บท
ตั้งค่า

#6

ลู่หยางเค่อกล่าวกับน้องสาวเสียงเย็นชาว่า “ถังเอ๋อ พี่ใหญ่ต้องถามเจ้ามากกว่า ว่าเจ้าไปทำอันใดที่จวนท่านเสนาบดี เจ้าเป็นถึงท่านหญิง แต่กลับลดตัวลงไปคบค้าสมาคมกับสตรีฉาวโฉ่วอย่างจี้อู่โหยวยังไม่พอ ยังไปขลุกอยู่ในจวนผู้อื่นเป็นวันๆ ตอนนี้ชื่อเสียงป่นปี้แล้ว เจ้ายังจะโทษใครได้อีกเล่า!”

“ท่านพูดเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร!” 

“พอได้แล้ว!!” เจิ้งกั๋วกงตวาดเสียงดัง มองบุตรธิดาทั้งสองด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะเอ่ยปากไล่ “พวกเจ้าออกไปได้แล้ว! เรื่องนี้ข้าจัดการเอง”

ครั้นเห็นว่าบิดามีโทสะ สองพี่น้องจึงไม่กล้ากล่าววาจาอีก ได้แต่เดินตามกันออกจากห้องโถง

“ท่านพี่ ท่านคิดจะจัดการนังเด็กนั่นอย่างไรเจ้าคะ” หลังจากลูกๆ ออกไปแล้ว กั๋วฟูเหรินถึงได้เอ่ยถามสามี

แววตาของเจิ้งกั๋วกง ปรากฏแววเย้ยหยัน กล่าวอย่างมีเลศนัยว่า “รอก่อน อีกไม่กี่วัน เจ้าจะเห็นเอง”

แม้ว่าจะถูกสามีหมางเมิน หากแต่ลั่วเสวียนยังคงใช้ชีวิตเช่นเดิม นางชินชาเสียแล้ว อยู่กินกับเฉินอิ่นห้าวมาสามปี กลับมีช่วงเวลาหวานชื่นจริงๆ เพียงหกเดือนแรก หลังจากนั้น มักระหองระแหงกันมาตลอด และเริ่มรุนแรงถึงขั้นมีปากมีเสียงกันในช่วงสองปีหลัง การใช้ชีวิตเช่นนี้ นางเองใช่ว่าจะมีความสุข แต่จะทำอย่างไรได้ ใครใช้ให้นางไปรักคนอย่างเฉินอิ่นห้าวกัน เป็นนางโง่เขลาเอง

“ฮูหยินรถม้าพร้อมแล้วขอรับ” พ่อบ้านจิ้งเห็นว่าเจ้านายเอาแต่ยืนเหม่อ จึงเอ่ยเตือน

“อืม ไปกันเถิด” ลั่วเสวียนพยักหน้า เดินนำไปขึ้นรถม้าพร้อมกับสาวใช้ รอให้เจ้านายขึ้นไปแล้ว พ่อบ้านจิ้งถึงได้เดินไปนั่งด้านหน้า

วันนี้ ลั่วเสวียนต้องออกไปตรวจดูที่ดิน เพราะปีนี้เกิดภัยแล้ง ชาวบ้านที่เช่าที่ดินทำกิน มีหลายครอบครัวที่ยังไม่ได้จ่ายค่าเช่า

หลังจากเจรจาผ่อนผันเรื่องค่าเช่าที่เสร็จ นางยังต้องตระเวนไปตรวจร้านค้าต่างๆ กว่าจะกลับถึงจวนก็ใกล้จะเย็นเต็มที ไหนยังต้องเข้าครัวเตรียมมื้อเย็นให้สามี งานของนางดูเหมือนจะล้นมือยิ่งกว่าเสนาบดีกรมคลังอย่างเฉินอิ่นห้าวเสียอีก

ถึงเขากับนางจะทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง ทว่า หน้าที่ภรรยานางกลับไม่เคยขาดตกบกพร่อง หากแต่วันนี้ สาวใช้ที่ยกสำรับไปที่ห้องหนังสือ กลับยกสำรับที่นางลงมือทำกลับมา

“ฮูหยินเจ้าคะ นายท่านสั่งอาหารจากเหลามาทานแล้วเจ้าค่ะ ทั้งยังสั่งอีกว่า ต่อไปไม่ต้องยกสำรับไปส่งแล้ว” สาวใช้รายงานเสียงเบา ลอบมองเจ้านายด้วยความเห็นอกเห็นใจ แม้ว่านายท่านกับฮูหยินจะมีปากมีเสียงกันบ่อย แต่คราวนี้เหมือนจะรุนแรงกว่าที่ผ่านมา เมื่อบรรยากาศระหว่างเจ้านายทั้งสองเย็นชา บ่าวไพร่ ไหนเลยจะมีความสุข

“อืม พวกเจ้าเอาไปแบ่งกันทานเถิด”

“ฮูหยิน!” อี้เจียวกับอี้ม่านร้องขึ้นด้วยความตกใจ อี้เจียวหันไปส่งสายตาให้สาวใช้ออกไป

สาวใช้นางนั้นยกสำรับไปวางลงบนโต๊ะ พวกนางหาใช่คนไม่รู้ความ ฮูหยินกำลังมีโทสะ ถึงได้เอ่ยออกมาเช่นนั้น ใครจะกล้านำอาหารที่เจ้านายเป็นคนลงมือทำด้วยตนเอง กลับไปกินจริงๆ

รอให้สาวใช้นางนั้นเดินออกไปแล้ว อี้ม่านก็เอ่ยขึ้น “ฮูหยินเจ้าคะ ให้บ่าวยกไปให้นายท่านอีกที ดีหรือไม่เจ้าคะ บางที เมื่อครู่ นายท่านอาจแค่กล่าววาจาประชดประ...”

