๒.๔ เล่ห์ร้ายจอมเผด็จการ
“ใช่...แบบนี้ล่ะ”
“คุณเอเดน!”
“หันไปสิ เดี๋ยวปืนลั่นใส่ผมไม่รู้ด้วยนะ” เอเดนแกล้งขู่ หลังเห็นดวงตาเรียวหวานมีแววเคืองขุ่นขึ้นจากที่ถูกเขาขโมยจูบเมื่อครู่นี้
“คุณลวนลามนิ่มอีกแล้วนะคะ” แม้หันไปแล้วแต่รดาดาวก็ยังตำหนิเขาอยู่ดี
“นิดๆ หน่อยๆ เองน่า ไม่เห็นจะมีอะไรสึกหรอเลย จะหวงเอาไว้ให้ใครหือ” เขาถามกระเซ้าแล้วขบใบหูสะอาดของเธอเบาๆ
“ถ้าคุณยังลวนลามนิ่มอีก นิ่มจะหันมาเล็งปืนใส่หัวใจของคุณ” เสียงหวานขู่ฟ่อโดยที่ไม่กล้าหันมาเพราะกลัวจะถูกหอมแก้มเอาอีก
“ดุซะด้วย” ดวงตาคมเข้มพราวระยับ “งั้นเรามาพนันกันไหมว่าคุณจะกล้ายิงผมหรือเปล่า”
“บ้า! คุณนี่ ใครเขาให้เล่นปืนผาหน้าไม้กันคะ โบราณเขาถือนะ”
“แสดงว่ากลัวผมจะตายจริงๆ ใช่ไหม” ชายหนุ่มได้ทีถามเหมือนอ้อน ทำเอาสาวน้อยใจแกว่งอีกจนได้
“ใครว่า นิ่มแค่ไม่อยากเป็นผู้ร้ายฆ่าคนและไม่อยากตกนรกต่างหากล่ะคะ”
ใบหน้าหล่อเหลาเผยยิ้มละไม “ผมรู้น่าว่าผู้หญิงนุ่มนิ่มแบบนี้ไม่กล้าทำร้ายใครหรอก”
“และที่สำคัญไม่ร้อนแรงพอสำหรับคุณด้วยใช่ไหมคะ” ไม่รู้เพราะอะไรรดาดาวถึงได้ย้อนเขาไปแบบนั้น
“ความจำแม่นดีนี่”
เขาหัวเราะเบาๆ อย่างพอใจ พลางฉวยโอกาสสูดเอากลิ่นหอมจากผมนุ่มสลวยของเธอ รดาดาวช่างเป็นผู้หญิงที่มีกลิ่นหอมไปทั้งตัว แก้มก็หอม ผมก็หอม และเขามั่นใจว่าทุกตารางนิ้วบนร่างอ้อนแอ้นของเธอก็คงจะหอมไปหมด
“ถ้าคุณจะไม่สอนนิ่มยิงปืน ก็ถอยไปห่างๆ นิ่มค่ะ นิ่มจะลองยิงด้วยตัวเอง” รดาดาวยื่นคำขาดเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่แกล้งและหัวเราะเธอ
“เอาน่า ชวนคุยแค่นี้ทำงอนไปได้”
เอเดนพูดเหมือนง้อ ก่อนจะสอนวิธีจับปืนที่ถูกต้อง บอกให้เธอตั้งสมาธิและลั่นไกให้กระสุนพุ่งออกจากปลายกระบอกปืนโดยไม่ลืมใส่ที่ครอบหูให้เธอก่อน
รดาดาวลั่นไกนัดแรก นัดที่สอง สาม สี่ และห้าติดต่อกัน จากนั้นจึงลดปืนลงและวางมันบนโต๊ะ ก่อนจะถอดที่ครอบหูออกและหันมาหาคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง โดยระมัดระวังตัวเองไม่ให้เสียเปรียบเขาเหมือนครั้งก่อน
“ไม่รู้จะตรงเป้าหรือเปล่านะคะ”
“เดี๋ยวกดมาให้ดู”
