บทที่ 4 กลับบ้าน
“อ๊ะะ อ้ายยส์...”
“โอ้ว อ๊าากกซ์....”
ทั้งสองถึงที่หมายตามกันโดยที่ติณณ์ส่งไลลาน้ำแตกไปก่อนและเขาแตกตามเธอไปติดๆไลลานอนหายใจแรงอย่างเหนื่อยจนแทบจะหมดแรงติณณ์ถอนแกนกายลำใหญ่ออกแล้วดึงเครื่องป้องกันทิ้งขยะไปอย่างไม่สนใจไลลาแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
“ไหวไหมครับไลลา ผมอาบน้ำรอนะ” ติณณ์หันมาบอกไลลาที่นอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาตรงมุมห้อง
“อ่าา ติณณ์ขารอไลลาด้วยค่ะ” ไลลาร้องบอกเขาอย่างอ่อนระโหยแต่เธอยังไม่หมดแรงจึงลุกขึ้นในสภาพเปลือยเปล่าและเดินตามติณณ์เข้าไปในห้องน้ำจนร้อนแทบไหม้เพราะไฟพิศวาสที่ติณณ์และไลลาช่วยกันโหมกระพือจนหมดแรงกันทั้งคู่
วันนี้ติณณ์เตรียมตัวกลับเมืองไทยพร้อมเพื่อนๆที่เรียนจบกันหมดแล้วเขาจะกลับเมืองไทยก่อนเพื่อไปแก้ไขปัญหาของเขากับปนาลีให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะไปทำงานที่เยอรมันหรือเริ่มงานที่เมืองไทยเลย
“ติณณ์แกจะกลับไปแต่งงานจริงๆเหรอวะ” เนติธรถามเพื่อนรักที่เดินเคียงกันเข้าไปในสนามบิน
“นั่นสิวะติณณ์ แต่ถ้าแกเปลี่ยนใจบอกฉันนะเว้ยเพื่อน” จักกริชมิวายแซวเพื่อน
“ยังไม่รู้เหมือนกันว่ะ” ติณณ์ตอบเพื่อนและไม่รู้จริงๆว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง
“สาวไทยน่ารักจะตายนะติณณ์ ฉันไปหาสาวไทยเอามาเป็นเมียสักคนดีกว่าว่ะ” ไบรอันมาส่งเพื่อนๆกลับบ้านที่เมืองไทยกันแล้วเขาจะตามไปเที่ยวทีหลังเพราะตอนนี้กำลังช่วยงานแด๊ดดี้อยู่เลยยังไปพร้อมกับเพื่อนๆไม่ได้ เมื่อล่ำลากันแล้วเพื่อนๆก็เดินเข้าไปในห้องรับรองวีไอพีที่พวกเขาเป็นสมาชิก
สามหนุ่มนั่งติดกันในชั้นเฟิร์สคลาสของสายการบินชื่อดังของประเทศไทยต่างคนก็นอนพักกันเพราะอีกสิบสองชั่วโมงจะถึงเมืองไทย
“ติณณ์แกนอนหรือยังวะ” เนติธรชะโงกมาถามติณณ์ที่กำลังยกวิสกี้ขึ้นดื่ม
“ยังแกมีอะไรล่ะ” ติณณ์ถามเพื่อนที่มองเขาอยู่
“เปล่าหรอก ฉันคิดว่าแกจะตื่นเต้นที่ได้เจอว่าที่เมียน่ะ” เนติธรพูดแล้วก็กลับไปนั่งที่ของตัวเองหัวเราะให้เขาได้ยินอีกด้วย
“ไอ้บ้านี่” ติณณ์ว่าเพื่อนแล้วส่ายหน้ายิ้มกับคำพูดของเนติธรที่มักจะทำให้เพื่อนๆขำและหายเครียดกันได้
