บทย่อ
เขามีสตรีในดวงใจอยู่ข้างกาย ส่วนนางคือภรรยาเอกที่ต้องปรนนิบัติพ่อแม่สามีที่เมืองหลวง เรื่องราวสมควรเป็นเช่นนี้ แต่สวรรค์กลับส่งนางไปเจียงหนาน คิดว่านางจะระรานพวกเขาหรือ นางมีแต่สาบานว่าจะช่วยส่งเสริม!
บทนำ
หลังแผ่นดินต้าโจวถูกชะล้างด้วยเลือด ผ่านการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ ชาวบ้านในเมืองหลวงยังอกสั่นขวัญผวา แต่จู่ๆ จวนตระกูลเว่ยก็ส่งแม่สื่อไปเจรจากับตระกูลเมิ่ง ผ่านไปไม่กี่วันก็มีกำหนดงานมงคลออกมารวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้ผู้คนอดเกิดความสงสัยขึ้นมาไม่ได้ ทว่าพวกเขากลับไม่อาจหาข้อตำหนิใดๆ ยกขึ้นมานินทา ไม่ว่าจะเป็นเจ้าบ่าวเว่ยเฉวียนหรือโหว1ซื่อจื่อ2ผู้มีฉายาว่าจอมอหังการ คนผู้นี้เริ่มไต่เต้าด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่ตำแหน่งตูจวินดูแลทหารไม่กี่ร้อยนาย สร้างผลงานจากการปราบปรามโจรผู้ร้ายในแถบลุ่มน้ำจนได้รับตำแหน่งจวิ้นเว่ย3โดยปราศจากอำนาจจากสกุลเดิม เนื่องจากเว่ยฉางโหวไม่สนับสนุนให้บุตรชายก้าวเดินในเส้นทางขุนนางฝ่ายบู๊ ในขณะที่เจ้าสาวจากตระกูลเมิ่ง ซึ่งเป็นตระกูลบัณฑิตอันเก่าแก่และยังเกี่ยวโยงถึงอดีตฮองเฮานั้น ยิ่งเรียกได้ว่างดงามเพียบพร้อม ไม่ว่าศาสตร์ศิลป์ใดล้วนแตกฉานเป็นเลิศ ยังเสียงชื่นชมไม่ขาดสาย นางเปรียบเสมือนบุตรสาวข้างบ้านที่ไม่ว่าจวนใดก็ล้วนต้องยกขึ้นมากล่าวอ้างให้บุตรีของตนดูเป็นแบบอย่าง ดังนั้นแม้พวกเขาจะรู้ดีว่าบ่าวสาวที่เพิ่งได้รู้จักกันไม่ถึงเดือนนี้ปราศจากความรักใคร่แต่จำใจต้องแต่งงานเพราะถูกทางบ้านบังคับเป็นแน่แท้ แต่...
บุรุษหล่อเหลา หญิงสาวงดงาม อยู่ร่วมกันไม่นานย่อมก่อเกิดความรักผูกพันลึกซึ้ง
บรรยากาศงานเลี้ยงด้านนอกยังคงครื้นเครง ทั้งสองตระกูลนับว่าเป็นตระกูลใหญ่มีหน้ามีตาในเมืองหลวง ย่อมไม่แปลกที่จะมีแขกเหรื่อมาร่วมงานอย่างล้นหลาม บ้างก็มาเพราะความใคร่รู้ บ้างก็มาเพื่อพบปะสังสรรค์ เพราะเมืองหลวงไม่ได้จัดงานมงคลใหญ่มานาน ทว่าไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่างานเลี้ยงในวันนี้ที่แม้จะไม่ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่นั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศครึกครื้น แตกต่างจากความเยียบเย็นในห้องหออย่างไม่อาจประมาณ
หลังทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน บ่าวสาวถูกส่งตัวเข้าหอ ผ่านพิธีผูกผมคล้องแขนดื่มสุรามงคลและเปิดผ้าคลุมหน้าแล้ว เจ้าบ่าวก็ชักเท้าออกไปทันที