ชายหนุ่มกดปุ่มรอกไฟฟ้าให้เป้าเลื่อนเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ดึงเป้ากระดาษนั้นออกมาส่งให้รดาดาว ซึ่งผลปรากฏว่ากระสุนที่เธอยิงออกไปห้านัดมีเข้าเป้าวงนอกอยู่แค่นัดเดียว ที่เหลือออกนอกเป้าทั้งหมด สาวน้อยไม่แปลกใจเลยที่มันเป็นเช่นนั้นเนื่องจากเธอเป็นมือใหม่หัดยิง แถมมือยังสั่นเพราะถูกคนสอนรบกวนสมาธิด้วยการแตะนิดต้องหน่อยอยู่ตลอดเวลาอีกต่างหาก
“ก็นับว่าไม่เลวนะสำหรับการยิงครั้งแรก” เขาพูดอย่างให้กำลังใจ
“นิ่มไม่เหมาะกับปืนหรอกค่ะ”
“ลองอีกสักรอบนะ จะได้คล่องๆ เผื่อวันไหนเกิดนึกอยากยิงใครขึ้นมา”
“ไม่ดีกว่าค่ะ นิ่มคงไม่มีโอกาสยิงใครและไม่คิดอยากยิงใคร เพราะแค่คิดมันก็เป็นบาปแล้ว”
“แต่เมื่อกี้นี้คุณเพิ่งขู่ว่าจะยิงผมนะ แสดงว่าทำบาปไปแล้วใช่ไหม” เอเดนย้อนถามพลางยิ้มยั่วเมื่อเห็นรดาดาวทำหน้าเหลอหลาเพราะไม่คิดว่าจะถูกเขาย้อนแบบนั้น
“คุณก็รู้ว่านิ่มไม่กล้าทำจริงๆหรอก”
“คุณพูดเองนะนิ่มว่าแค่คิดก็บาปแล้ว” เขาหันมายักคิ้วพร้อมกับเรียกชื่อเธออย่างสนิทสนมเป็นครั้งแรก “เพราะฉะนั้นเดี๋ยวผมจะพาไปล้างบาป”
“ล้างบาปที่ไหนคะ แถวนี้มีโบสถ์เหรอคะ แต่นิ่มไม่ได้นับถือคริสต์นะคะ”
“มาเถอะน่า อย่าถามมาก”
เอเดนถอดแม็กกาซีนออกจากปืนแล้วเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างใส่ในกระเป๋า จากนั้นจึงพาเธอออกไปขึ้นรถโดยไม่เสียเวลาเอากระเป๋าไปเก็บในล็อกเกอร์แต่อย่างใด
อีกไม่กี่นาทีต่อมาแม็คลาเรน 12 ซี สไปเดอร์เปิดประทุนก็แล่นฉิวดุจพญาอินทรีย์ออกจากสนามยิงปืน มุ่งหน้าสู่ถนนเลียบทะเลสาบอิรี โดยที่รดาดาวได้แต่หันไปมองหน้าคนขับเป็นระยะ เขาบอกว่าจะพาเธอไปล้างบาปที่โบสถ์ สาวน้อยไพล่นึกสงสัยว่าถ้าเป็นยามปกติ ผู้ชายอย่างเอเดนจะรู้จักเข้าโบสถ์หรือเปล่า เพราะคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาน่าจะทำเรื่องไม่ดีเป็นว่าเล่น และดูท่าว่าเขาไม่เคยเกรงกลัวต่อการทำบาปเลยด้วยซ้ำ
รดาดาวนั่งเงียบๆ อยู่กับความคิดของตัวเอง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เอเดนหักพวงมาลัยรถเข้าไปในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง แม็คลาเรนคันหรูถูกจอดในช่องจอดรถซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ลิฟต์ยกรถขึ้นไปจอดในห้องพักที่มีกระจกกั้นเอาไว้โดยเฉพาะ
ร่างสูงก้าวลงจากรถ อ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่รดาดาวนั่งอยู่แล้วดึงมือเธอลงจากรถเหมือนตอนไปสนามยิงปืน และคราวนี้เขาพาเธอไปยังลิฟต์ที่อยู่ห่างจากช่องจอดรถเพียงไม่กี่เมตร
“ที่นี่ที่ไหนคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามหลังจากประตูลิฟต์ปิดลง
“คอนโดฯ ของผม แต่แมทเพื่อนผมเป็นเจ้าของตึกนี้”
คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นสูงจนจรดเชิงผม “ไหนคุณบอกว่าจะพานิ่มไปล้างบาปไงคะ”
“ก็พามาแล้วนี่ไง”
“แต่ที่นี่ไม่ใช่โบสถ์ ไม่มีบาทหลวงนะคะ” รดาดาวแย้ง หากทว่าน้ำเสียงของเธอก็ยังหวานใส ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกให้เขาเห็นแต่อย่างใด ทำให้คนเจ้าเล่ห์แอบอมยิ้มในใจ... คอยดูเถอะแม่คุณว่าจะนิ่งเป็นหุ่นได้อีกกี่น้ำ
“คุณทำบาปกับผม ก็ต้องล้างบาปกับผมสิ จะต้องล้างบาปกับบาทหลวงทำไม”
“คุณว่าอะไรนะคะ!”
สาวน้อยอุทานได้แค่นั้น ลิฟต์ก็เลื่อนมาถึงชั้นยี่สิบและเปิดออก จากนั้นเธอก็ไม่มีโอกาสได้ถามอะไรอีกเพราะถูกเขาจูงเข้าไปในห้องซึ่งกว้างขวางราวสิบเมตร ภายในตกแต่งอย่างหรูหราและลงตัว เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนแต่ราคาแพงลิบลิ่ว มองออกไปด้านขวามือซึ่งกรุด้วยกระจกใสก็เห็นแม็คลาเรนสีแดงจอดอยู่คู่กับซูเปอร์คาร์สีเหลืองอีกคันเรียบร้อยแล้ว
“นั่งตรงนี้ก่อนนะ”
เอเดนจับไหล่มนแล้วกดเบาๆ ให้เธอนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่ม จากนั้นก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเอาเครื่องดื่มของตัวเองและเทน้ำผลไม้ใส่แก้วให้เธอแก้วหนึ่ง
“ดื่มก่อนสิ”
“ขอบคุณค่ะ” มือเล็กรับมาแล้ววางลงบนโต๊ะตรงหน้าโดยไม่ยอมแม้แต่จะยกขึ้นจิบ
คิ้วเข้มจึงเลิกขึ้นสูง พลางหัวเราะเบาๆ “ทำไมนิ่ม กลัวถูกผมวางยาหรือไง”
“นิ่มก็ควรจะระวังตัวไม่ใช่เหรอคะ”
ร่างสูงทรุดตัวนั่งลงข้างๆ พาดแขนซ้ายไปโอบไหล่กลมกลึงเอาไว้ ส่วนมือขวายกขึ้นเชยคางมน ก่อนจะจ้องลึกลงไปในดวงตาเรียวหวานของเธอ
“รู้อะไรไหมเบบี๋ ถ้าผมอยากได้ผู้หญิงสักคน ผมไม่จำเป็นต้องวางยาหรอก”
“นิ่มรู้ค่ะ” รดาดาวเห็นด้วยโดยปราศจากข้อสงสัย เอเดนเป็นผู้ชายที่เสน่ห์แรงและดึงดูดเพศตรงข้ามหรือแม้แต่เพศเดียวกันมากแค่ไหน ทำไมเธอจะไม่รู้ เพราะแค่สายตาคมๆ วาวๆ ที่จ้องแบบชวนละลายก็ทำเอาเธอแทบจะอ่อนระทวยไปทั้งร่างอยู่แล้ว