บท
ตั้งค่า

ตอนที่2 เข้าใจผิด

...ซุ่มซ่าม...

“คำนี้ที่ป้าครองขวัญมักเอ่ยต่อหน้าคนอื่น หลังจากที่ทำฉันมีแผล หาว่าเป็นเพราะความซุ่มซ่ามของตัวฉันเอง โบ้ยความผิดให้ฉันทุกครั้ง แน่นอนว่าฉันไม่เคยพูดความจริงออกไป”

ฉันถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินเย็บแผลที่ฝ่ามือไปถึงห้าเข็ม ทั้งมือถูกพันไปด้วยผ้าพันแผลราวกับมัมมี่ หมอสั่งห้ามไม่ให้แผลโดนน้ำ ช่วงอาทิตย์แรกก่อนตัดไหมห้ามยกของหนักเพราะแผลจะฉีก ห้ามโน้นห้ามนี่ ฉันได้แต่ฟังผ่านๆ เพราะเอาเข้าจริง ทั้งงานในครัวทั้งงานดูแลบ้าน ฉันก็ต้องทำอยู่ดี เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องโดนน้ำ และยกของหนักหรอก เฮ้อ~เรื่องมาโรงพยาบาลหม่อมย่าคงรู้แล้ว กลับไปต้องโดนบ่นหูชาแน่ๆ

“คุณดาวน่าจะฟ้องหม่อมบ้างนะคะ ให้หม่อมจัดการป้าใจร้ายแบบนั้น คนอะไร๊! รังแกหลานได้ลงคอ”

“ช่างเถอะพี่ออย ฟ้องแล้วได้อะไรล่ะ ในเมื่อดาวต้องอยู่อาศัยร่วมชายคาเดียวกันกับเขา นี่ก็แค่เรื่องเล็กน้อยเอง ดาวไม่เจ็บหรอก” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอ่อนๆเพื่อให้พี่ออยคลายใบหน้าที่กำลังฉายแววความไม่พอใจ

“โธ่~คุณดาว ใสซื่อเกินไปแล้วนะคะ”

‘ใสซื่อเหรอ...ฉันก็แค่อยากอยู่แบบเงียบๆไม่มีปากมีเสียง เพื่อให้คนอื่นพอใจก็เท่านั้นเอง’

“คุณดาวไปนั่งรอหน้าโรงพยาบาลก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ออยไปจัดการเรื่องยาให้”

“ขอบคุณค่ะพี่ออย”

ฉันเดินมานั่งอยู่ในสวนหย่อมหน้าโรงพยาบาล เลือกมุมที่ไม่มีใครเดินผ่านไปมา เพื่อรอพี่ออยไปจัดการรับยาและจ่ายค่ารักษา เงินที่ต้องจ่ายเป็นเงินเก็บอันน้อยนิดของฉันเอง ไม่อยากขอหม่อมย่าให้ลำบากใจ ระหว่างนั่งคิดอะไรเหม่อลอย ก็มีผู้หญิงวัยชรารูปร่างอวบอ้วนแต่งตัวธรรมดาแค่เสื้อยืดเก่าๆกับกางเกงขายาวเดินกระย่องกระแย่งมาทางฉัน มือข้างหนึ่งกุมปากกาด้ามใหญ่ไว้ตรงหน้าอก ส่วนอีกมือกำสายกระเป๋าผ้าข้างลำตัวไว้มั่น

‘อื้ม~น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับหม่อมย่า เดินอย่างกับคนไม่มีแรง ทำไมไม่ใช้ไม้เท้าหรือให้ลูกหลานมาช่วยพยุงนะ’ ฉันชะเง้อมองไปด้านหลังเธอเพื่อหาคนที่ตามมา แต่กลับว่างเปล่า

ทันใดนั้น!

ตุบ!

จู่ๆหญิงชราก็สะดุดกับพื้นต่างระดับล้มคะมำต่อหน้าฉัน สิ่งของที่เธอถือมากระจัดกระจายไปทั่ว เอาแล้วไง! ตรงนี้ไม่มีใครสะด้วย ฉันรีบดีดตัวเข้าไปดูเธอด้วยความตกใจ

“คุณคะ...คุณ” เสียงร้อนรนของฉัน ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกตัว จึงพลิกร่างเธอนอนหงาย ทว่าใบหน้าซีดเซียว เนื้อตัวเย็นเฉียบ เม็ดเหงื่อพราวบนหน้าผากย่นๆทำให้ฉันตกใจกว่าเดิม

“ยายๆ ลืมตาก่อนค่ะ ได้ยินไหมยาย”

