4
เกริกเดินขึ้นห้องไปพักผ่อน เขานอนคนละห้องกับเธอ ฟ้าลดาได้แต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ในห้องนั่งเล่น มองตามร่างสูงของเกริกที่หนีไปอย่างไม่แยแสแล้วใจแป้ว
“ฟ้าลดา เธอต้องสู้ ๆ นะ ความดีจะเอาชนะทุกอย่าง” ถ้าเป็นคนอื่นคงรำคาญในความไม่เอาไหนของเธอ เธอไม่โทษเกริกหรอกที่เขาจะรำคาญความไม่เอาไหนของเธอ แต่ต่อไปเธอจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
ฟ้าลดานั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเป็นนาน ก่อนจะแอบย่องขึ้นไปชั้นบนของบ้าน เธอไม่ได้กลับไปที่ห้องตัวเองแต่ไปที่ห้องของเกริกแทน เขาไม่ได้ล็อกห้อง เธอจึงแอบเปิดประตูเข้าไปในห้องของเขาได้โดยง่าย
เห็นว่าเขากำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง ท่าทีของเขาบ่งบอกว่ากำลังหลับสนิท เพราะลมหายใจของเขาที่สม่ำเสมอและใบหน้าที่ผ่อนคลายของเขาทำให้เธอยิ้มออกมา
หลายปีก่อนเขาเคยช่วยเธอเอาไว้ ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เขาคือผู้มีพระคุณ ช่างเถอะเขาทำไม่ดีเพราะมีเหตุผล เธอจะไม่ถือโทษโกรธเขาเป็นอันขาด
ฟ้าลดาค่อย ๆ ผ่อนร่างนอนลงบนเตียงกว้างของเขา เธอนอนตะแคงไปทางเขา เพื่อที่จะมองหน้าของเขาให้ชัดเจน
เวลาเกริกนอนหลับแบบนี้เขาดูผ่อนคลาย ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงหลายเท่า
ฟ้าลดาทำท่าจะยื่นมือไปจิ้มแก้มของเขา แต่เธอก็ต้องชะงักมืออยู่ตรงนั้น เพราะถ้าหากเธอทำแบบนั้นเขาก็อาจจะตื่นเอาได้ และเธอก็อาจจะมีปัญหากับเขาอีก
เธอนอนมองเขาอยู่แบบนี้ จะดีกว่ารบกวนให้เขาตื่นกลางคัน
ดวงตาคมดุที่ลืมตาขึ้นมองทำให้ฟ้าลดาตกใจเล็กน้อย เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็ขยับหนีลุกจากเตียงแทบจะทันที
ฟ้าลดากัดปาดตัวเองด้วยความรู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำที่แสนเย็นชาและสายตาที่รังเกียจเดียดฉันนั้นเสียเหลือเกิน
“เข้ามาทำอะไรในห้องผม” เขาเอ่ยถามอย่างเย็นชา
“ฟ้าเอ่อ...” เธออึกอัก รู้สึกเหมือนผู้หญิงไร้ยางอายที่ผู้ชายไม่อยากได้แต่ยังตื๊อเขาอยู่นั่น
“ไสหัวออกไปได้แล้ว แค่เห็นหน้าก็รังเกียจ”
“ทำไมต้องพูดกับฟ้ารุนแรงขนาดนี้ด้วยคะ”
“นี่ยังน้อยไป คนเขารังเกียจยังจะเสนอหน้าอยู่อีก ถนนคอนกรีตกับหน้าของคุณนี่อะไรหนากว่ากัน ผมอยากรู้นัก”
“ฟ้าก็แค่เป็นห่วง เห็นเกริกทำงานอยู่ตั้งหลายวันเพิ่งออกมาจากห้องทำงานคงจะเหนื่อย”
