บทที่ 2 พี่สาวแสนดี
“หวัดดีค่ะพี่ศรา ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ” สุพิชชาถามพี่สาวกลัวว่าจะรบกวนเวลาทำงาน
“ไม่ยุ่งจ้ะ พี่เพิ่งจะไปคุยกับป๊าเสร็จพิชชามีอะไรหรือเปล่าถึงโทรหาพี่น่ะ” สุพิศราถามน้องสาวก็สุพิชชากับสุภาวดีจะไม่โทรหาเธอในตอนกลางวันเพราะสามพี่น้องชอบประชุมสายคุยกันตอนสามทุ่มทุกอาทิตย์หรือใครไม่ว่างก็สลับกันคุย
“ตอนนี้พิชชาอยู่เชียงใหม่ค่ะ ยัยวดีไม่สบายเป็นไข้หวัดแต่ไม่ต้องเป็นห่วงตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ” สุพิชชาบอกพี่สาวที่เงียบฟังเธอพูดจนจบ
“งั้นพี่จะไปเชียงใหม่แต่ต้องบอกป๊ากับม๊าก่อน ดูสิไม่สบายก็ไม่โทรมาบอกพี่เลยน่าตีจริงๆเลยยัยวดีนี่”สุพิศราพูดกับน้องสาวคนกลางที่รู้ว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับน้องๆพี่สาวคนโตไม่เคยนิ่งดูดายต้องตามไปดูให้แน่ใจว่าสบายดีจริง
“ยัยวดีกลัวป๊ากับม๊าตกใจก็เลยไม่บอกน่ะสิคะ แล้วพี่ศราจะมาเมื่อไหร่คะ” สุพิชชาบอกเหตุผลของน้องสาวคนเล็กให้พี่สาวรู้
“น่าจะพรุ่งนี้เช้า วันนี้พี่ขอเคลียงานก่อนจ้ะ” สุพิศราตอบน้องสาวและวางสายไปเพื่อรีบทำงานให้เสร็จก่อนที่เธอจะไปเยี่ยมน้องสาวคนเล็กที่ชียงใหม่
“ไปหากาแฟดื่มดีกว่าเรา” สุพิชชาพูดกับตัวเองเบาๆสายตาก็มองหาร้านกาแฟที่เธอเห็นตอนเดินเข้ามาเมื่อเจอก็เดินตรงไปทันทีเพราะตอนนี้ร่างกายของเธอต้องการกาแฟเพื่อความสดชื่นเพราะเมื่อเช้าเธอตื่นตั้งแต่ตีห้ารีบอาบน้ำแต่งตัวขึ้นแท๊กซี่ไปสนามบินดอนเมือง
ที่บ้านตระกูลวรโชติเมธี
“คุณแม่คะ หนูลียังไม่อยากแต่งงานกับพี่ติณณ์ค่ะ อีกอย่างเราไม่ได้รักกันนะคะ” ปนาลีปฏิเสธแม่ของเธอที่จะจับคู่เธอกับลูกชายของเพื่อนรักที่อยากเป็นดองกันจึงคิดจับลูกสาวลูกชายคุมถุงชน
“ไม่ได้หรอกลูกผู้ใหญ่คุยกันแล้วถ้าไม่ทำตามคำพูดก็จะเสียกันทุกฝ่ายนะลูก” คุณปนิดาคุณแม่ที่แสนจะใจดีของปนาลีบอกลูกสาวที่ทำหน้าไม่พอใจและไม่ยอมรับ
“ทำไมคุณแม่ไม่ถามหนูลีก่อนละคะ ป่านนี้พี่ติณณ์คงมีแฟนแล้วมั้งคะคุณแม่ก็บอกคุณป้าวิสิว่าหนูลียังเด็กเพิ่งเรียนจบเองนะคะ” ปนาลียืนยันว่าจะไม่แต่งงานกับติณณ์ซึ่งเขาก็คงไม่ต่างจากเธอหรอกเพราะรู้จักสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กๆเพิ่งจะมาห่างตอนที่ติณณ์ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศนี่เองแต่ยังติดต่อกันอยู่ไม่ขาดแต่มาช่วงปีหลังนี้ต่างคนต่างยุ่งก็เลยไม่ได้ติดต่อกันสงสัยต้องรีบคุยกับพี่ติณณ์ก่อนแล้วล่ะ
“ก็แม่คุยกันไว้ตั้งแต่หนูไม่เกิดแล้วนะคะลูก หนูลีจะให้พ่อกับแม่เป็นคนผิดคำพูดและไม่มีสัจจะเหรอจ้ะ” คุณปนิดาพูดหว่านล้อมลูกสาวเพื่อให้เข้าใจพวกท่าน
“งั้นให้หนูลีคุยกับพี่ติณณ์ก่อนแล้วหนูลีจะให้คำตอบคุณแม่ค่ะ” ปนาลีบอกแม่ของเธอแล้วลุกขึ้นเดินออกไปอย่างคิดหนักเธอจะต้องหาทางออกให้เร็วที่สุด แม่นะแม่ทำไมไปรับปากอย่างนั้นนะมันโบราณมากเลยที่จับลูกคลุมถุงชนเนี่ย แล้วปนาลีนึกถึงผู้ชายหน้าหล่อดุแต่เวลายิ้มนี่ทำเอาเธอใจเต้นรัวทีเดียวและเขาเป็นเพื่อนของพี่ติณณ์ที่ชอบมองเธอแปลกๆแต่พอเธอมองตอบเขาก็หลบสายตาทุกครั้งตอนนี้เขาคงมีแฟนแล้วละมั้งคงไม่สนใจเด็กกระโปโลอย่างเธอหรอก ปนาลียกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหากนกพัชร
“ดียัยพัชร แกทำอะไรอยู่อ่ะ” ปนาลีถามเพื่อน
“ฉันมาสมัครงานน่ะสิ แกถามทำไมหรือหนูลี” กนกพัชรตอบเพื่อนรักแล้วถามกลับ
“อ้าว, แล้วแกไปสมัครที่ไหนล่ะล่ะยัยยพัชร” ปนาลีอยากรู้ว่าเพื่อไปสมัครงานที่ไหนเพราะเธอรู้ว่าที่บ้านของเพื่อนทั้งสองนั้นมีกิจการใหญ่โตแต่ไม่มีใครอยากทำงานที่บ้านของตัวเองกันสักคนรวมทั้งเธอด้วย
“วาย แอนด์ เอส ไงล่ะ ยัยพิชชาก็สมัครที่นี่เหมือนกันนะ” กนกพัชรบอกเพื่อนรักเผื่ออยากมาทำด้วยกันเพราะพวกเธอเคยฝึกงานที่นี่ทำให้ผู้บริหารให้โอกาสพวกเธอได้ร่วมงานกับบริษัทขอแค่มายื่นใบสมัครเท่านั้นก็จะเป็นพนักงานของ วาย แอนด์ เอส ทันทีโดยไม่ต้องสอบสัมภาษณ์
“จริงดิ ดีจังพวกแกได้งานทำกันแล้วแต่หนูลียังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยแม่จะให้แต่งงานอ่ะ” หนูลีบอกกนกพัชรอย่างเซ็งที่ถูกบังคับทั้งที่ผ่านมาแม่ก็ตามใจเธอมาตลอดนี่นา
“จริงเหรอหนูลี ดีสิแกจะมีคนเลี้ยงสบายไปเลยไม่ต้องทำงานให้เหนื่อยไงจ้ะ” กนกพัชรบอกเพื่อนติดตลก
“ดีบ้านแกเหรอยัยพัชรบ้า พวกเราเพิ่งเรียนจบกันนะเป็นแกจะแต่งไหมเล่า” ปนาลีถามเพื่อนรักว่าจะคิดเหมือนเธอไหม
“เป็นพัชรก็ไม่แต่ง ถ้าอายุสามสิบเมื่อไหร่พัชรจะแต่งถ้าหาสามีได้นะ คิกๆๆ..” กนกพัชรตอบเพื่อนแล้วหัวเราะเธอไม่อยากให้เพื่อนคิดมาก
“นั่นไงแกก็คิดเหมือนหนูลีเลยนี่ เดี๋ยวไปเจอกันที่คอนโดแกนะจะได้ช่วยหนูลีคิดว่าจะทำอย่างไรดี” ปนาลีบอกเพื่อนจะได้ช่วยกันคิดว่าเธอจะทำอย่างไรดี
“ได้เดี๋ยวเจอกัน อ่อ พัชรลืมบอกไปยัยพิชชาไม่อยู่นะไปเชียงใหม่น้องวดีไม่สบายน่ะ” กนกพัชรบอกเพื่อน
“อ้าว,ไม่เห็นพิชชาบอกหนูลีเลย แล้วน้องวดีเป็นยังไงบ้าง”
“เป็นไข้หวัดน่ะ แต่ตอนนี้ดีแล้วอีกสองสามวันคงออกจากโรงพยาบาลได้น่ะ” กนกพัชรตอบปนาลีที่ถามถึงน้องสาวของเพื่อนอย่างเป็นห่วงเพราะต่างคุ้นเคยสนิทสนมกัน
“เราไปหายัยพิชชาที่เชียงใหม่กันมั้ยพัชร” ปนาลีชวนกนกพัชรไปเยี่ยมน้องสาวของเพื่อนรักของพวกเธอ
“ตกลง งั้นพัชรสมัครงานเสร็จแล้วพรุ่งนี้เราไปเชียงใหม่กันนะ พัชรจะได้โทรบอกยัยพิชชา” กนกพัชรตกลงทันที
“งั้นหนูลีเก็บกระเป๋าไปนอนที่คอนโดแกละกันพรุ่งนี้เช้าเราก็ไปกันเลย ตามนี้นะพัชร” ปนาลีบอกเพื่อนแล้ววางสายเพื่อไปบอกแม่ของเธอก่อนว่าจะไปเชียงใหม่
สุพิชชาก็ขับรถน้องสาวมารับเพื่อนรักทั้งสองคนของเธอที่สนามบินเชียงใหม่และยืนรออยู่พักใหญ่ก็เห็นสองเพื่อนรักเดินออกมาจากช่องผู้โดยสาร
“เฮ้, พัชร หนูลี ทางนี้จ้ะ” สุพิชชาเรียกเพื่อนของเธอที่มองซ้ายมองขวาหาเธออยู่และเดินเข้าไปหาเพื่อพาเพื่อนทั้งสองไปเยี่ยมน้องสาวที่โรงพยาบาล
“พิชชาเพื่อนรักทำไมแกไม่บอกหนูลีล่ะว่าน้องวดีไม่สบายน่ะ” ปนาลีต่อว่าเพื่อนที่ไม่บอกเธอ
“ขอโทษจ้ะหนูลี มันกะทันหันอ่ะขนาดพิชชายังรู้ตอนดึกเลย เดี๋ยวรอพี่ศราก่อนนะอีกครึ่งชั่วโมงน่าจะมาถึง” สุพิชาบอกเพื่อนและชวนกันนั่งรอที่ร้านกาแฟใกล้ๆกับทางออกของผู้โดยสาร
“น้องวดีเป็นยังไงบ้างอ่ะแก” กนกพัชรถามสุพิชชา
“ยัยวดีค่อยยังชั่วขึ้นแล้วล่ะพรุ่งนี้อาจจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วขอบใจพวกแกมากนะหนูลี พัชร” สุพิชชาขอบใจเพื่อนรักทั้งสองที่เป็นห่วงเป็นใยกันและกันตลอดมาไม่เคยทิ้งกันช่วยเหลือกันทุกเรื่อง
“นานแล้วนะที่ไม่ได้เจอพี่ศรา” ปนาลีพูดกับเพื่อนก็พวกเธอสนิทกันทุกบ้านเพราะทุกปิดเทอมหรือวันหยุดยาวก็จะพากันไปเที่ยวที่เมืองกาญบ้างโคราชบ้างถ้าอยู่กรุงเทพก็จะไปกินนอนทำรายงานที่บ้านปนาลีกันบ่อยๆ
“พวกแกจะไปเที่ยวบ้านพิชชากันมั้ย” สุพิชชาถามเพื่อน
“ไปเมื่อไหร่อ่ะแก” ปนาลีก็อยากไปเที่ยวเหมือนกัน
“ก็ยัยวดีออกจากโรงพยาบาลเราก็ไปกันเลย พวกแกมีธุระจะไปไหนกันหรือเปล่า” สุพิชชาตอบเพื่อนและถามเพราะเธอจะกลับบ้านก่อนกลับไปทำงานที่กรุงเทพ
“ไม่มี พัชรไปด้วย”
“หนูลีก็ไปด้วยอยู่แล้ว”
ทั้งสองสาวแทบจะตอบพร้อมกันทีเดียวเพราะตอนนี้พวกเธอเรียนจบกันแล้วเหลือแต่รอเวลาจะเริ่มงานตอนต้นเดือนที่จะถึงนี้และปนาลีก็มีเรื่องจะปรึกษากับเพื่อนๆด้วย เมื่อสุพิศรามาถึงเธอก็โทรหาน้องสาว
“พี่ศราคะ” สุพิชชาเห็นพี่สาวก็เรียกทันที
สุพิศราหันมาตามเสียงเรียกของน้องสาวที่อยู่ด้านหลังเธอก็เห็นสามสาวใบไม่เถายืนเรียงกันก็ยิ้มให้และรับไหว้น้องสาวกับเพื่อนๆ
“สวัสดีค่ะ/สวัสดีค่ะพี่ศรา”
“สวัสดีจ้ะสาวๆ ทำไมมารวมตัวอยู่กันที่เชียงใหม่ได้ล่ะจ้ะ” สุพิศราถามน้องสาวและเพื่อนๆ
“หนูลีมาเยี่ยมน้องวดีและอยากมาเที่ยวด้วยนิดหน่อยค่ะ ฮิฮิๆ” ปนาลีตอบพี่สาวเพื่อนที่ยิ้มกับคำตอบของเธอ
“พิชชาว่าอย่างหลังมากกว่ามั้งยัยหนูลี” สุพิชชาว่าให้เพื่อนรัก
“ไม่จริงนะแกพวกฉันมาเยี่ยมน้องวดีกันจริงๆ แต่เรื่องเที่ยวเป็นผลพลอยได้น่ะคิกๆคิกๆ” กนกพัชรพูดแล้วหัวเราะชอบใจทำให้สุพิศราส่ายหน้ากับน้องๆที่ล้อเล่นกัน
“งั้นเราไปเยี่ยมยัยวดีกันเลยมั้ยจ้ะสาว” สุพิศราชวนสามสาวเพื่อนซี้ต่างสไตล์ทั้งหมดจึงพากันเดินไปที่ลานจอดรถของสนามบินเพื่อไปโรงพยาบาล
ที่ประเทศอังกฤษ
บ้านหลังขนาดกลางสองชั้นอยู่นอกกรุงลอนดอนของติณณ์ที่ปู่เขาซื้อไว้สมัยมาเรียนที่อังกฤษจึงตกทอดมาถึงรุ่นลูกและหลานคือติณณ์ ชั้นล่างเขาจะใช้รับรองเพื่อนหรือสาวๆเวลามาหาความสำราญกันเพราะเขาไม่ชอบออกไปนั่งในคลับในอากาศหนาวขนาดนี้แต่ก็มีบ้างในบางครั้งเขาจึงชอบนั่งดื่มอยู่บ้านหรือบ้านเพื่อนมากกว่าไม่เหมือนเพื่อนๆของเขาที่ชอบเฮฮาปาร์ตี้กันบ่อยๆเช่นวันนี้ที่พากันมาหาเขาตอนเบื่อๆเซ็งๆกับปัญหาของตัวเองอยู่
ติณณ์นั่งดื่มกับเพื่อนอย่างเซ็งๆเขายังไม่อยากกลับบ้านตามคำสั่งของแม่ที่อยากให้เขากลับไปแต่งงาน ตอนนี้เขากำลังศึกษางานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ให้โอกาสเขาได้เรียนรู้งานออกแบบชิ้นส่วนรถยนต์ที่เขาได้ออกแบบส่งเข้าประกวดแล้วได้รางวัลทางบริษัทจึงทำให้เขาได้ร่วมงานกับบริษัทใหญ่ในเยอรมัน
“เฮ้แกเป็นอะไรวะติณณ์” นายติ ไอ้หม่อม หม่อมติ หรือ เนติธร สิริกรโสภณ หนุ่มไฮโซรูปหล่อมีเชื้อมีแถวแม่ของเขามียศศักดิ์เป็นหม่อมราชวงค์สายสุดา สิริกรโสภณ ได้แต่งานกับคุณชานนท์ที่คนสามัญชนธรรมดาและทำธุรกิจน้ำเมารายใหญ่ของประเทศ แต่เขาไม่ได้มียศเหมือนมารดาทำให้ถูกเพื่อนตั้งฉายาให้เขาหลายนามเหลือเกินเขาเป็นคนตลกขึ้เล่นเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆอีกทั้งรูปร่างหน้าตาหล่อเนี้ยบสมกับเป็นคุณชาย
“นั่นสิวะติณณ์ ฉันเห็นแกทำหน้าเบื่อคนทั้งโลกมาตั้งแต่มาถึงแล้วนะเพื่อน” นายกริช หรือ จักกริช ธนภูดินันท์ หนุ่มหล่อคมเข้มสไตล์หนุ่มใต้หุ่นเร้าใจสาวๆที่มาหลงเสน่ห์เคราดกรกครึ้มดิบเถื่อนของเขา ที่บ้านเขาก็ทำธุระกิจมากมายจนนับไม่ถ้วนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนายหัวปกรณ์กับนายแม่ดาวเรือง เศรษฐีเมืองภูเก็ต