ฉันไม่รู้คิดยังไง..ลองเอานิ้วชี้แตะปลายจมูกถึงได้รู้ว่าเธอไม่หายใจแล้ว ร่างกายฉันดีดถอยห่างโดยไม่รู้ตัว นั่งอ้าปากค้าง ตัวสั่นเทา กลัวมาก...พึ่งเคยเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาครั้งแรก แต่แล้ว! ภาพหม่อมย่าซ้อนทับบนใบหน้าหญิงชรา ในใจรู้สึกปวดแปล๊บขึ้นมาทันที พลันให้ฉันได้สติ ดีดตัวกลับไปนั่งข้างเธอ

“ชะ..ช่วยด้วย ตรงนี้มีคนป่วยค่า~” เสียงตะโกนค่อยๆดังขึ้น ร้องเรียกพร้อมกับหันซ้ายทีขวาที ทว่าไม่มีแม้สักคนที่จะเดินมา

‘อะไรกันโรงพยาบาลใหญ่ขนาดนี้ แต่กลับไม่มีใครได้ยิน แล้วจะทำไงล่ะ...ยายคนนี้ต้องตายเหรอ ตายต่อหน้าฉันเนี่ยนะ โอ้ว! พระเจ้า! แกล้งกันใช่ไหมเนี่ย’

และแล้วภาพการปฐมพยาบาลในซีรีส์ก็ผุดขึ้นมาในหัว

‘อันดับแรกต้องหนุนศีรษะเธอให้สูงสินะ’ ฉันรีบดึงกระเป๋าผ้าจากไหล่ของเธอ ทำเป็นม้วนกลมๆหนาๆให้เธอได้นอนหนุน แล้วคลายคอเสื้อเธอให้หลอมๆ

‘อันดับต่อไปต้องปั๊มหัวใจสินะ’ ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะยกมือเล็กทับประสานด้วยความลืมตัว

“ซี๊ดส์!!” แผลที่พึ่งเย็บมาหมาดๆ ทวีความเจ็บร้าวยิ่งกว่าเดิม ยาชาที่ใส่มาดันหมดฤทธ์ซะงั้น..แต่จะปล่อยให้คนตายต่อหน้าต่อตาได้ไงกัน ฉันอดทนฝืนความเจ็บปวด ใช้มือประสานวางทับอยู่ตรงกลางหน้าอกหญิงชราแล้วเริ่มกดลงไปเป็นจังหวะ...หนึ่ง...สอง ด้วยความเก้ๆกังๆ พลางหันซ้ายหันขวาว่ามีใครมาช่วยหรือเปล่า

“ช่วยด้วย! มีคนเจ็บอยู่ตรงนี้ ช่วยด้วยค่า!!” ฉันตะโกนดังกว่าเดิมในขณะที่ยังปั๊มหัวใจไม่หยุด

ในที่สุด! ก็มีชายหนุ่มร่างสูงวิ่งตรงมาทางฉัน

“คนป่วยเป็นอะไร” เขานั่งคุกเข่าลงอีกฝั่ง ถามในขณะที่กำลังเปิดตาหญิงชรา แล้วใช้มือแตะต้นคอตรวจราวกับเป็นหมอ

“ไม่รู้ค่ะ จู่ๆเธอก็สลบไป” ฉันตอบในขณะที่มือยังปั๊มหัวใจให้เธอ

“อะไรกัน! พาญาติมาโรงพยาบาล แต่กลับไม่รู้เรื่องอาการป่วยเนี่ยนะ!” เสียงดุๆเอ่ยด้วยใบหน้าติดหงุดหงิดเหลือบมามองฉัน เอ๊ะ! เขากำลังด่าฉันเหรอ นั่นทำให้ฉันเผลอสวนกลับออกมา

“ฉันไม่...”

“หลีกไป! ปั๊มหัวใจไม่เป็นแล้วยังจะสะเหล่อทำอีก” ผู้ชายอะไร! ปากคอเราะร้ายจริงๆ

ร่างสูงปัดมือฉันออก หันซ้ายแลขวาเหมือนหาอะไรสักอย่าง ทันใดนั้น! ก็ลุกก้าวไปด้านข้างหยิบปากกาด้ามใหญ่ ฉันจำได้ว่าหญิงชรากำไว้ก่อนจะล้มลงไป ชายร่างสูงกลับมานั่งที่เดิม ถกชายเสื้อหญิงชราขึ้น

“คุณ..จะทำอะไรน่ะ นี่มันที่สาธารณะ!!” เสียงแหลมดังขึ้นสิบระดับด้วยความตกใจ ไม่รู้หรอกว่าเขาจะทำอะไร แต่เปิดเสื้อผู้หญิงแบบนี้ไม่ดีแน่ ต่อให้คนที่เจ็บอยู่เป็นหญิงสูงวัยก็เถอะ

