EPISODE3
วิศวะล่ามรัก
(Engineer'n Sassy Girl)
EPISODE3
“คือ...เอาแบบนี้ไหมคะ คุณปฏิภัทรคะถ้าคุณมีเงิน ก็ช่วยสำรองจ่ายไปก่อนได้ไหมคะ ส่วนขิม...ขิมขอผ่อนค่ะ ขอผ่อนสักยี่สิบสี่งวดศูนย์เปอร์เซ็นต์”
สาวสวยอ้อมแอ้มบอกเขา ทำให้ชายหนุ่มได้แต่นิ่งไป นิ่งเสียจนเธอกลัวว่าเขาจะโทรตามตำรวจมาจับเธอข้อหาพยายามฆ่าจริง ๆ
“เห็นแบบนี้...ผมเองก็เป็นคนใจบุญด้วยสิ ผมจะสำรองจ่ายให้คุณก่อนก็ได้ ถ้าคุณรับปากว่าจะดูแลผมจนกว่าจะหาย ส่วนเรื่องการผ่อนจ่ายเราค่อยคุยกันหลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาลดีไหม” ปืนใหญ่เอ่ยเสียงเนิบ ทำให้คนฟังเผยยิ้มออกมาทันที
“จริงเหรอคะ! ขิมกะแล้วคุณต้องเป็นคนมีเมตตา” สายขิมเอ่ยออกมาอย่างดีใจ กลีบปากอิ่มสวยขยับยิ้มร่าจนแววตาสะท้อนประกายวาววับ ที่คิดว่าเขาเหมือนหัวโจกนักเลงขอยกเลิกชั่วคราวแล้วกัน
เวลาต่อมา...หลังจากที่สาวสวยจัดการนำบัตรเครดิตของปืนใหญ่ไปชำระค่ารักษาและค่าห้องพักเรียบร้อยแล้ว บุรุษพยาบาลก็ได้พาตัวเขามาส่งที่ห้องพักฟื้น ซึ่งสายขิมได้มารอเขาที่หน้าห้องก่อนแล้ว ในขณะที่เธอกำลังจะเดินตามเขาเข้าไป พยาบาลก็ได้นำเสื้อผ้าของโรงพยาบาลมาส่งให้เธอ
“ญาติเฝ้าเองใช่ไหมคะ อันนี้เป็นเสื้อผ้าของคนไข้ค่ะ ทั้งหมดสองชุด เสื้อที่เปลี่ยนออกสามารถใส่ไว้ในตะกร้าสีฟ้าในห้องน้ำได้เลยนะคะ ถ้าต้องการความช่วยเหลือหรือติดต่อพยาบาลสามารถกดปุ่มข้างเตียงได้เลยค่ะ” พยาบาลประจำเคาน์เตอร์ส่วนห้องพักผู้ป่วยชายอธิบายบอกเธอ
“อ่อ ขอบคุณนะคะ” สายขิมได้แต่รับเสื้อผ้ามา ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย ก็เห็นว่าบุรุษพยาบาลได้ส่งคนเจ็บขึ้นเตียงเรียบร้อยแล้ว
“ลำบากหน่อยนะที่ต้องมาดูแลผม” ปืนใหญ่เอ่ยขึ้น ทำให้สาวสวยได้แต่ทำหน้าสำนึกผิดให้เห็น
“ขิมตีคุณนี่นา ทำผิดก็ต้องรับผิดชอบสิคะ ว่าแต่คุณมีชื่อที่เรียกง่ายกว่าปฏิภัทรไหมคะ” เธอเอ่ยถาม จะให้เรียกแบบนี้ไปตลอดการเฝ้ามันก็ดูทางการแปลก ๆ เขาก็น่าจะมีชื่อเล่นแหละน่า
“ถ้าหมายถึงชื่อเล่น ชื่อปืนใหญ่ คุณล่ะ” ปืนใหญ่บอกชื่อของเขา และไม่ลืมถามเธอกลับ
“ขิม...ชื่อสายขิมค่ะ เรียกขิมเฉย ๆ ก็ได้ แต่ว่าคุณอายุเท่าไหร่คะ ขิมอยู่ปีหนึ่งค่ะ คุณยังเรียนไหมคะ ถ้าคุณเรียน คุณอยู่ปีอะไรคะ เป็นเอ่อ...” สายขิมที่เอ่ยแต่คำถามไม่หยุด ทำให้ชายหนุ่มหัวคิ้วขมวดมุ่นให้เห็น จนเธอต้องเงียบปากตัวเอง และปล่อยให้เขาตอบคำถามบ้างจะดีกว่า
“ผมยังเรียน อยู่ปีสี่ เป็นรุ่นพี่สินะ” ปืนใหญ่ว่า ทำให้เธอพยักหน้าหงึก ๆ รับรู้ทันที ท่าทางช่างจ้อราวเด็กน้อยของเธอที่ดูขัดกับลุคสุดเซ็กซี่ขยี้ใจผู้ชาย ทำให้ปืนใหญ่ได้แต่แค่นเสียงในคอเบา ๆ
“ถ้าอย่างนั้น...ขิมต้องเรียกว่าพี่ปืนใหญ่สินะ นี่ค่ะเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยนะคะ” สายขิมได้แต่พึมพำ แล้วเดินเอาเสื้อของโรงพยาบาลมาส่งให้เขาเปลี่ยน
“แล้วแต่เราเลย” ปืนใหญ่ว่าก่อนจะเลิกชายเสื้อที่สวมอยู่ขึ้นสูง จนเห็นกล้ามท้องแน่นขนัดเป็นลอนลูก นั่นทำให้สาวสวยได้แต่เบิกตาโต
“เดี๋ยวค่ะ! ห้ามถอดตรงนี้ พี่ควรไปถอดในห้องน้ำสิ ขิมเป็นผู้หญิงนะ...นี่!” เธอร้องห้ามแล้วยกมือข้างหนึ่งปิดตาตัวเอง ทำให้ปืนใหญ่ได้แต่แค่นเสียงหยัน แล้วจัดการถอดเสื้อโยนไปให้เธอรับ...พรึบ!
“เฮือก! บอกว่าอย่าถอดไง” สาวสวยได้แต่หน้าร้อนฉ่าที่เขาไม่ยอมฟังเธอเลย แล้วดูกล้ามท้องนั่นเถอะ ทำไมมันถึงได้แน่นขนาดนั้นล่ะ หน้าอกเขามันตึงมากเลย เขาต้องเข้ายิมบ่อยแน่เลย
“เมื่อกี้เห็นเอามือปิดตา แต่ตอนนี้เราจ้องจนกระดุมกางเกงพี่จะหลุดแล้วนะ” ปืนใหญ่เอ่ย แล้วกระตุกยิ้มที่มุมปากจาง ๆ เมื่อเห็นว่าเธอจ้องมองกล้ามท้องของเขาจนแววตาเป็นประกายทีเดียว
“ฮะ! ไม่ได้จ้องขนาดนั้นสักหน่อย จริง ๆ กำลังชมพี่อยู่ในใจว่าพี่หุ่นดีมากเลย...ค่ะ!” เธออ้อมแอ้มบอกเขา ขณะที่ชายหนุ่มเริ่มปลดกระดุมกางเกง นั่นทำให้สายขิมรีบหมุนตัวยืนหันหลังให้เขาทันที ผู้ชายคนนี้คิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเธอจริง ๆ เหรอ เขาไม่อายแต่เธออายนะ แล้วเธอกับเขาก็ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นที่เขาจะทำแบบนั้นด้วย
“ไหนกางเกง” น้ำเสียงห้าวต่ำที่ดังอยู่ใกล้ ๆ ทำให้สายขิมยื่นมือที่ถือกางเกงโรงพยาบาลส่งไปข้างหลังโดยไม่ยอมหันไปมองเขา
“นี่ค่ะ!”
“อ๊ะ!” แต่พอส่งกางเกงไป เสียงของปืนใหญ่ก็ร้องออกมาเบา ๆ ครั้งหนึ่ง ในขณะที่สาวสวยได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อเธอรู้สึกว่ามือดันไปกระแทกโดนอะไรสักอย่างที่มันไม่ใช่มือของเขา
“พะ...พี่ร้องทำไม” สายขิมได้แต่เอ่ยถามเขา
“มือเรากระแทกโดนปืนพี่” ปืนใหญ่ตอบมา ทำให้เธอได้แต่เบิกตาโตอย่างตกใจ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปหาเขา ก็พบว่ารุ่นพี่หนุ่มลงจากเตียงมายืนอยู่ใกล้เธอขนาดนี้เชียวเหรอ และทั้ง ๆ ที่เธอสวมรองเท้าส้นสูงสามนิ้วอยู่ แต่เขาก็ยังสูงกว่าเธอมาก หัวเธออยู่แค่ระดับบ่าของเขาเอง นี่เขาสูงเท่าไหร่เนี่ย
“นี่พี่พกพาอาวุธปืนมาโรงพยาบาลเหรอคะ แต่ว่า...ที่ขิมโดนมันก็ไม่ได้แข็งขนาดนั้นนะ” สายขิมย้อนถามเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อหู เขาพกปืนมาโรงพยาบาลทำไม หรือกะจะฆ่าเธอทิ้งถ้าเธอไม่ยอมรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลให้เขา
“มันยังไม่แข็งไง” ปืนใหญ่พึมพำ แล้วคว้ากางเกงไปสวม นั่นทำให้สาวสวยได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย
“ปืนอะไร...ปืนอะไรของพี่น่ะ ปืนมัน...แข็งได้อ่อนได้เหรอ ขิมไม่เคยได้ยิน” สายขิมที่ทบทวนคำพูดของเขาไปมา ได้แต่หันกลับมามองสบตากับรุ่นพี่หนุ่มซึ่งถอยกลับไปนั่งลงที่เตียงแล้ว
“ปืนพี่นี่แหละที่แข็งได้...อ่อนได้” เขาตอบอย่างหน้าตาเฉย สายตาคู่คมก็มองสบตาสาวสวยนิ่ง ปืนใหญ่อยากรู้จริง ๆ ว่าที่เธอทำเหมือนไร้เดียงสาอยู่นี้ มันเป็นเพราะเธอไม่รู้จริง ๆ หรือเธอแค่มารยาใสซื่อหลอกตาเขา
“ถ้าโดนปืนก็แล้วไปค่ะ ขิมคิดว่าเผลอทำพี่เจ็บตัวอีก นี่ก็ดึกแล้วพี่เพิ่งเย็บแผลมา ขิมว่าพี่นอนพักเถอะ ขิมจะเฝ้าพี่ตรงนี้” สายขิมตัดบทใส่เขาเสียอย่างนั้น ก่อนที่เธอจะเดินไปลากเก้าอี้มานั่งลงที่ข้างเตียง
“หนาวไหม ไปนอนตรงโซฟาก็ได้ มีหมอนกับผ้าห่ม” ปืนใหญ่ว่าเมื่อเธอทิ้งตัวนั่งลง เขาที่นั่งอยู่สูงกว่าก็เห็นว่าคอเสื้อครอปเอวลอยของเธอมันเผยออ้าออกจนเขามองเห็นร่องอกและเนินอวบอัดนั่นชัดเลย ไอ้กระโปรงสั้น ๆ นี่ก็ด้วย พอนั่งแล้วชายมันร่นขึ้นสูงกว่าตอนยืนเสียอีก ที่เธอเลือกมานั่งตรงนี้ คงไม่ได้ตั้งใจจะอ่อยเขาใช่ไหม
“ไม่ต้องนั่งเฝ้าได้เหรอคะ พี่ใจดีจัง ถ้าอย่างนั้นขิมไปที่โซฟานะ ตรงนี้แอร์แรงจนมือขิมเย็นไปหมดแล้ว ถ้าพี่มีอะไรก็เรียกขิมได้เลยนะ” สายขิมเอ่ยด้วยรอยยิ้มยินดีที่เขาบอกว่าเธอไปเฝ้าตรงโซฟาก็ได้
“เหอะ!” พอเธอตอบรับมาแบบนั้นปืนใหญ่ก็ได้แต่ส่งเสียงในคอเบา ๆ มองดูเจ้าของร่างระหงเดินไปหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างสวยไว้
“จริงสิ พรุ่งนี้เรามีเรียนกี่โมง เรียนมหา’ลัยไหน ไกลจากที่นี่ไหม” ปืนใหญ่เอ่ยถาม เพราะพรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ คิดว่าเธอคงต้องไปเรียน
“ขิมเหรอ...ขิมเรียนที่ซีเอสค่ะ พรุ่งนี้มีเรียนเก้าโมง เลยว่าจะรอดูอาการพี่ตอนเช้าก่อน ถ้าพี่โอเคขิมก็จะไปเรียน แล้วค่อยกลับมาเฝ้าพี่ต่อค่ะ” สายขิมอธิบายให้เขาฟังถึงเรื่องที่เธอได้คิดไว้บ้างแล้วว่าพรุ่งนี้จะไปทางไหนต่อ
“ที่เดียวกัน ถ้าเราจะไปเรียนก็ไปเถอะ เลิกเรียนค่อยมาแล้วกัน” ปืนใหญ่ว่าทำให้เธอขยับยิ้มรับ
“พี่ใจดีจัง ทั้ง ๆ ที่ขิมทำพี่เจ็บตัวแท้ ๆ” เธอเอ่ยอย่างขอบคุณเขา ทำให้ชายหนุ่มได้แต่เอนตัวลงนอนและไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบเธออีก...เขาเหรอใจดี