“ที่ผมทำงานเพราะผมหาเงินมาใช้หนี้พี่ชายคุณไง และตอนนี้ก็ได้แล้ว และผมก็ไม่จำเป็นต้องไปเป็นลูกน้องพี่ชายของคุณหรือลูกน้องใครอีก”
“หมายความว่ายังไงคะ” ฟ้าลดาเอ่ยถาม
“ตกใจเหรอที่ผมมีเงินใช้หนี้ ไม่ต้องอยู่ใต้ฝ่าเท้าของพี่ชายคุณอีก”
“ฟ้าไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะคะ”
“เหอะ! น้อยไปล่ะสิไม่ว่า” เกริกกวาดสายตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างแสนเกลียดชัง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีวันรักผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่คอยแต่อิจฉาคนอื่น ทำตัวปัญญาอ่อนง่องแง่งไร้สาระ แล้วก็ขี้ฟ้อง ให้พี่ชายกางปีกปกป้องเวลาทำความผิดอะไร หรือไม่ก็ให้พี่ชายเอาเงินฟาดหัวคนอื่นเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
“ทำไมเกริกถึงมองฟ้าในแง่ร้ายขนาดนั้น” ฟ้าลดาน้ำตาซึม เธอดูเหมือนคนไร้ค่าขนาดนั้นเชียวหรือ หญิงสาวรู้สึกเวทนาตัวเองยิ่งนัก ที่ทำดีเท่าไหร่เขาก็ไม่เคยเห็นคุณค่า เขาเห็นแต่ความไม่ดีของเธอเพียงเท่านั้น
“ไสหัวออกไปจากห้องของผมได้แล้ว” เขาไล่อีกครั้ง ในขณะที่ฟ้าลดาได้แต่ยืนบื้อ เขาจึงดันแผ่นหลังของเธอออกไปจากห้อง และปิดประตูใส่หน้าของเธอโครมใหญ่
หญิงสาวยืนอึ้งอยู่หน้าห้องของเขา ก่อนจะเดินคอตกจากไป เธอไม่ได้เห็นเขาอีกในเย็นวันนั้น มื้อเย็นเธอจึงกินข้าวกินปลาอยู่คนเดียว กินไปได้สองสามคำก็ถึงกับอิ่ม เพราะกินอะไรไม่ลง
ฟ้าลดานอนร้องไห้อยู่คนเดียว นี่น่ะหรือชีวิตการแต่งงาน หญิงสาวถามตัวเองอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ หรือว่าความรักของเธอมันมาจนสุดทางเสียแล้ว เธอไม่ควรยื้อมันเอาไว้อีกต่อไปแล้ว
เธอหลับไปทั้งน้ำตา ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็สายมากแล้ว พอลงมาด้านล่างก็เห็นว่าบ้านเงียบกริบ
“คุณเกริกยังไม่ลงมาเหรอจ๊ะ” ฟ้าลดาเอ่ยถามแม่บ้านด้วยท่าทีเหนื่อยล้า
“คุณเกริกเธอไปแล้วน่ะค่ะ”
“ไปไหนคะ” ฟ้าลดาเอ่ยถามอย่างตกใจ
“คุณเกริกบอกว่าจะกลับไปทำงานน่ะค่ะ ฝากบอกคุณฟ้าว่าอย่าโทร. ไปกวนใจเธอค่ะ”
“เหรอจ๊ะ” ฟ้าลดาทรุดตัวนั่งลงอย่างอ่อนแรง คนไร้ค่าแบบเธอสมควรแล้วที่เขาจะทิ้ง
“คุณฟ้าจะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ”
“ยังไม่ค่อยหิวเลยค่ะ จะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะค่ะ” ฟ้าลดาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ทำให้เมตตานึกสงสารไม่น้อย
เกริกนำเงินจากการเล่นหุ้นไปลงทุนเปิดบริษัทโฆษณากับเพื่อนที่รู้จักกันมานานหลายปี เขาเองอยากมีบริษัทเป็นของตัวเองมานานแล้ว เพื่อนชักชวนเล่นหุ้นและเขาก็ศึกษามานานหลายปี จนในที่สุดก็สามารถทำเงินได้จากหุ้นตัวที่เขาศึกษามานาน ช้อนซื้อแล้วเทขาย ซื้อแล้วขาย กับเพื่อนที่ศึกษาเรื่องหุ้นมาด้วยกัน จนสุดท้ายเขาก็ได้เงินจากมันมาเป็นกอบเป็นกำ
ไม่มีอะไรง่ายเลย แต่เวลาที่เสียไปกับการศึกษาหาความรู้ และความพยายามทำให้เขาไม่เสียเปล่า
เกริกกับกวินทำงานอย่างแข็งขันและบริษัทก็ไปได้สวย เกริกทำงานอย่างหนักและนำเงินไปให้มารดาใช้หนี้ทั้งหมดที่พวกท่านหยิบยืมมาจากอัคคี
ฟ้าลดายังอยู่บ้านไร่ เพราะเธอไม่รู้จะไปไหน หญิงสาวใช้ชีวิตไปวัน ๆ ในขณะที่พี่ชายโทร. มาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบแทบจะทุกวัน เธอก็บอกไปตามตรงว่าเกริกไปทำงาน แต่รายละเอียดนั้นเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักอย่าง
“นายเกริกเปิดบริษัทโฆษณาของตัวเอง เรารู้หรือเปล่า” อัคคีเอ่ยถามน้องสาว
“ฟ้าไม่ค่อยรู้หรอกค่ะ เกริกแค่บอกว่าจะไปทำงาน”
“น่าจะไปได้สวยนะ” อัคคีพูดเหมือนเล่าให้น้องสาวฟัง เขาก็คอยตามดูชีวิตของน้องสาวกับน้องเขยอยู่ตลอด ฟ้าลดาเองก็เหมือนจะรู้ จึงให้เมตตาโกหกพี่ชายไปว่าเธอสบายดี และเกริกก็แค่ไปทำงานไม่ได้มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน
“เหรอคะ” เธอแอบดีใจที่เขาประสบความสำเร็จมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
“พี่ไฟคะ” ฟ้าลดาเรียกพี่ชายเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายคุยอะไรกับเธออีกมากมาย
“มีอะไรครับ” น้ำเสียงอบอุ่นของพี่ชายทำให้ฟ้าลดาน้ำตาซึม ก่อนหน้านี้เธอเป็นน้องที่ไม่ดีเอาเสียเลย คอยแต่จะทำให้พี่ชายต้องทุกข์ใจลำบากใจและทำตัวเป็นภาระ
“ฟ้าขอโทษนะคะที่แล้ว ๆ มา ที่ทำให้พี่ต้องทุกข์ใจในหลายๆ เรื่อง”
“คิดมาก เราเป็นน้องสาวพี่ มีอะไรพี่ก็ต้องช่วยเราอยู่แล้ว”
“พี่ไฟคะ พี่ไฟให้พ่อแม่ของเกริกยืมเงินเหรอคะ”
“ใช่ครับ แต่มันนานมาแล้ว พ่อแม่ของเกริกอยู่ไม่ไกลจากไร่ของเรา และพี่ก็รู้จักพวกท่านดี ในฐานะเจ้านายของเกริก พี่เลยช่วย”
“ค่ะ” ฟ้าลดาซึ้งใจที่พี่ชายคอยช่วยเหลือเธออยู่เสมอไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม
“ขอบคุณพี่ไฟมากนะคะ” ฟ้าลดารู้ดีว่าพี่ชายรักเธอมาก ที่เขาช่วยเหลือพ่อแม่ของเกริกก็คงเพราะเธอ แต่เธอเองก็อยากจะให้เกริกเข้าใจด้วยว่าพี่ชายของเธอไม่ได้ทำลงไปเพื่อหวังผลอะไรนอกจากอยากช่วยจริง ๆ เท่านั้น