ดูเหมือนคำพูดของฉัน เขาจะไม่ได้สนใจสักนิด กดบางสิ่งที่ปากกา จากนั้นก็ปักปลายปากกาลงบนท้องของเธอเต็มแรง ห่างจากสะดือเพียงแค่สามนิ้ว

“....” ฉันอ้าปากค้าง ไม่เคยเห็นอะไรน่ากลัวแบบนี้มาก่อน หรือเขา...เขากำลังฆ่าเธอ! ตรงนี้ไม่มีใครด้วย...นายคนนี้เป็นฆาตกรสินะ นั่นไงๆ เขาจ้องหญิงชราพร้อมกับหยักยิ้มมุมปากน่าขนลุกด้วย อย่าบอกนะว่าคิดจะฆ่าฉันปิดปาก...ฉันเผลอใช้มือข้างหนึ่งกำคอเสื้อไว้แน่น ปากสั่นด้วยความกลัว “อย่า...อย่าเข้า”

“หือ?” เขาหันเสี้ยวหน้ามามองฉัน และแล้ว!

เฮือก!

หญิงชราหายใจดังเฮือกใหญ่ เธอได้สติแล้ว ‘เธอยังไม่ตาย!!’ ฉันถึงกลับถอนหายใจโล่งอก ถึงแม้ไม่ได้รู้จักเธอ แต่เธอพ้นความตายได้เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ แต่เดี๋ยวนะ!! นายคนนั้นไม่ได้ฆ่าเธอเหรอ แล้วเมื่อกี้เขาทำอะไรล่ะ?

“เธอเป็นเบาหวาน ต้องฉีดอินซูลีน”

“ฉีด...” ฉันแค่เผยอริมฝีปาก ก็มีพนักงานชายสองคนเข็นเตียงออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วมีพยาบาลอีกคนวิ่งตามมา เธอไม่ได้ไปหาผู้ป่วย แต่กลับวิ่งมาหาชายร่างสูงที่ยืนตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แถมยังท้าวสะเอวหันหลังให้ฉันอีกด้วย

‘อื้ม~ จะว่าไปเขาคงเป็นผู้ชายหน้าตาดีมั้ง เพราะทั้งแผ่นหลังกว้าง ร่างสูง ทรงผมสีน้ำตาลเข้ม สวมใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าที่พึ่งเลิกแขนขึ้นลวกๆตอนท้าวสะเอว แขนแข็งแรงสมเป็นชายชาตรี ส่วนหน้าตาของเขาฉันไม่ทันได้สังเกต รวมๆแล้วก็ดูเป็นสุภาพบุรุษ น่าจะเป็นสามีมโนของสาวๆหลายๆคน แต่เสียดายปากจัดไปสักหน่อย’

ในจังหวะนั้น ใบหน้าคมคายหันเสี้ยวหน้ามามองฉัน

“อ่ะ!” ฉันสะดุ้งหลุดจากความคิด หลบสายตาจากเขาในทันที พลางตบแก้มตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติ ‘คิดอะไรของเธอเนี่ยยัยทัดดาว’

แล้วร่างสูงก็หันกลับไปคุยกับพยาบาลต่อ เขาพูดศัพท์ภาษาอังกฤษที่ฉันไม่เข้าใจอยู่สองสามประโยค แล้วเดินหุนหันจากไป ส่วนพนักงานก็ยกตัวหญิงชราขึ้นเตียง พากันเข็นไปทางห้องฉุกเฉิน พยาบาลคนเมื่อกี้ก็เดินมาเก็บข้าวของที่ตกกระจาย ฉันลุกขึ้นช่วยเธอเก็บอีกแรง

“นี่ค่ะ” ฉันส่งสมุดของยายคนนั้นให้กับพยาบาล

“ขอบคุณมากค่ะ เอ๊ะ! มือน้องเลือดออก”

ฉันยกมือขึ้นดู ถึงได้เห็นว่าผ้าพันแผลสีขาวตอนนี้เต็มไปด้วยเลือด อาจเพราะเมื่อกี้ดันกดแรงไปหน่อย เลือดเลยออกโดยไม่รู้ตัว

“ไปห้องฉุกเฉินดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพี่ทำแผลให้”

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

ฉันเดินตามพยาบาลกลับมาที่ห้องฉุกเฉินอีกครั้ง กวาดสายตามองรอบห้องที่กำลังวุ่นวาย โดยเฉพาะเตียงของหญิงชราคนเมื่อครู่ กำลังถูกพยาบาลอีกคนดึงผ้าม่านปิดรอบเตียง