เวลาเดินทางยาวนานสิ้นสุดลงเมื่อกัปตันประกาศให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมเพราะเครื่องบินจะลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วเมื่อเครื่องลงจอดเรียบร้อยสามหนุ่มหล่อก็เดินมาด้วยกันจนเป็นที่สนใจของสาวน้อยสาวใหญ่ที่เห็นต่างก็ชื่นชมความหล่อเท่สมาร์ทราวกับพวกเขาเป็นดารานายแบบเลยทีเดียว
“ไม่ได้เห็นสาวไทยนานแล้ว อุ้แม่เจ้า โอ้ ขาวสวยอึมสเป็คฉันเลยว่ะ” จักกริชเห็นสาวสวยแต่ไม่หมวยเดินมาคนเดียวจึงมองชนิดเหลียวหลังเลยเชียว
“ไอ้กริชมากไปแล้วแก สำรวมหน่อยสิวะเพื่อน” ติณณ์เกี่ยวคอเสื้อของจักกริชให้หันกลับมาและเดินไปพร้อมกับเขาที่เดินออกไปจอดรถเพราะคนที่บ้านเขามารอรับ
“น้ำลายหกเลยนะแกไอ้บ้ากาม” เนติธรว่าให้เพื่อนที่มองสาวสวยตาเป็นมัน
“แหม ทำอย่างกับแกไม่บ้ากามอย่างนั้นแหละไอ้หม่อม เห็นเอวไหวหยิกๆไม่หยุดเลยนะแก” จักกริชไม่ยอมก็ไอ้หม่อมมันก็หื่นพอๆกันกับเขาและไอ้ติณณ์นี่แหละ
“พวกแกนี่จะทะเลาะกันอีกนานมั้ยฉันจะได้กลับก่อน” ติณณ์บอกเพื่อนที่ยืนเท้าสะเอวเถียงกันดูแล้วมันก็ตลกดี
“ฉันไปคอนโดก่อนนะส่วนพวกแกจะกลับบ้านหรือไปคอนโดก็ตามสบาย” จักกริชถามเพื่อนและรู้อยู่แล้วว่าติณณ์กับเนติธรจะต้องกลับบ้านก่อนแล้วบางทีก็จะกลับไปนอนคอนโดหรูที่ได้ซื้อไว้คนละห้องติดกัน
“ฉันกลับบ้านก่อนนะ พวกแกไปกันเถอะเดี๋ยวเย็นๆฉันจะโทรหา” ติณณ์บอกจักกริชที่ยังไม่กลับบ้านเพราะเขาจะพักที่กรุงเทพก่อนกลับภูเก็ต
“งั้นเย็นนี้เราไปฉลองที่ได้กลับเมืองไทยกันดีมั้ยวะ” เนติธรถามเพื่อนทั้งสอง
“ไอ้หม่อมแกไม่เหนื่อยบ้างหรือไงวะมาถึงก็เที่ยวเลยนะ” จักรกริชว่าให้เนติธรที่ชอบเที่ยวชอบดื่มสนุกเฮฮา
“ก็เหนื่อยอยู่หรอกแต่เดี๋ยวนอนพักก็หายแล้วนี่หว่า” เนติธรตอบเพื่อนที่ส่ายหน้าให้กับความแรดของเขา
“เออๆ งั้นเดี๋ยวเย็นๆค่อยคุยกันอีกทีนะ ฉันไปล่ะรถมารอแล้ว” ติณณ์บอกเพื่อนและเดินไปที่รถตู้คันหรูที่มารับเขาเพราะจักกริชไปพร้อมกับเนติธรมีรถของที่บ้านมารับเนติธรเหมือนกัน
“สวัสดีครับคุณติณณ์” นักรบยกมือไหว้เจ้านายที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆเพราะเขาเป็นลูกชายคนขับรถเก่าแก่ของที่บ้านจึงทำให้สนิทกัน
“สวัสดีนายรบ สบายดีมั้ยแล้วแกจะไหว้ฉันทำไมวะ” แต่ติณณ์ก็รับไหว้เพื่อนเล่นวัยเด็กของเขา
“อ้าว ก็คุณติณณ์เป็นเจ้านายนี่ครับ” นักรบตอบลูกชายเจ้านาย
“ไม่ต้องหรอกเราเป็นเพื่อนกันนะนายรบ” ติณณ์พูดแล้วก็เปิดประตูขึ้นไปบนรถโดยไม่รอให้นักรบเปิดให้เพราะนักรบเอากระเป๋าไปเก็บที่ท้ายรถ
“คุณติณณ์จะกลับบ้านเลยหรือเปล่าครับ” นักรบถามเจ้านาย
“กลับบ้านเลย ทำไมวันนี้นายว่างมารับฉันวะ” ติณณ์ถามนักรบปกติจะมีคนขับรถหลายคนที่คอยขับให้ที่บ้าน
“ก็คุณท่านสั่งนี่ครับผมเลยต้องโดดงานมารับครับ” นักรบเป็นเลขาของคุณเตวิชพ่อของติณณ์เพราะท่านส่งเสียนักรบเรียนต่อจนจบปริญญาตรีแล้วไปฝึกงานกับท่านและเขาก็เรียนต่อปริญญาโทอีกและก็จบแล้วพ่อของติณณ์ก็เลื่อนตำแหน่งให้เป็นเลขาของท่านเพื่อรอติณณ์กลับมาทำงานแล้วถึงจะให้นักรบย้ายไปทำงานร่วมกับติณณ์
“แล้วงานที่Y&Sเป็นไงบ้างวะ” ติณณ์ถามนักรบเพราะเขารู้ว่านักรบรู้เรื่องในบริษัทดีทุกอย่าง
“ก็งานเยอะดีจนคุณท่านไม่ค่อยได้มีเวลาพักเลยครับ แล้วเมื่อไหร่คุณติณณ์จะกลับมาช่วยงานสักทีละปีนี้คุณท่านแก่ลงไปเยอะแล้วนะครับ” นักรบพูดตามที่เขาเห็นว่าคุณเตวิชท่านเหนื่อยแต่ท่านก็ไม่บ่นได้แต่บอกว่าเมื่อติณณ์พร้อมเขาจะมารับช่วงต่อจากท่านเอง
“ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงดี ที่เยอรมันก็น่าสนใจแต่ที่นี่ก็อยากช่วยคุณพ่อฉันยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่ะ” ติณณ์ตอบนักรบอย่างครุ่นคิด
“คุณติณณ์ก็จบด๊อกแล้วนี่ครับ แค่นี้คุณสมบัติก็มากพอที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นแล้วถึงไม่จบด๊อกคุณติณณ์ก็มีความสามารถอยู่แล้วโดยไม่ต้องจบด๊อกก็ได้ครับ” นักรบบอกเจ้านายที่เขาติดต่อเรื่องออกแบบกับติณณ์อยู่ตลอดแม้ในบอรด์ผู้บริหารจะไม่มีใครรู้ก็ตาม
“แกเรียกให้จบได้ไหมวะรบ ด๊อกคำเดียวยังฟังได้แต่นี่ฉันเจอสามด๊อกเหมือนแกว่าฉันเลยว่ะเพื่อน” ติณณ์พูดแล้วยิ้ม
“ฮ่าๆๆ ผมลืมไปคิดว่าเรียกด๊อกมันสั้นดีครับ” นักรบหัวเราะเขาลืมไปเลยว่าด๊อกคำเดียวมันแปลว่าอะไรจากนั้นทั้งสองหนุ่มก็คุยกันเรื่องงานเรื่องต่างๆที่เขาไม่ได้อยู่เมืองไทยถึงแม้ว่าจะกลับมาบ่อยๆแต่ระยะแค่อาทิตย์เดียวหรือสองอาทิตย์เท่านั้น
เมื่อถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งอยู่กลางสวนสวยล้อมรอบอยู่กลางเมืองพื้นที่กว้างถึงห้าไร่มีหมู่บ้านหรูล้อมอยู่รอบๆที่ปู่เขาสร้างขึ้นเล่นๆขายให้พวกเศรษฐีที่อยากอยู่บ้านกลางเมืองหลวงและยังเป็นรั้วบ้านชั้นดีให้คฤหาสน์ของครอบครัวเขาอีกด้วย เมื่อรถจอดสนิทติณณ์ก็เปิดประตูรถลงไปและเดินเขาไปในบ้านที่คิดว่าทุกคนน่าจะอยู่กันครบ
“สวัสดีครับคุณปู่คุณพ่อคุณแม่ คิดถึงทุกคนจังเลยครับ” ติณณ์เดินเข้าไปกราบคุณปู่ของเขา
“สวัสดีเจ้าติณณ์ปู่นึกว่าแกหลงสาวฝรั่งจนลืมเมืองไทยแล้วซะอีก” คุณปู่พูดประชดหลานชายที่อยู่ถึงอังกฤษท่านก็ยังได้ข่าวถึงความเจ้าชู้หนุ่มเพลย์บอยตัวพ่อของหลานชายเลย คุณบวรทัต ยศสวรรังสรรค์ คุณปู่ของติณณ์ที่ตามใจลูกหลานให้เลือกและตัดสินใจเองถึงแม้ว่ามันไม่ได้อย่างใจท่านก็ตามเพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาจะยอมรับได้เอง
“โธ่คุณปู่ครับผมต้องกลับอยู่แล้วสิครับ ไม่งั้นใครจะมาช่วยงานคุณพ่อละครับ” ติณณ์กอดคุณปู่แรงจนท่านจั๊กจี้ดันตัวเขาออก
“อึยย อย่ามากอดปู่มันจั๊กจี้ว่ะเจ้าติณณ์” คุณปู่มีสีหน้าดีใจที่หลานชายกลับมาสักทีท่านได้แต่หวังว่าหลานชายจะไม่กลับไปทำงานอย่างที่บอกหรอกนะ
“อย่ามาพูดให้พ่อดีใจเลยติณณ์ เดี๋ยวลูกก็ไปทำงานที่เยอรมันอีกไม่ใช่เหรอ” คุณเตวิชถามลูกชายที่เพิ่งมาถึงอย่างอดไม่ได้
“ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลยครับคุณพ่อ” ติณณ์ตอบพ่อของเขาและมองท่านที่แก่ลงไปจริงๆอย่างที่นักรบบอกเขาดูหงอกท่านสิแค่ไม่เจอกันหกเจ็ดเดือนเองนะ
“อ้าว พ่อนึกว่าแกตัดสินใจไปแล้วนะ” คุณเตวิชยังมีความหวังว่าลูกชายจะมาช่วยงานท่าน
“คิดถึงแม่จังเลยครับ” ติณณ์ลุกไปกอดและหอมแก้มทั้งสองข้างของแม่เขาที่นั่งมองและฟังเขาคุยกับคุณปู่กับคุณพ่ออยู่เงียบๆเพื่อเลี่ยงที่จะตอบคำถามของพ่อเขา
“คิดถึงแม่แต่ไม่มาหานี่นะ จะเชื่อได้มั้ยล่ะลูก” คุณธาวินีหรือคุณวิกอดลูกชายที่อ้อนท่านเหมือนเด็กๆ
“แกโตแล้วนะเจ้าติณณ์ ยังอ้อนแม่เหมือนเด็กๆอยู่ได้อายเด็กในบ้านมันบ้างสิ” คุณปู่พูดอย่างหมั่นไส้หลานชาย
“หิวมั้ยลูกจะกินอะไรดีเดี๋ยวแม่จะบอกป้าจอยทำให้” คุณธาวินีถามลูกชาย
“ผมยังไม่หิวครับแม่ขอไปนอนพักก่อนได้มั้ยครับแล้วตอนเที่ยงผมจะลงมากินข้าวด้วยนะครับคุณปู่ คุณพ่อ” ติณณ์อยากนอนมากถึงแม้เขาจะนั่งเฟิร์สคลาสมาก็ตามแต่มันไม่ได้หลับสนิทเหมือนนอนอยู่บนเตียงและมีอาการเจ็ตแล็กเล็กน้อย
“ไปเถอะลูก เดี๋ยวพ่อจะไปทำงานก่อนแล้วตอนเย็นเจอกันนะ” คุณเตวิชบอกลูกชายและลุกขึ้นพร้อมกับคุณธาวินีที่จะเดินไปส่งสามีที่รถไปทำงานทุกวัน
“ครับคุณพ่อ” ติณณ์ลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นไปห้องของเขาที่แม่บ้าทำความสะอาดให้อย่างหอมกรุ่นไปทั้งห้องอย่างรู้ใจเขาพอได้อาบน้ำสระผมเขาก็ตาสว่างขึ้นผ่อนคลายจากอาการง่วงนอนได้เล็กน้อยจึงนึกถึงปนาลีเขาจึงโทรหาเธอ
"กริ้งๆกริ้งๆๆ"