...วุ่นวายนักจู่ๆ มีพ่อเป็นซุปตาร์...บทที่1.
...วุ่นวายนักจู่ๆ มีพ่อเป็นซุปตาร์...
วรดร เขียน
บทนำ
ฉันผู้ซึ่งโตมาท่ามกลางพี่น้องนับไม่ถ้วน เพราะอะไรนะเหรอ เพราะฉันเติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้าไงล่ะ แตกต่างแค่นิดเดียว ฉันไม่ได้กำพร้าทั้งพ่อ และแม่ เหมือนพี่น้องคนอื่นๆ ฉันกำพร้าแค่พ่อ มีแม่ผู้ซึ่งเป็นผู้ดูแลสถานสงเคราะห์แห่งนี้มาตั้งแต่เกิด
ฉันพยายามถามแม่มาตลอดนับตั้งแต่จำความได้ คำตอบเดียวของฉันคือความเงียบ...
ก็พยายามทำความเข้าใจและยอมรับความจริงแล้วนะ ฉันจะมีอายุเต็มสิบแปดปีแล้ว นั่นหมายความว่าฉันสามารถดูแลตัวเองได้มากกว่าเดิม ฉันเลยตั้งใจ จะออกไปควานหาความจริง
ไม่มีทางที่ฉันจะเกิดมาโดยไม่มีพ่อ ตามหลักความจริงบนโลก แม่ฉันต้องมีความสัมพันธ์ทางกายกับผู้ชายแม่ถึงจะอุ้มท้องมีฉันได้ นั่นคือสิ่งที่ฉันเรียนผ่านตำรามาเลยนะ แม่คงมีเหตุผลแหละ และฉันเองก็มีเหตุผลเช่นกัน ฉันแค่อยากรู้เท่านั้นเอง พ่อฉันเป็นใคร? ฉันไม่ได้ต้องการไปทวงถามความรับผิดชอบจากเขาเสียหน่อย ฉันโตเกินกว่าที่จะแบมือขอสตางค์ของแม่ และพ่อแล้วนี่นา
บทที่1.ฉันกับแม่และโลกของฉัน
ในทุกๆ วันความโกลาหลในบ้านกลายเป็นเรื่องชินชาสำหรับฉันแล้วล่ะ ฉันตื่นนอนมาพบกับความวุ่นวายและเสียงเจี๊ยวจ้าวของบรรดาน้องๆ ที่มีมากกว่าสิบชีวิต แม่ฉันไม่ได้มีลูกดกหรอกนะ เพียงแค่แม่ฉันเป็นเจ้าของสถานสงเคราะห์ที่ต้องรับเด็กไร้บิดา มารดามาอยู่ในความดูแล เท่าที่จำความได้ ฉันมีพี่น้องร่วมร้อยคนแล้วมั้ง
“เอล ลงมาช่วยแม่หน่อยสิ สายแล้วนะ”
ฉันบิดขี้เกียจ สะบัดผ้าห่ม ฉวยเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอนลายการ์ตูนชุดเก่ง แล้วก็เดินหน้ายับลงมาด้านล่าง
“ล้างผักพวกนั้นหั่นใส่ตะกร้า แล้วก็ออกไปกำราบเด็กๆ ด้านนอกให้ลดเสียงลงด้วย ก่อนที่ป้าข้างบ้านจะมากดกริ่งด่า”
แม่สั่งรัวเป็นปืนกล ฉันเลยหมุนตัวเดินออกไปที่ห้องโถง ที่นั่นกำลังมีสงครามย่อมๆ เกิดขึ้น พื้นเต็มไปด้วยของเล่นและเด็กๆ กำลังส่งเสียงเจี๊ยวจ้าวกันอยู่
“เงียบ!” ฉันตะโกน ฉวยกระป๋องน้ำที่วางอยู่บนพื้นมาถือไว้ พร้อมกับกวาดตามองหาตัวช่วย “ถ้าไม่อยากอาบน้ำเย็นตอนนี้ หยุดส่งเสียงได้แล้ว พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ” ไม่กวาดด้ามยาวรวมทั้งถังน้ำในมือ สยบเสียงที่ดังสนั่นเกือบแก้วหูลั่นลงได้ในทันที
อากาศไม่เย็นเท่าไหร่หรอก แต่ตอนเช้าแบบนี้น้ำในถังเย็นฉียบเชียวแหละ หากไม่อยากหนาวตาย เด็กๆ ควรรีบสงบปาก
“พี่เอลใจร้าย”
มีเสียงบ่นพึม “พี่ใจดีกว่าป้าสมรเยอะแยะ”
ป้าสมรอยู่ข้างบ้าน เป็นมนุษย์ป้าตามตำนานและสมบูรณ์แบบที่สุด ชอบสอดส่องเหมือนอยู่ในรั้วบ้านเดียวกัน นินทาได้แม้แต่เรื่องไม้จิ้มฟันยันสากกะเบือ หนียังไงก็ไม่พ้น เพราะป้าว่างงาน มีเวลาทั้งวันสำหรับเก็บข้อมูล แล้วนำไปกระจายข่าวให้เพื่อนบ้านคนอื่นรู้
ฉันโดนหนักสุดเพราะฉันไม่ยอมถูกนินทาฟรี
วันไหนที่มีเรื่องเกี่ยวพันกับฉันเข้าหู วีรกรรมของป้าข้างบ้านก็จะพร่างพลูออกจากปากฉัน เข้าหูทุกคนในหมู่บ้านเช่นกัน
งานอดิเรกที่คนสูงอายุชอบนักหนาไงล่ะ
เรื่องการฝึกสมองด้วยการนับเลข...ป้าสมรมักจะเปิดบ้านเป็นวงไพ่เล็กๆ วันไหนที่แกมีสมัครพรรคพวกมาเยือน ก็จะไม่เห็นแกนั่งชะเง้อชะแง้อยู่หน้าบ้านนั่นไง
ฉันยังไม่อยากทำบาป ฉันเลยแสร้งเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่อย่างนั้นเหรอ สมัครพรรคพวกของแก คงได้วิ่งหนีตาแหก ฉันขู่ว่าจะแจ้งความ หากป้าคุกคามแม่ของฉันมากไปกว่านี้อีก
“ไปๆ เข้าไปช่วยแม่ทำกับข้าวเช้าเถอะ ส่วนเราน่ะ มาช่วยพี่เอาผ้าลงถัง”
โชคดีที่เด็กรุ่นนี้ไม่มีเด็กเล็กขนาดช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มีเด็กโตพอให้แบ่งเบาภาระเรื่องงานบ้านได้แล้ว ช่วงนี้โรงเรียนปิดเทอมเลยวุ่นวายมากหน่อย หากเป็นช่วงที่โรงเรียนเปิด กลางวันคือเวลาที่แม่ได้พัก
แม่ฉันนับว่าเป็นหญิงแกร่งทีเดียว แม่กัดฟันเลี้ยงฉันมา ไม่ปริปากบ่นให้ได้ยินสักคำ คำนินทาเป็นเพื่อนสนิทกับแม่เชียวล่ะ ก็มีเพื่อนบ้านอย่างป้าสมรไง กว่าฉันจะโตแม่คงชินชากับเรื่องแย่ๆ ที่ป้ามหาภัยเอาไปโพนทะนา ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันแม่จะอมพะนำเรื่องพ่อฉันไว้ทำไม