“นั่งรอตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่ไปเอาเครื่องมือมาทำแผลให้”

“ได้ค่ะ”

ฉันนั่งรอตรงข้างๆหน้าประตูห้องฉุกเฉิน กวาดสายตามองรอบๆอย่างสนใจ แต่แท้จริงแล้วกำลังแอบฟังการพูดคุยหลังม่านที่พึ่งปิดไป

“ผู้ป่วยเป็นคนไข้ของหมอจารุณี ตอนนี้ผมเรียกตัวหมอมาแล้วครับ อีกเดี๋ยวก็คงลงมา”

“อื้ม”

“โชคดีนะครับที่ศาสตราจารย์ช่วยคนไข้ไว้ทัน ไม่งั้นเธอคงตายไปแล้ว”

‘หือ! ถึงขั้นศาสตราจารย์ลงมาตรวจเอง ยายคนนั้นคงปลอดภัยแล้วล่ะ เดี๋ยวนะ! ศาสตราจารย์เหรอ...เมื่อกี้ฉันไม่เห็นหมอแก่ๆสักคน’

“คนที่ช่วยเธอจริงๆ เป็นเด็กผู้หญิงต่างหาก” เสียงทุ้มต่ำอีกคนเอ่ยตอบ เสียงคุ้นๆคงเป็นผู้ชายร่างสูงคนนั้น ‘เด็กผู้หญิงที่ว่า...หมายถึงฉันสินะ ทำไมมันรู้สึกปลื้มใจขึ้นมาแปลกๆแฮะ เอ่ยชมฉันต่อหน้าศาสตราจารย์ด้วย เขาก็ไม่ได้ปากเสียสะทีเดียวหรอก อิอิ เดี๋ยวก่อน! เขาเข้าไปอยู่หลังม่านนั่นหรือว่า...เขาเป็นหมอ! โอ๊ย! อยากจะเอามือตบกบาลตัวเอง ฉันคิดอะไรไปเนี่ย เข้าใจผิดว่าหมอเป็นฆาตกรได้ไง ขอโทษนะคะคุณหมอ~’

ในจังหวะนั้นพยาบาลเดินกลับมาพร้อมกับเครื่องมือทำแผล ฉันส่งมือให้เธอทำแผลให้ แล้วแอบฟังการสนทนาต่อ

“เป็นญาติประสาอะไร ถามอาการคนไข้ก็บอกไม่รู้”

‘อะไรกันเมื่อกี้ยังชมอยู่เลย ตอนนี้กลับเป็นด่าฉันซะงั้น ขอถอนคำพูดเรื่องขอโทษก็แล้วกัน’

“นั่นก็แค่เด็กผู้หญิงนะครับ จะเอาอะไรกับเธอมาก”

เห๊อะ! ฉันเลือกที่จะไม่ฟังพวกเขาอีก ไม่นานก็ทำแผลเสร็จ ในตอนนั้นก็มีใครบางคนเอะอะเข้ามาในห้องฉุกเฉิน

“ไหน! ยายผมอยู่ไหน” ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบตำรวจโวยวายในห้อง ทำเอาทุกคนต่างหันไปมองด้วยสายตาตำหนิ แต่เขากลับไม่ได้สำนึกแม้แต่น้อย เดินวางมาดไปถามพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ

“ยายผมที่ล้มเมื่อกี้อยู่ไหน เสียเวลาชิบ!” ใบหน้าหงุดหงิดเอ่ยจบเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มด้วยความยียวน ‘หน้าตาดูดีออกตี๋ๆ หน้าที่การงานก็ดี แต่ทำไมนิสัยกลับตรงกันข้ามกับหน้าตาล่ะเนี่ย จะว่าไป...ฉันรู้สึกคุ้นๆหน้าเขานะ’

“ทะ...ทางนั้นค่ะ” พยาบาลชี้ไปที่เตียงหญิงชรา

‘โธ่ๆ ที่แท้ก็เป็นหลานยายคนเมื่อกี้ ปล่อยคนแก่เดินเอง ไม่มาดูแล มีหน้ามาวางกล้ามในโรงพยาบาลอีก ไม่อายหรือไง’

แน่นอนแหละว่าฉันพูดในใจ...ลองเอ่ยออกไปสิ มีหวังตำรวจหยาบคายคนนั้นได้วิ่งมาต่อยฉันกลางห้องฉุกเฉินแน่

