้นของหรงลี่ที่คล้ายว่าพยายามจะวิ่งหนี หากแต่หนีเท่าใดก็มิมีทางพ้น เพราะฝีมือในการจูบระหว่างเขาและนาง ยังห่างชั้นกันมากนัก

ไม่นานนักเสิ่นหรงลี่ก็ยอมโอนอ่อนคล้อยตาม และลอกเลียนแบบสิ่งที่ชายผู้นี้ทำอย่างกล้าๆ กลัวๆ รสจูบที่ยาวนานนี้ทวีความวาบหวาม จนมือของคุณหนูเสิ่นเริ่มลูบไล้ จากเคยอยู่บนบ่าบัดนี้ลงมายังอก และเมื่อกำลังจะลากมือต่อไปนั้นนางกลับถูกผลักตัวออก

“เจ้าไม่อยากทำเช่นนั้นแน่” เสียงแหบพร่าของคุณชายที่พาหรงลี่ไปรู้จักความรู้สึกแปลกใหม่กล่าวออกมา

“หรงลี่ทำไม่ถูกหรือเจ้าคะ” นางกล่าวตอบโดยที่ใบหน้ายังห่างจากคุณชายผู้นี้ไม่ถึงคืบ

“ข้าไม่อยากเอาเปรียบเจ้ามากไปกว่านี้คุณหนูเสิ่น” สิ้นคำของตงเฟยเทียน เขาก็สามารถดันตัวลุกขึ้นนั่ง เขาใช้แขนทั้งสองโอบเสิ่นหรงลี่ไว้ให้ลุกนั่งพร้อมกัน โชคดีนักที่ถูกพิษมาไม่นาน การกำจัดออกจึงจำเป็นต้องอาศัยเลือดแค่เล็กน้อยติดกันทุกวันจนกว่าจะไม่พบอาการ

“คุณชายลุกได้แล้ว!” หรงลี่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

“เฟยเทียน”

“เจ้าคะ” นางเอียงหน้าถามอย่างสงสัย

“ให้เรียกข้าว่าเฟยเทียน”

“เฟยเทียน” หรงลี่เรียกออกมาพร้อมกับการพยักหน้ารับ

“ขอบใจเจ้า” เขากล่าวแต่ก็ยังไม่ปล่อยตัวหรงลี่ออกจากอ้อมกอด เพราะเห็นนางมิได้ว่ากล่าวอันใด

“ข้าทำสิ่งไม่ดีไว้มาก ได้ช่วยท่านเช่นนี้นับว่าไถ่บาป” เมื่อเอ่ยออกไปนางก็พลันมีสีหน้าเศร้าหมอง

จอมมารผู้ที่ไม่เคยปลอบใจผู้ใด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงมอบจุมพิตนุ่มนวลยาวนานให้หรงลี่อีกครั้ง เขาอ้อยอิ่งจนนางตกอยู่ในภวังค์ความหลงใหล และลืมความทุกข์ใจไปจนสิ้น และแม้จะถอนจูบออกไปแล้ว ชายที่คล้ายว่าจะเสพติดปากเล็กๆ นั้น ก็ยังคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง มีจูบสั้นๆ เกิดขึ้นตามมาหลายครั้ง จนกระทั่งได้ยินเสียงสัตว์ด้านนอกหรงลี่ก็ผละออกจากตัวเฟยเทียน

“พอแล้วเจ้าค่ะ ไหนท่านว่าจะไม่เอาเปรียบข้าไปกว่านี้”

“ขาข้ายังมิทันดีขึ้น” เฟยเทียนแก้ตัว

“แต่…” เสิ่นหรงลี่ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรว่าครั้งหลังๆ ไม่เห็นว่าเขาจะไปยุ่มย่ามกับแผลนาง แต่กลับตั้งใจดึงให้นางมอมเมาไปกับรสจูบ

“..หึ” เฟยเทียนส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย

“ข้าโกรธแล้วนะเจ้าคะ” หรงลี่ที่เห็นเช่นนั้น รีบกล่าวออกมา

“แขนใช้ได้แล้วก็จุดไฟเลยเจ้าค่ะ ข้าลองทำแล้วแต่ทำไม่ได้ แค่ลากท่านข้ามาในถ้ำนี้ก็หมดเรี่ยวแรงแล้วเจ้าค่ะ” หรงลี่ลากกิ่งไม้และฝืนไฟมาไว้ข้างกายของเฟยเทียน

“หากทำสำเร็จขอจูบเป็นรางวัลได้หรือไม่” เฟยเทียนที่รู้ว่าสตรีตรงหน้ากลั่นแกล้งแล้วสนุกเพียงใดจึงต่อความยั่วยุนาง และไม่ได้บอกออกไปว่าดวงตาของเขามีปัญหา ด้วยไม่อยากเปิดเผยจุดอ่อนไปมากกว่านี้ ทั้งยังเคยชินกับการจุดไฟจนสามารถหลับตาทำได้ไม่ยาก

“จิ๊…” คุณหนูรองจิ๊ปากกลบความเขินอาย ใบหน้าของนางเห่อร้อนอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อรู้สึกเช่นนั้นจึงรีบยกมือปิดแก้ม หวังไม่ให้ชายที่พึ่งรู้จักเห็นแก้มสีแดงเรื่อที่คงสุกปลั่งจนชัดเจนเกินไปเสียแล้ว

“ฮ่าๆ ฮ่าๆ ยิ่งปิดไว้ยิ่งทำให้ข้ารู้ว่าเจ้าเขิน” เฟยเทียนถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่ ล้อนางออกไปซ้ำอีก

“รู้แบบนี้ข้าปล่อยให้ตายเสียคงดีกว่า” หรงลี่สะบัดตัววิ่งออกมาจากถ้ำหลังน้ำตก เพื่อหลบเลี่ยงเขาทันที

“หรงลี่อย่าทิ้งข้าสิ ข้าไม่ล้อเลียนเจ้าแล้ว” เฟยเทียนที่เห็นว่านางไม่ยอมหันกลับมา จึงหันมาปั่นไม้จุดไฟให้แม่นางที่ช่วยชีวิตไว้ พลางนึกไปถึงรสจูบที่ตักตวงเท่าใดก็มิรู้สึกเบื่อ และตัดสินใจจะเก็บเรื่องยาไว้เป็นความลับให้นานที่สุด ยืดเวลาการให้เลือดทางปากออกไป ทั้งยังไม่รู้เจตนาของนางที่ยอมลำบากช่วยคนโดยไม่จำเป็นเช่นนี้ การใกล้ชิดกับผู้ที่อาจกลายเป็นศัตรูจึงเป็นทางเลือกที่เข้าท่าที่สุดของตงเฟยเทียน

________________
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel