บทที่ 5 หนุ่มเนื้อหอม
“สวัสดีค่ะพี่ติณณ์” ปนาลีรับสายที่คุ้นเคยเพราะต่างก็ใช้เบอร์เดิมไม่ได้เปลี่ยนและนานๆจะโทรคุยกัน
“สวัสดีครับหนูลี สบายดีมั้ยครับ” ติณณ์ถามปนาลีด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นเดิม
“สบายดีค่ะ พี่ติณณ์ละคะสบายดีมั้ยแล้วจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่คะ” ปนาลีถามติณณ์เพราะเธอยังไม่รู้ว่าเขากลับมาเมืองไทยแล้ว
“พี่เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้เองครับ เลยโทรมาหาหนูลีอยากคุยเรื่องของเราน่ะครับ” ติณณ์บอกปนาลีเพราะเขาอยากจะเคลียให้มันจบๆไป
“ได้ค่ะช่วงนี้หนูลีว่างค่ะ พี่ติณณ์ว่างเมื่อไหร่ก็โทรนัดหนูลีได้นะคะ” ปนาลีบอกติณณ์คนที่เธอนับถือเป็นพี่ชายมาตลอด
“ตกลงครับเดี๋ยวพี่ว่างแล้วจะโทรหาหนูลีนะครับ” ติณณ์คุยกับปนาลีต่ออีกนิดหน่อยก็วางสายแล้วล้มตัวนอนคิด เพลินๆและหลับไปอย่างไม่รู้ตัวจนเที่ยงแม่เขาขึ้นมาเคาะประตูห้องเพราะเห็นว่าลูกชายยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่มาถึง
"ก๊อกๆ ก๊อกๆ"
“ติณณ์ แม่เข้าไปได้มั้ยลูก” คุณธาวินีเรียกลูกชายก่อนที่ท่านจะเข้าไปในห้องของเขา
“ครับแม่” ติณณ์งัวเงียตอบรับแม่ของเขาและลุกขึ้นนั่งส่ายหน้าไปมาเพื่อเรียกสติตัวเองให้ตื่น
“อ้าว แม่มาปลุกติณณ์หรือเปล่าลูกจะนอนต่อก็ได้นะเดี๋ยวแม่ค่อยมาใหม่” คุณธาวินีถามลูกชายเมื่อเห็นเขานั่งส่ายหน้าไปมาอยู่บนเตียงจึงถามเขากลัวว่าลูกชายจะเจ็ตแล็กเพราะเพิ่งลงจากเครื่องและปรับตัวเรื่องเวลาอีก
“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมหิวพอดีเลยครับ” ติณณ์บอกแม่ของเขาที่เป็นห่วงลูกชายเรื่องปรับตัว
“งั้นติณณ์ไปล้างหน้าล้างตาแล้วตามแม่ลงไปที่ห้องอาหาร คุณปู่รอกินข้าวกลางวันกับหลานชายอยู่น่ะลูก” คุณธาวินีบอกลูกชายเพราะปู่ของติณณ์ดีใจที่หลานชายกลับมาบ้านก่อนจะกุลีกุจอลงไปจัดการเรื่องอาหารให้ลูกชาย
“ครับแม่” ติณณ์รับปากแม่แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำและอาบน้ำอีกครั้งหนึ่งก็สดชื่นขึ้นและไปเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปที่ห้องกินข้าวที่คุณปู่นั่งรอกินข้าวกับเขาอยู่
“สวัสดีครับป้าสายมีอะไรให้ผมกินบ้างครับ” ติณณ์ยกมือไหว้ป้าสายกอดเธอและหอมแก้มของท่านและถามหาอาหารของเขา
“สวัสดีค่ะคุณหนูไม่เจอกันตั้งนานคิดถึงจังเลยค่ะ” ป้าสายยังเรียกเขาว่าคุณหนูเหมือนเดินแต่เขาโตจะมีเมียอยู่แล้วนะ
“ผมจะไม่คิดถึงป้าสายก็ตอนเรียกคุณหนูนี่แหละครับ เรียกติณณ์เถอะครับผมโตจนแม่หาเมียให้แล้วนะครับ” ติณณ์บอกแม่บ้านที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็กพร้อมกับนักรบลูกชายของเธอ
“ไม่ค่ะป้าจะเรียกคุณหนูอย่างนี้แหละจนกว่าคุณหนูจะมีคุณหนูๆตัวน้อยๆมาให้คุณท่านชื่นชมก่อนแล้วป้าจะไม่เรียกค่ะ” ป้าสายบอกคุณหนูตัวโตของเธอ
ติณณ์ส่ายหน้าให้ป้าสายอย่างเหนื่อยใจจนคุณปู่กับแม่ของเขาอดขำไม่ได้ทั้งที่ป้าสายจะเอาใจตามใจคุณหนูของเธอทุกเรื่องยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ป้าสายไม่ยอมทำให้ติณณ์ต้องยอมป้าสายต่อไป
“ฉันว่าแม่สายใกล้จะได้เรียกคุณติณณ์ล่ะ ใช่ไหมแม่วิ” คุณปู่บอกแม่สายที่รู้ดีพอๆกับท่านว่าลูกชายกับลูกสะใภ้จะให้ติณณ์แต่งงานกับปนาลีลูกสาวเพื่อนของลูกชายลูกสะใภ้ของท่าน
“ใช่ค่ะคุณพ่อ ติณณ์ว่าไงลูกตกลงแต่งงานกับหนูลีนะลูก” แม่ปู่ของลูกชายปูทางมาให้คุณธาวินีก็ถามลูกชายซะเลย
“โธ่แม่ครับ ผมเพิ่งมาถึงและยังไม่ได้คุยกับหนูลีเลยนะครับ” ติณณ์พูดไปกินไปกำลังอร่อยต้องชะงักช้อนคาปากก็ตอนที่แม่เขาถามเรื่องแต่งงานนี่แหละ
“คุยกับน้องก่อนก็ดีลูกไหนๆจะแต่งงานกันอยู่แล้วจะได้สนิทสนมกันมากขึ้นน่ะ” คุณธาวินียังไม่เลิกคุยเรื่องแต่งงานทำเอาติณณ์เซ็งเขาเลยยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“แล้วนี่นายรบไปทำงานต่อเหรอครับแม่” ติณณ์ถามแม่ของเขาเพราะต้องการเปลี่ยนเรื่อง
“ไปพร้อมกับคุณพ่อน่ะลูกเห็นว่างานมีปัญหาน่ะ” คุณธาวินีตอบลูกชายคนเดียวของท่านที่นั่งนิ่งไป
“คุณปู่จะไปห้องนั่งเล่นเลยหรือเปล่าครับ” ติณณ์ถามคุณปู่เพราะเขามีเรื่องจะคุยกับท่าน
“ไปสิปู่อิ่มแล้ว”คุณปู่ลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉงเดินนำหลายชายไปที่ห้องนั่งเล่นของท่านปล่อยให้คุณธาวินีสั่งงานกับคนในบ้านให้ทำความสะอาดในห้องอาหาร
“ติณณ์มีอะไรจะคุยกับปู่ล่ะลูก” คุณปู่ถามหลานชายอย่างรู้ใจเขาดีว่าทุกเรื่องที่หลานชายจะทำอะไรตัดสินใจอย่างไรมันมีเหตุและผลทั้งนั้น
“ผมยังไม่อยากแต่งงานคุณปู่คุยกับพ่อแม่ให้ผมหน่อยสิครับ” ติณณ์ลูกชายขอร้องคุณปู่แต่ท่านไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องของครอบครัวจึงอยากให้พวกเขาคุยกันเอง
“ติณณ์ลองฟังเหตุผลของพ่อแม่หน่อยสิลูกถึงแม้ว่าปู่จะไม่เห็นด้วยก็ตาม” คุณปู่บอกหลานชาย
“เฮ้อ ผมจะทำยังไงดีครับคุณปู่” ติณณ์หมดหนทางที่จะปฏิเสธจึงได้แต่นั่งถอนหายใจอย่างเบื่อจนอยากกลับไปทำงานต่อที่เยอรมันเร็วเลยแหละ
จากนั้นเขาก็โทรนัดเพื่อนๆว่าจะไปดื่มกันสักหน่อยแม้ว่าเพิ่งจะมาถึงแต่หนุ่มๆกลุ่มนี้อึดกันทุกคนนะขอบอกคลับหรูแถวรัชดาที่ติณณ์นัดเนติธรกับจักกริชมานั่งดื่มและหาสาวสวยนั่งคุยแก้เซ็งเรื่องที่เขาถูกคลุมถุงชน
“เป็นไงบ้างวะติณณ์” จักกริชถามเพื่อนเพราะอยากรู้ว่าติณณ์จะทำยังไงแล้วเขาจะต้องเก็บความลับของเขาไว้กับตัวจนตายแน่หากเพื่อนแต่งงานกับปนาลีเพราะเขาแอบชอบหญิงสาวอยู่น่ะสิ
“ฉันอาจจะเลือกแต่งงานแล้วต่างคนต่างอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกันถ้าหนูลีเจอผู้ชายดีๆฉันก็จะคืนอิสระให้เธอ พวกแกว่าดีไหมวะ” สมองด๊อกเตอร์ติณณ์ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้วเพราะคำว่ากตัญญูและสัจจะวาจาที่พ่อแม่เขาได้พูดเอาไว้นั่นเอง
“ไม่ดี แกไม่คิดว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วคนอื่นเขาจะเชื่อว่าเธอบริสุทธิ์ผุดผ่องเหรอวะ” จักกริชพูดขึ้นอย่างรู้ดีว่าสังคมไทยเป็นยังไง
“แกจะสนใจคนอื่นทำไมวะ แค่หนูลีของแกเข้าใจและเห็นด้วยก็พอแล้วสมัยนี้ใครเขาสนใจเรื่องบริสุทธิ์กันวะ อายุสิบสี่สิบห้ายังมีลูกกันเลยเพื่อนและถ้าไอ้ผู้ชายคนนั้นแคร์เรื่องพรหมจรรย์ก็ให้หนูลีถีบมันทิ้งเลยสิจะยากอะไรล่ะ” เนติธรพูดตรงๆเขาเห็นใจติณณ์และปนาลีผู้หญิงที่เพื่อนเขาจะแต่งานด้วย จักกริชก็เลยนั่งเงียบไป
“เฮ้ย ดื่มกันดีกว่าอย่าคุยเรื่องเครียดๆเลยว่ะ” ติณณ์บอกเพื่อนทั้งสองไม่อยากให้เครียดไปกับเขาด้วยทั้งสามนั่งดื่มและเหล่มองสาวสวยที่มาเที่ยวดื่มในคลับคืนนี้
“เรนนี่แกเห็นคุณติณณ์กับเพื่อนๆมั้ย นั่งอยู่ตรงโน้นน่ะ” พิยะดานางร้ายของช่องยี่สิบบอกเพื่อนนางเอกสาวสวยคนดังของช่องที่มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หมายปองจีบเธอ
“เห็นแล้ว เจ้แป้ดคิดหน่อยสิคะว่าจะทำยังไงให้คุณติณณ์สนใจเรนนี่น่ะค่ะ” เรนุกาบอกผู้จัดการส่วนตัวเพราะเธอได้ข่าวมาเมื่อเช้าว่าติณณ์กลับมาเมืองไทยแล้วและเขายังโสดเธออุตส่าห์ค้นหาข้อมูลหนุ่มหล่อรวยตระกูลดังครบสูตรเพื่อถีบตัวเองให้อยู่ในสังคมคนชั้นสูงได้เทียบกับดาราคนอื่นที่เป็นลูกท่านหลานเธอที่ใช้เส้นสายมากกว่าความสามารถเข้ามาในวงการดารานางแบบแล้วเธอก็เห็นมีหนุ่มๆกลุ่มนี้เข้าตามากที่สุดและเธอก็สนใจติณณ์มากกว่าเนติธรและจักกริชจึงพยายามจะเข้าหาเขาได้อย่างไรดี
“งั้นเดี๋ยวเจ้มานะคะ” เจ้แป้ดผู้จัดการชายใจสาวคนเก่งก็หาวิธีเข้าหาพวกหนุ่มๆทันทีเขาลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำและเดินกลับมาทางที่พวกติณณ์ เนติธรและจักกริชนั่งอยู่
“อุ้ย สวัสดีค่ะคุณติณณ์ ได้ยินชื่อมานานแล้วแต่เพิ่งมาเจอตัวจริงคืนนี้เองค่ะ เจ้แป้ดค่ะ เป็นเจ้าของโมเดลลิ่งจัดหานายแบบนางแบบค่ะ” ผู้จัดการของนางเอกสาวใช้ความเป็นมืออาชีพเข้าหาติณณ์
“เอ่อ สวัสดีครับ เจ้แป้ดนะครับ” ติณณ์ถามย้ำว่าเขาไม่ได้เรียกผิด
“ค่ะเจ้แป้ด คุณติณณ์สนใจจะเข้าวงการมั้ยค่ะ คุณเนติธร คุณจักกริชด้วยนะคะถ้าสนใจติดต่อเจ้แป้ดได้นะคะ” เจ้แป้ดถามติณณ์และเพื่อนที่ยังนั่งเฉยกันอยู่
“ขอบคุณครับ ผมคงต้องขอตัวงานนี้ไม่ถนัดจริงๆครับ” ติณณ์ตอบปฏิเสธอย่างนิ่มๆ
“ใช่ครับ กลัวว่าพวกเราจะไปทำให้วงการเขาปั่นป่วนกันน่ะสิครับ” เนติธรบอกเจ้แป้ดอย่างขำๆ
“แหม ถ่อมตัวกันจังเลยนะถ้าสนใจเจ้แป้ดยินดีค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” เจ้แป้ดไม่รุกมากยังไว้ลายนิดหน่อยให้สามหนุ่มมองตามว่าเธอมีสาวสวยอยู่ในสังกัดที่คนวงในรู้ดีว่าอาชีพเสริมของเธอคือส่งเด็กสาวในสังกัดให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่สนใจและสาวสวยในสังกัดเธอต้องสมัครใจทำเท่านั้นเพราะเธอถือว่าช่วยเหลือให้มีรายได้เสริมแต่ไม่บังคับ
“โอ้ะ ฉันว่าคืนนี้เราไม่เหงาแล้วว่ะ” เนติธรมองตามเจ้แป้ดและเข้าใจเจตนาของเธอทันทีว่าต้องการอะไรเพราะเขารู้มาจากเพื่อนที่อยู่เมืองไทยบอกว่าเด็กเจ้แป้ดเจ๋งทุกคนแต่จะใช่เจ้แป้ดคนเดียวกันหรือเปล่าเขาไม่รู้
“ใช่ว่ะแต่ดูท่าเธอจะสนใจแกนะติณณ์” จักกริชบอกเพื่อนที่นั่งมองเฉยๆไม่ได้สนใจ
“อืม ลองดูหน่อยปะไรเราอยู่เมืองไทยแล้วนี่” ติณณ์พูดเรียบๆแต่เรียกว่าได้อารมณ์หื่นขึ้นกันเลย
“งั้นจัดหนักไปเลยเพื่อน ฮ่าฮ่าๆ” เนติธรบอกติณณ์กับจักกริช
“เชิญพวกแกเลยนะคืนนี้ฉันขอบายพรุ่งนี้ต้องขึ้นเครื่องกลับภูเก็ตแต่เช้าน่ะไม่อยากตกเครื่องว่ะ” จักกริชบอกติณณ์กับเนติธรเพราะเขาจองตั๋วเครื่องบินไว้เที่ยวเช้าถ้าคืนนี้หลงระเริงไปกับสาวสวยเขาตกเครื่องแน่นอน
“งั้นฉันเองเพื่อน” เนติธรพูดจบก็เดินไปที่โต้ะของเจ้แป้ดทันทีก้มกระซิบเธอและเดินกลับมาที่โต้ะ
“แกพูดอะไรกับเจ้แกวะไอ้หม่อม” ติณณ์ถามเพื่อนเพราะจะได้รับมือถูก
“ก็บอกว่าพวกเราเชิญสาวๆมานั่งดื่มด้วยแค่นั้นเอง” เนติธรบอกเพื่อนและยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มสองสาวแท้เดินตามหนึ่งสาวเทียมเดินมาที่โต้ะของพวกเขา
“เชิญครับเจ้แป้ด และคุณ..” ติณณ์พูดเว้นระยะให้สาวสวยทั้งสองตอบ
“เรนุกาค่ะ เรียกเรนนี่ก็ได้ค่ะ” เรนุกาพูดแล้วจ้องตาติณณ์และยื่นมือให้เขาจับติณณ์สนองทันทีเขาจับมือเธอและคลึงเบาอย่างรู้กันเมื่อเธอตอบรับกลับมาและเขาก็ปล่อยมือเธอให้เพื่อนทั้งสองทักทายเธอ
“พิยะดาค่ะ เรียกยาดาก็ได้ค่ะ” พิยะดาก็จับมือหนุ่มๆทั้งสามคน