หากเป็นเจ้าสาวบ้านอื่นคงได้แต่นั่งน้ำตารื้น แต่เมิ่งเสี่ยวหรันยังคงยิ้มหน้าระรื่นพูดคุยกับสหายสนิทที่มาอยู่เป็นเพื่อนอย่างออกรสออกชาติ อีกทั้งในบทสนทนานั้นยังไม่มีคำใดเอ่ยอ้างถึงเจ้าบ่าวราวกับเขาเป็นเพียงแค่อากาศธาตุ กระทั่งส่งสหายกลับออกไป นางยังกินข้าวที่สาวใช้เตรียมให้ได้อีกสองชาม จากนั้นจึงสั่งให้คนมาช่วยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ยกขาเตรียมเข้านอน
เสียงเปิดปิดประตูทำให้ร่างระหงบนเตียงมงคลหยุดชะงัก เมื่อเหลือบตาขึ้นมอง สมองน้อยๆ ของนางพลันหยุดสั่งการขึ้นมากะทันหัน
คนที่กำลังยืนปักหลัก สีหน้าถมึงทึงผู้นั้นน่าจะเป็นเจ้าบ่าวหมาดๆ ของนาง
มิใช่เขารังเกียจนางจนอยากหลีกหนีให้ไกลหรอกหรือ
หรือเมื่อครู่ตอนเปิดผ้าคลุมเจ้าสาวได้เห็นใบหน้าสะคราญโฉมของนางแล้วเกิดถูกตาต้องใจ
อา...เรื่องนี้ออกจะยุ่งยากเกินไปแล้ว
หญิงสาวรีบเปลี่ยนท่านั่ง ก้มหน้าด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตัว
เว่ยเฉวียนทำเพียงยืนนิ่งสองมือไพล่หลัง วันนี้ชายหนุ่มสวมชุดมงคลสีแดงขับเน้นให้รูปร่างสูงโปร่งสง่างามชวนมอง ใบหน้าคล้ามคมสันที่ถูกแดดเผาจนเปลี่ยนผิวขาวลออเป็นสีทองแดงดวงนี้ล่อลวงสตรีที่มารอชมขบวนเจ้าสาวเมื่อเช้าได้ดีนัก ในอดีตเขาเองก็ขึ้นชื่อว่าเป็นชายหนุ่มสูงศักดิ์รูปงาม ทว่าหลังจากละทิ้งความสุขสบายไปรับตำแหน่งในถิ่นกันดารที่แม้แต่นกยังไม่บินไปขับถ่าย ใช้ชีวิตล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายปี ชื่อเสียงที่เลื่องลือจึงค่อยๆ สร่างซาลง
เขาไม่ได้กลับเมืองหลวงมาหลายปี ไม่คิดว่าเพิ่งเดินทางมาถึงกลับถูกสตรีไร้ยางอายวางอุบายจนทำให้เกิดงานแต่งงานในวันนี้ขึ้น
ดวงตาดำขลับจดจ้องเรือนร่างบอบบางที่นั่งอย่างสงบเสงี่ยมอยู่กลางเตียง รอบกายแผ่กลิ่นอายกดดันเกลียดชังเข้มข้น
เขาเกลียดเมืองหลวง ที่มากกว่านั้นคือจวนโหวที่เต็มไปด้วยความฟอนเฟะ อนุภรรยาของบิดากำเริบเสิบสาน มารดาเทิดทูนความรัก เคร่งครัดธรรมเนียมไม่ลืมหูลืมตา ไม่ว่าจะพยายามตักเตือนหรือชักชวนเท่าไร แต่มารดาก็ไม่ยอมละทิ้งสถานที่แห่งนี้ไป
สองขาเพรียวยาวก้าวผ่านประตูโค้ง ตั้งแต่กลับเข้ามาในห้องเจ้าสาวของเขายังนั่งนิ่งไม่ยอมขยับ ท่าทางบอบบางเสแสร้งของนางช่างชวนขัดหูขัดตานัก
“เจ้าคงรู้แล้วสินะว่าข้าได้รับพระราชโองการให้นำทัพ ”
เมิ่งเสี่ยวหรันแสร้งเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยดวงตาสั่นระริกที่ฉายให้เห็นความตกตะลึงระคนหวาดหวั่น
“ข้ามีธุระต้องไปจัดการ หวังว่าเจ้าจะรู้ที่ทางของตน”
“ท่านจะไปคืนนี้เลยหรือเจ้าคะ” เสียงของนางสั่นพร่าแผ่วเบาราวกับกำลังพยายามสะกดกลั้น...
ไม่ให้เผลอแสดงความลิงโลดผ่านสีหน้าออกมา
ใบหน้างามแหงนมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาคลอหยาดน้ำ
“ซื่อจื่อ ข้าขออวยพรให้ท่านได้รับชัยชนะกลับมาโดยเร็วนะเจ้าคะ” เสียงหวานที่เปล่งออกมาเจือสะอื้น
ชายหนุ่มนิ่งมองสีหน้าท่าทางห่วงหาราวกับมีความรักลึกซึ้งต่อเขาของนาง หากเปลี่ยนเป็นบุรุษอื่นอาจจะรู้สึกตื้นตันใจอยู่บ้าง ทว่าระหว่างนางกับเขาเคยผูกสมัครรักใคร่กันเมื่อใด หากไม่นับที่มารดาพยายามแนะนำและเยินยอคุณสมบัติที่เกินจริงของนาง เขาและสตรีผู้นี้ก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนแปลกหน้า ช่างเป็นสตรีที่เสแสร้งตลบตะแลงจริงๆ
น่าสงสารมารดาและตัวเขาที่ต้องมาติดอยู่กับหญิงมากมารยาเช่นนี้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเกลียดสตรีแบบใดที่สุด”
ก็แบบข้าเช่นไร นางตะโกนตอบอย่างรวดเร็วในใจ
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ใบหน้าหล่อเหลายามนี้หลบอยู่หลังเงามืดของตะเกียงยิ่งส่งให้ดวงตาดำทะมึนคู่นั้นน่าดึงดูด แต่ก็แฝงไว้ด้วยอันตรายที่ชวนให้คนมองขวัญหาย
คนงามกะพริบดวงตากระจ่างใส มองตอบสามีคล้ายไม่เข้าใจเจ็ดส่วน น้อยเนื้อต่ำใจสามส่วน
“ข้าไม่เข้าใจที่ท่านถามเจ้าค่ะ”
อย่างไรต้องแกล้งเซ่อให้ถึงที่สุด
เขาโน้มตัวลงมาจนใบหน้าคมอยู่ในระดับเดียวกับนาง ดวงตาสีดำดุดันคู่นั้นอัดแน่นไปด้วยความเดียดฉันท์
“ที่ข้าเกลียดที่สุดคือสตรีชอบเสแสร้งอย่างเจ้า พวกเรารู้จักกันยังไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ แต่ท่าทางราวกับห่วงหาอาวรณ์เสียเต็มประดานี่เจ้าคิดว่าสามีผู้นี้ปัญญาอ่อนหรือไร”
ใช่!
แน่นอนว่านางตอบในใจ
เมิ่งเสี่ยวหรันเหลือบตามองสีหน้าดำคล้ำกรุ่นโกรธของเจ้าบ่าวพลางร้องว่าแย่แล้วในใจ นี่นางร้องไห้ออกมาจากใจหาได้ใช้มารยาใดๆ แต่เหตุใดเขาถึงจับจุดได้ ต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่าง ทว่าภายนอกยังคงแสดงสีหน้าร้อนใจได้อย่างแนบเนียน
“ข้าไหนเลยจะกล้าคิดเช่นนั้น อีกอย่างที่ข้าอวยพรให้ท่านพี่ประสบชัยล้วนมาจากใจจริง หากท่านไม่เชื่อ ข้ากล้าสาบานด้วยชีวิต”
“หึ” เขาแค่นเสียงเย้ยหยันในลำคอขณะยืดตัวกลับไป เรือนร่างสูงใหญ่บดบังแสงเทียนคู่หงส์มังกรด้านหลัง ท่าทางน่าเกรงขามข่มขวัญเช่นนั้นยังจะใช่ท่าทางที่เจ้าบ่าวหมาดๆ มีให้เจ้าสาวเสียเมื่อไหร่
แต่เมิ่งเสี่ยวหรันหาได้ใส่ใจ
จะไม่ให้นางด่าว่าเขาปัญญาอ่อนได้อย่างไร ในเมื่อการอวยพรครั้งนี้มาจากใจ นางไม่เคยซื่อสัตย์ต่อเขาเท่านี้มาก่อน อ้อ... แม้ลึกๆ ในใจนางจะอยากสาปแช่งให้เขาตายในสนามรบใต้ดาบของกลุ่มโจรกบฏที่หูเป่ย แต่อย่างน้อยนางก็ยังรู้ผิดชอบชั่วดี หากเว่ยเฉวียนมาด่วนจากไปย่อมส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของนางว่ามีดวงกินสามี และที่สำคัญยังส่งผลเสียต่อแว่นแคว้น นางไม่ใช่คนสมองกลวงเสียหน่อย
ดวงตาทั้งสี่สอดประสาน ชายหนุ่มมองท่าทางไร้เดียงสาและอับจนปัญญาราวกับกำลังตัดพ้อต่อว่านั้นด้วยสีหน้ารำคาญ ก่อนจะหมุนตัวสะบัดชายเสื้อจากไปอย่างไม่ไยดี
เมิ่งเสี่ยวหรันเห็นเขาก้าวยาวๆ ราวกับกำลังหลีกหนีก็พ่นลมหายใจเหยียดยาว
“แสดงท่าทางน่าเกรงขามให้ผู้ใดดูกัน คิดว่าข้า...”
ร่างสูงที่กำลังจะยกขาข้ามธรณีประตูหยุกชะงักพลางเอี้ยวตัวหันกลับมา
เจ้าสาวหมาดๆ รีบฉีกยิ้มให้เจ้าบ่าวทันที
“ขอให้ท่านพี่เดินทางโดยสวัสดิภาพ”
ไปแล้วไปลับไม่ต้องกลับมา!