14 คนชั่ววางแผน
เมื่อหนุ่มหล่อพูดออกมาอย่างนี้ หญิงสาวเริ่มทบทวนว่ารู้จักผู้ชายคนนี้จากที่ไหน เธอเคยไปบ้านของเขาเมื่อไหร่
แต่แน่ใจว่า เขารู้จักเธอแน่ๆ เพราะเรียกชื่อถูก
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันจำคุณไม่ได้”
“ผมชื่อจตุพักตร์ ลูกชายคุณเติมกับคุณเนื้อนวลไงครับ”
เมื่อรับรู้ว่าพ่อแม่ของเขาชื่ออะไร หญิงสาวถึงกับตาเป็นประกาย ยกมือไหว้ทันที
“จำได้แล้ว อาจตุนั่นเองเอง สวัสดีค่ะ พลอยใสขอโทษด้วยที่จำอาไม่ได้เลย”
“ไม่เป็นไรครับ สบายดีไหม”
เมื่อถูกถามอย่างนี้ หญิงสาวอึ้งไปชั่วครู่เพราะอยู่อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง ไม่มีใครดูแล หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต เธอจมอยู่แต่กับความเศร้าเรื่อยมา
“เหงาค่ะ ไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วย ต่อสู้คนเดียว”
“อาทราบเรื่องพ่อแม่ของพลอยใสแล้ว ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”
“ค่ะ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่มันก็เกิดไปแล้วค่ะ ตอนนี้คุณปู่เติมกับคุณย่าเนื้อนวลเป็นอย่างไรบ้างคะ”
หญิงสาวถามถึงผู้เคยมีพระคุณของบิดามารดา ซึ่งก็ได้รับคำตอบให้อุ่นใจว่า
“ตอนนี้ท่านสบายดีครับ แต่ก็มีบ้างเจ็บป่วยตามประสาคนมีอายุ เกี่ยวกับสุขภาพนิดๆ หน่อยๆ เช่น ขาอ่อนแรง แต่อาก็ซื้อเครื่องออกกำลังกายมาให้ หรือพาเดินเล่นที่สวน”
“อาเป็นคนดีจัง พาพ่อแม่ไปเดินด้วย แต่พลอยใส ไม่มีใครเลย”
สาวสวยกล่าวด้วยเสียงเศร้าๆ ทำท่าจะร้องไห้ จตุพักตร์เห็นแล้วรู้สึกสงสาร เห็นใจ อยากจะดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ทำอย่างนั้นไม่ได้ อย่างมากก็แค่ดูห่างๆ และช่วยเหลือเมื่อเธอเดือดร้อน
เขาคิดว่าเย็นนี้จะต้องแอบตามติดเธอเพราะรู้ว่ายิ่งยศหาทางที่จะรวบหัว รวบหางเธอให้อยู่หมัดเพื่อกระทำการฮุบสมบัติ
“อย่าท้อ อย่าเสียใจ ถ้ามีปัญหาอะไร โทร. หาอา นี่นามบัตร”
จตุพักตร์ตัดสินใจยื่นนามบัตรให้กับหญิงสาว และแอบแตะปลายนิ้วเพียงเบาๆ ซึ่งเธอสะท้านไปทั้งตัว หลังจากสัมผัสกับเนื้ออุ่นแค่เพียงชั่ววินาที
“ขอบคุณค่ะ”
“อาจ่ายค่าน้ำให้ครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
หญิงสาวเกรงใจเขามากที่เสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อมีปัญหา ซึ่งเขาเองก็มีความสุขที่ได้อยู่ชิดใกล้
รู้แต่เพียงว่าคงอยู่นิ่งไม่ได้ ในเมื่อมีผู้ชายจ้องที่จะงาบเธออย่างนี้ เขาจะสู้จนหลังชนฝา ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาครอบครองเธอ
ยิ่งยศได้ดำเนินตามแผนที่วางเอาไว้ คือ ทำตัวเป็นกันเองกับหญิงสาว เข้ามาหาที่ร้าน นำขนม ของขบเคี้ยวมาให้ รวมทั้งเครื่องดื่ม แต่หญิงสาวระวังตัว กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย จึงไม่แตะต้องแม้แต่น้อย ดาเรศพยายามที่จะให้ดื่ม แต่ไร้ผล
“นี่นมเปรี้ยวชนิดใหม่เพิ่งออกนะเธอ คุณยิ่งยศมีน้ำใจซื้อมาให้”
“เอาไว้ก่อนเรายังไม่หิว เพิ่งจะดื่มสมูทตี้มะม่วงไปเมื่อครู่นี้เอง หิวเมื่อไหร่ เดี๋ยวดื่มเอง”
หญิงสาวปฏิเสธนุ่มๆ เพื่อไม่ให้ฝ่ายชายเสียน้ำใจ แต่ก็เห็นสีหน้าของเขาไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังยิ้มได้
“อย่างนั้น หลังจากร้านปิด ผมจะขอเลี้ยงข้าวคุณนะครับ”
“เลี้ยงข้าวหรือคะ ไม่รบกวนหรอกค่ะ”
“ยายพลอยใส อย่าปฏิเสธสิ คุณยิ่งยศเอาใจใส่ขนาดนี้ เราควรที่จะสนองบ้างนะ”
เพื่อนสาวเชียร์จนออกนอกหน้าขนาดนี้ ซึ่งก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีที่ปฏิเสธยิ่งยศหลายครั้ง อีกทั้งกลัวว่าเขาจะคิดมากที่เธอไม่เคยรับประทานของที่เขานำมาให้ และไม่เคยออกไปข้างนอกด้วยกัน
“หรือว่าคุณพลอยใสรังเกียจผม”
ยิ่งยศถามย้ำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีมากไปกว่าเดิมอีก
“ขอโทษค่ะ คือว่าพลอยใสเกรงใจ”
“ตัดความเกรงใจออกไปเลยครับ ถ้าเราจะคบกัน”
“หา คบกัน หมายความว่าไงคะ”
“ก็ความหมายบอกอยู่ในตัวแล้วไงครับ ว่าเราสองคนคบกัน”
ชายหนุ่มทำเสียงสั่นซ่าน ซึ่งทำให้พลอยใสไม่พอใจ แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้ เลี่ยงไปพูดอีกเรื่องหนึ่งเพื่อเป็นการเบี่ยงเบนประเด็น
“ในฐานะเพื่อนใช่ไหมคะ”
เจอคำถามแบบนี้ ยิ่งยศเกิดอาการอึ้งจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว ใจสั่น หวั่นไหว ทำอะไรไม่ถูก นอกจากมองหน้าดาเรศที่ยิ้มนิดๆ เหมือนหยัน เขาโกรธจนลมออกหู อยากจะบีบคอเธอให้แหลกเหลวเสียเดี๋ยวนั้น
ผู้หญิงคนนี้เลวเกินพิกัดจริงๆ ซึ่งทำให้เขาแค้นใจเป็นอย่างยิ่ง ได้เงินไปแล้วไม่น้อย และยังมาเยาะที่พลอยใสไม่ให้เขาสมรัก
“อย่างนั้นแหละครับ”
“ขอบคุณค่ะที่เห็นพลอยใสเป็นเพื่อนคนหนึ่ง”
“เพื่อน สามารถที่จะขยับฐานะขึ้นไปได้ใช่ไหมครับ”