“ไม่จำเป็น” ไม่รอให้อี้ม่านเอ่ยจบ ลั่วเสวียนพลันเอ่ยขัด นางอยู่กินกันมาสามปี มีหรือจะไม่รู้นิสัยใจคอของสามีตัวเอง ต่อให้ยกไปอีกครา เขาก็ไม่มีทางรับไว้ ดีไม่ดี อาจจะได้วาจาเสียดแทงมาแทน “พวกเจ้าเอาออกไปแบ่งกันทานเถิด ไม่ต้องอยู่ปรนนิบัติข้า ข้าอยากทานเงียบๆ” ลั่วเสวียนพูดแล้วก็จับตะเกียบ ทำท่าจะคีบอาหารเข้าปาก

อี้เจียวกับอี้ม่านเห็นอย่างนั้น ได้แต่มองหน้ากันด้วยความลำบากใจ ก่อนจะพากันยกสำรับเดินออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

ทว่า คล้อยหลังพวกนางเพียงอึดใจ ตะเกียบในมือของลั่วเสวียน กลับถูกวางลงบนโต๊ะดังเดิม

ระหว่างสองสามีภรรยา เป็นเช่นนี้อยู่สิบสองวัน คนทั้งคู่ไม่ยอมพบหน้ากัน มีเพียงอาหารและน้ำแกงที่ส่งไปห้องหนังสือทุกวัน และถูกส่งกลับมาทุกวันเช่นกัน

กระทั่งเช้าตรู ของวันที่สิบสาม ข่าวร้ายก็มาถึงลั่วเสวียนราวกับฟ้าผ่า

“ฮูหยิน เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!” พ่อบ้านจิ้งรีบร้อนเดินเข้ามาในเรือน จนลืมแม้แต่มารยาท

อี้ม่านกับอี้เจียวที่กำลังช่วยเจ้านายมวยผมอยู่ด้านใน หันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่เคยเห็นจิ้งย่วนเสียกิริยาเช่นนี้มาก่อน ธรรมดาแล้ว เขาจะต้องแจ้งสาวใช้หน้าเรือน รอให้สาวใช้มารายงานก่อน ถึงจะเข้ามา แต่วันนี้ ไฉนจึง...

ลั่วเสวียนรู้นิสัยพ่อบ้านจิ้งดี นางรู้ว่าอีกฝ่ายต้องมีเรื่องร้อนใจจริงๆ จึงไม่ได้แปลกใจ เพียงหันไปบอกสาวใช้ทั้งสอง “เร่งมือหน่อย พ่อบ้านจิ้งคงมีเรื่องด่วน”

“เจ้าค่ะ”

ครั้นเห็นนางเดินออกมา จิ้งย่วนรีบรายงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าน้อยได้ข่าวมาว่า เมื่อคืน ท่านแม่ทัพถูกตีตรวนสวมปลอกคอ เข้ามาทางประตูทิศตะวันตกขอรับ มีคนขององครักษ์เสื้อแพรคุมตัวมา”

หัวคิ้วของลั่วเสวียนขมวดเป็นปมทันทีที่ได้ยิน แต่ไม่ได้มีท่าทีแตกตื่น เพียงถามกลับไปเสียงเรียบว่า “ข่าวน่าเชื่อถือเพียงใด?”

“เต็มสิบส่วนขอรับ สหายของข้าน้อยอยู่เวรเฝ้าประตูเมืองเมื่อคืน เป็นคนนำข่าวมาบอก” จิ้งย่วนยังคงตอบด้วยใบสีหน้าเคร่งเครียดเช่นเดิม

สาวใช้ทั้งสองเริ่มมีสีหน้าตื่นตระหนก อี้เจียวเอ่ย “จะเป็นไปได้อย่างไร! ท่านฟังมาผิดหรือไม่ นายท่านเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ใครจะกล้าทำเช่นนั้นกัน”

พ่อบ้านจิ้งไม่ได้ตอบพวกนาง เพราะเขาเองไม่กล้าเชื่อ ถึงได้รีบมารายงาน

“นายท่านของเจ้าออกไปทำงานหรือยัง” 

“ยังขอรับ”

ลั่วเสวียนพยักหน้ารับรู้ เร่งสาวเท้าตรงไปยังห้องหนังสือของเฉินอิ่นห้าว เพราะเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ เป็นไปไม่ได้ที่สามีของนางจะไม่รู้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel