บทที่ 14 ทำไมต้องเป็นฉันคะ
บทที่ 14 ทำไมต้องเป็นฉันคะ
วันรุ่งขึ้น
โห้หานตื่นแต่เช้าเหมือนกับทุกวัน นาฬิกาชีวิตของเธอเหมือนถูกตั้งไว้อัตโนมัติ เมื่อถึงเวลาก็จะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยตัวเอง
มือของเธอลูบไปข้างๆอย่าไม่รู้ตัว เธอสัมผัสได้ถึงความเย็น เธอถึงได้รู้ว่า โม่ถิงเชียนไม่ได้กลับมาเลยตั้งแต่เมื่อคืน
“คุณจะไปไหน? นี่มันเป็นคืนแรกที่เราแต่งงานกันนะ”
เธอพยายามจะรั้งเขาไว้ในตอนนั้น เธอต้องการตั้งท้อง เธอต้องการเขา
แต่ว่า เขาเดินออกไปอย่างเร่งรีบ เธอรู้เลยว่าเธอไม่มีโอกาสนั้น เขาแทบจะไม่มองเธอด้วยซ้ำ
“ฉันมีธุระ”
นี่คือคำพูดที่โม่ถิงเชียนทิ้งไว้ให้เธอ แล้วเขาก็หายไป เธอดึงผ้าห่มออก มองไปยังเตียงที่ว่างเปล่า เธอยิ้มแล้วเดินกลับไปนอนที่เดิมอย่างเงียบๆ
เธอเพิ่งเดินออกมาจากประตูลงไปด้านล่าง เห็นพ่อบ้านโม่อยู่ชั้นล่างกำลังเดินมา บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่สดใส ยกสองมือประกบกันตรงหน้า“คุณโห้ เมื่อคนนอนหลับสบายไหมครับ?”
โห้หานสะดุ้งไปครู่หนึ่ง พอได้ยินประโยคหลังที่เขาถาม รู้สึกมีความหมายเป็นนัยๆ ก็เลยเม้มปากอมยิ้มเล็กน้อย “อืม สบายค่ะ”
พอเธอบอกว่า สบายดี พ่อบ้านโม่ก็เหลือบมองไปที่ท้องของเธอ
แต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อ แล้วก็ผายมือเชิญเธอ “เชิญครับ คุณท่านโม่รออยู่ที่ห้องหนังสือจะคุยเรื่องเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้ครับ”
ไม่กี่นาทีต่อมา โห้หานก็ปรากฏตัวขึ้นที่ห้องหนังสือ
“คุณปู่คะ” เธอเรียกด้วยน้ำเสียงเบาๆ เห็นคุณท่านกำลังหันหลังให้เธอ ได้ยินเสียงเช็ดแก้วน้ำชาน่าจะกำลังดื่มน้ำชาตอนเช้าอยู่
“อืม ตื่นแล้วเหรอ”
เก้าอี้หมุนมาช้าๆ ดูเหมือนคุณท่านจะอารมณ์ดีไม่น้อย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ พอเดินออกมาพ่อบ้านโม่ก็เรียกหนู หนูก็เลยรีบมาค่ะ”
เธอจะไม่มาได้ยังไงล่ะ เงินค่าผ่าตัดตั้งสามแสนที่เธอต้องใช้มันด่วน
“มานี่สิ”
คุณท่านโม่กวักมือเรียกเธอแล้วก็วางแก้วชาลง เอาสิ่งของบางอย่างออกมาจากลิ้นชัก
ไม่เป็นที่น่าแปลกใจ โห้หานเห็นเช็คใบหนึ่ง
นั่นเป็นเช็คสามแสนที่เธอแลกกับทุกอย่างเพื่อจะได้มา
ยื่นส่งให้ให้เธอตรงหน้า คุณท่านโม่พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “จำไว้นะ ตั้งแต่วันนี้ไป ถ้าเธอตั้งท้องลูก ฉันจะให้เธออีกก้อนที่เยอะกว่านี้”
ตัวเลขน่าจะมากกว่าซักสิบเท่าหรือร้อยเท่า
โห้หานรับเช็คมา นี่เป็นเงินที่เธอจำเป็นต้องใช้
แต่พอนึกถึงเมื่อคืนที่โม่ถิงเชียนไม่กลับมาเธอก็สงบสติอารมณ์ลงหันไปถามคุณท่าน “คุณปู่คะ หนูขอถามอะไรซักอย่างได้ไหมคะ”
คุณท่านเป็นคนใจกว้าง และไม่ค่อยมีถือตัวอะไรเป็นพิเศษ ตอบรับคำโห้หาน “ได้ ถามมาสิ”
“ทำไมต้องเป็นหนูคะ คนที่จะมีลูกให้ตระกูลโม่ได้มีตั้งเยอะแยะ ดูดีมีชาติตระกูลกว่าหนู และสถานการณ์ของครอบครัวหนูตอนนี้ท่านก็คงเข้าใจดี คุณปู่คะ ทำไมเหรอคะ”
มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่บังเอิญ ท่าทีของคุณท่านดูแปลกๆ แต่ก็ตอบไปอย่างนิ่งๆ “ทำไมจะเป็นเธอไม่ได้ล่ะ แม่หนูโห้หาน เมื่อปีที่แล้วครอบครัวเธอล้มละลายปล่อยให้พวกสุนัขจิ้งจอกไปครอบครอง แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว ตระกูลเธอ การศึกษา ก็ไม่เลวเลย ฉันพอใจมาก เธอเหมาะสมกับถิงเชียน”
เหมาะสมงั้นเหรอ
โห้หานนึกถึงชายหนุ่มคนที่ออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืน จนป่านนี้แล้วยังไม่กลับมา ในใจก็อดขำไม่ได้
เธออยากจะถามต่อ แต่ดูเหมือนว่าคุณท่านโม่ไม่ค่อยอยากจะคุยเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เหมือนมีอะไรซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลัง “ฉันเลือกเธอมันเป็นสะใภ้ของตระกูลโม่แล้ว ต่อไปถ้าเธอจะทำอะไร ก็ต้องนึกถึงตระกูลโม่ด้วยนะ เธอต้องเป็นศรีภรรยาที่ดีให้กับสามี เข้าใจไหม?”