ฉันอดไม่ได้ที่จะดูพฤติกรรมหยาบคายของชายคนนั้นต่อ คนไร้มารยาทรู้ว่ายายของเขาอยู่ไหน ก็เดินไปเปิดม่านออกในทันที

“ยาย!!” เสียงตะคอกทำให้หมอที่กำลังตรวจต่างหันมามองเจ้าของเสียง ฉันพยายามชะเง้อมองใบหน้าชายร่างสูงให้ชัดๆ แต่เขากลับยืนหันหลังให้ เสียดายจัง

ในตอนนั้นพี่ออยก็เดินเข้ามาหาฉันพอดี

“คุณดาว...ทำไมมาทำแผลใหม่ล่ะคะ”

“พี่ออยมาแล้วเหรอ ดาวทำแผลเสร็จพอดี” ฉันกำลังลุกขึ้นยืน แต่แล้ว...

“ทำไมยายเป็นงี้วะ!!” เสียงตะคอกทำให้ฉันกับพี่ออยหันไปมองต้นเสียง ตำรวจคนเดิมใบหน้าแดงก่ำ ขบฟันกรอดๆ ทว่าเสียงฝีเท้าส้นสูงเดินสับเข้ามาในห้องฉุกเฉิน ฉันหันไปมองคนมาใหม่ เป็นผู้หญิงหุ่นบาง มัดผมรวบขึ้นสูง ใส่ชุดเดรสเกาะอก โชว์แผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยสัก กระโปรงสั้นจู๋ยาวแค่คืบปิดของสงวนไว้เท่านั้น แต่งหน้าจัด ทาลิปสติกสีแดง ไม่เข้าใจว่าเธอกล้าโชว์เนื้อหนังมาโรงพยาบาลได้ยังไง แต่งกายไม่ถูกกาลเทศะ

“พี่ภาคเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” หล่อนเดินสับตรงไปเกาะแขนตำรวจหยาบคาย แนบชิดกันขนาดนั้นต้องเป็นแฟนกันอยู่แล้ว หล่อนจ้องมองหญิงชราบนเตียงด้วยสายตาเหยียด

“อี๋~อีแก่นี่ใครกันคะ แต่งตัวธรรมดา เสื้อผ้าก็เก่า คนใช้บ้านพี่ภาคเหรอ”

“ยายพี่เอง”

“อ๋อ..คุณยาย! อุ้ย! น่าสงสารคุณยายนะคะ คุณยายป่วยเป็นอะไรเหรอ” เห็นๆกันอยู่ว่าหล่อนเสแสร้ง แต่อย่างว่าแหละ เป็นคู่สร้างเหมาะกับคนหยาบคายแล้วล่ะ

“เอ๊ะ!! นั่นคุณภาคแฟนคุณเอวาไม่ใช่เหรอ!!” พี่ออยที่ยืนข้างฉันก็อุทานออกมาสะดัง ทำเอาทุกสายตาหันไปมองเธอ รวมถึงฉันด้วย ‘แฟนเหรอ? มิน่า...ถึงว่าตำรวจคนนั้นหน้าคุ้นๆ’

ฉันหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง ทว่าดันสบสายตากันพอดี เขาเขม็งตาใส่ฉัน ปัดมือแฟนสาวออก กำลังจะก้าวมาทางนี้

“คุณดาวๆ พวกเราไปกันดีกว่าค่ะ”

พี่ออยกับฉันใจตรงกัน ต่างคว้ามือควงแขนออกมาจากห้องฉุกเฉินในทันที ต่างคนต่างจ้ำอ้าวกลัวคนหยาบคายจะตามหลังมา และในที่สุดพวกเราก็มาถึงรถลุงสมานที่จอดรออยู่ ฉันกับพี่ดาวหันกลับไปมอง พร้อมกับถอนหายใจ แน่ล่ะก็เพราะชายหยาบคายคนนั้นไม่ตามพวกเรามาล่ะสิ

“ปลอดภัยแล้วนะคะคุณดาว”

ฉันกับพี่ออยสบตากัน แล้วต่างพากันหัวเราะชอบใจ ขบขันกับความเปิ่นความลุกลี้ลุกลนวิ่งหน้าตาตื่นของพวกเราเอง ทำเอาน้ำตาเล็ดน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว

“กลับบ้านกันเถอะค่ะ หม่อมต้องรอบ่นพวกเราอยู่แน่ๆ”

“อื้ม”

ระหว่างในรถ เป็นเรื่องน่าแปลกมั๊ยล่ะ? ที่ฉันเอาแต่ครุ่นคิดอยากเห็นใบหน้าของชายร่างสูงคนนั้น มันรู้สึกค้างคาใจยังไงก็ไม่รู้...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel