2
Chapter 2
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ผมมีงานด่วนเข้ามา ต้องขอโทษจริงๆ ที่ให้คุณรอ แต่ผมโทรหาคุณแล้ว โทรไม่ติดน่ะครับ”
“คุณมีเบอร์ของฉันด้วยเหรอคะ” ราชาวดียกโทรศัพท์ขึ้นดู ก่อนจะบอกเขาว่าโทรศัพท์แบตหมด นึกตำหนิตัวเองที่ต่อว่าเขาในใจ ที่แท้เขาก็พยายามติดต่อมาบอกเธอแล้ว
“คุณหญิงย่าของคุณให้ไว้น่ะครับ เผื่อติดต่อกัน”
เขาพูดคุยกับเธออย่างเป็นกันเอง ราชาวดีเคยนึกจินตนาการก่อนหน้านี้ว่าเขาคงจะเจ้ายศเจ้าอย่างหรือมองคนเหยียดๆ เหมือนคนรวยทั่วไป คุณหญิงย่าของเธอถึงจะไม่รวยเหมือนก่อน แต่ตอนนี้ก็ยังหยิ่งและไว้ตัวเหมือนเดิม แต่นั่นคงเป็นนิสัยของท่านที่แก้ยังไงก็แก้ไม่หาย
“ค่ะ” เธอชะงักที่จะพูดต่อเมื่อพนักงานมารับออร์เดอร์ เขาสั่งอาหารและหันมาถามเธออย่างใส่ใจ
“วดีกินได้ทุกอย่างค่ะ”
“ชอบอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” เขาเลิกคิ้วเหมือนไม่แน่ใจ อาจจะคิดว่าเธอเกรงใจ ดูเขาคล่องแคล่ว เป็นกันเอง และช่างสังเกต เธอเกร็งในช่วงแรกๆ สุดท้ายก็ผ่อนคลาย เพราะเขาไม่มีท่าทีจับผิด สายตาอ่อนโยนดูอบอุ่นไร้แววหยาบโลนจาบจ้วงเหมือนผู้ชายบางคนที่ชอบมองผู้หญิง
“ก็มีบ้างค่ะ ชอบอาหารทะเลค่ะ”
“เหรอครับ” เขายิ้มให้เธอบางๆ ก่อนจะสั่งอาหารทะเลมาเพิ่ม
“ขอบคุณมากนะคะ” เธอกล่าวขอบคุณเมื่อเขาพยักหน้าให้พนักงานหลังจากสั่งอาหารเสร็จ
“คุณย่าคงแจ้งให้คุณทราบแล้วเรื่องของเรา” เขาตรงประเด็นไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว
“คะ แค่กๆๆ” เธอสำลักเพราะมัวแต่มองเขาเพลิน พอโดนถามก็สะดุ้งใบหน้าเหลอหลา
“เป็นยังไงบ้างครับ คุณโอเคหรือเปล่า” ภาคินเอ่ยถาม เขาดูห่วงใยเธอจนรู้สึกอุ่นใจ
“ไม่เป็นอะไรมากค่ะ แต่คุณคินพูดตรงจังเลยค่ะ” เธอพูดแล้วรู้สึกแก้มร้อนจนต้องลูบเบาๆ
“ผมไม่ชอบอ้อมค้อมครับ”
“คุณพูดตรงแบบนี้ทุกเรื่องเลยเหรอคะ”
“บางเรื่องอาจจะอ้อมบ้าง เพื่อรักษาน้ำใจ”
เขาตอบ สายตามองเธอนิ่ง ราชาวดีรู้สึกขวยเขิน เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อน แม้แต่รัชภาคย์เองยังไม่เคยเขินอายขนาดนี้ เธอกับเขาเหมือนพี่น้องกันมากกว่าคนรัก รัชภาคย์อาจจะรู้ใจเธอทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่เคยทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงเท่านี้มาก่อน
“ค่ะ” เธอไม่รู้จะพูดอะไรดี มือบางเผลอจิกกระโปรงที่สวมอยู่อย่างเผลอไผล
“เรียกพี่คินดีกว่าครับ เรียกคุณดูห่างเหิน”
“ค่ะ”
“ว้า... เอาแต่ค่ะๆๆ ทำเหมือนไม่อยากคุยกัน” เขาล้อเลียนเธอ ยื่นหน้าเข้ามาเล็กน้อย แค่สบตาเธอก็หัวใจเต้นตึกตักแทบจะโลดออกมานอกอก
“วดีไม่รู้จะพูดอะไรดีค่ะ ฟังพี่คินพูดดีกว่า”
“ปกติพี่ก็ไม่ค่อยพูดมากนะ”
“วดีก็เหมือนกันค่ะ”
“วันนี้วดีน่ารักมากนะครับ ใส่ชุดแบบนี้ดูหวานไปหมดทั้งตัว”
“เอ่อ... ค่ะ”
ราชาวดีจิกมือกับกระโปรงมากกว่าเดิม ชุดนี้เธอคิดว่ามันสวยอยู่หรอก แต่มันออกจะโป๊ไปนิดเมื่อเทียบกับชุดที่เธอใส่บ่อยๆ พอเงยหน้าขึ้น สายตาของเขาก็ยังมองเธอ แต่ไม่ได้มีแววเจ้าชู้เมื่อวิจารณ์ชุดของเธอ
ชายหนุ่มอาจจะเคยชินเมื่อมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊กว่านี้มาให้เขามอง ก็เขาออกจะหล่อ สายตาของเขาทำไมมันถึงทำให้เธอหวั่นไหวไปหมด ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ เขาเปิดเผยเมื่อคุยกับคู่สนทนา เวลายิ้มเขาช่างน่ามองจนเธอเผลอมองไม่ละสายตา
“ไม่ต้องเกร็งหรอกครับ พี่ชอบวดีตั้งแต่เห็นหน้า เลยไปสมัครเป็นหลานเขยคุณหญิงย่า พี่เองก็ไม่มั่นใจว่าวดีจะรังเกียจพี่หรือเปล่า พี่เลยยังไม่ให้ผู้ใหญ่ไปพูดอะไรอย่างเป็นทางการ แต่พี่เป็นเฒ่าแก่ให้ตัวเองไปพูดกับคุณหญิงย่าของวดีก่อน ถ้าวดีรังเกียจหรือยังไม่พร้อม พี่ก็เข้าใจ”
“เอ่อ... วดีไม่ได้รังเกียจค่ะ” ราชาวดีอยากจะกัดลิ้นตัวเองนัก นี่เธอพูดอะไรออกไป เธอกับเขาเพิ่งรู้จักกันเมื่อครู่เองนะ เธอจะใจง่ายไปไหน หญิงสาวตำหนิตัวเองในใจ
“พี่ไม่ได้รีบร้อนหรือบีบบังคับ แต่ถ้าวดีไม่ขัดข้อง เดือนหน้ามีฤกษ์ดี”
“พี่คินคะ คือว่า...” ราชาวดีถึงกับตกใจ แต่เธอพูดไม่ทันจบ อาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ
“พี่อาจจะดูใจร้อน แต่ก่อนแต่งงานเดือนนึง เราก็ศึกษากันได้”
“ถ้าเราไปด้วยกันไม่ได้ล่ะคะ”
“ไม่ต้องเครียดไปหรอกครับ เราลองคบกันก่อน พี่ให้โอกาสวดีได้เลือก”
“จริงๆ วดีเอง เอ่อ...” เธออึกอัก
“พูดมาได้เลย พี่ยินดีรับฟัง”
“ครอบครัวของวดีมีปัญหา...”
แล้วเธอก็พูดตรงๆ เรื่องบริษัทและสถานะการเงิน ก่อนจะลอบสังเกตสีหน้าของเขา ภาคินตั้งใจฟังและเขาก็ไม่มีท่าทีดูถูกให้เห็น เธอแค่ลองใจเขา แต่กลับกลายเป็นว่าเขาส่ายหน้า ยิ้มบางๆ กุมมือเธอเอาไว้
“พี่รู้แล้วครับ เอาเป็นว่าถ้าเป็นเรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา”
“ทำไมถึงอยากแต่งงานกับวดีค่ะ วดีไม่มีอะไรเลย”
“พี่บอกไปแล้วว่าพี่ชอบวดี และพี่ก็มองวดีมานานแล้ว”
“นานแล้ว หมายความว่ายังไง”
“ก็มองมาหลายปี รอให้วดีโตกว่านี้”
“เรื่องพี่ภาคย์ เอ่อ... หมายถึงวดีเองก็มีคนรักอยู่แล้ว” พอเธอพูดแบบนั้น เขาก็เงียบไป ดูเขาขรึมลงไปถนัดตา
“พี่ให้วดีเลือก ถ้าเลือกเขา พี่จะถอยให้ ถ้าเลือกพี่ก็แต่งงานกับพี่ ไปบอกเลิกเขาเสีย”
“วดี”
“รักเขาหรือเปล่า”
“คะ”
“รักผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า”
“วดีไม่ค่อยแน่ใจ พี่ภาคย์เหมือนพี่ชาย เรารู้จักกันมาหลายปี บ้านใกล้กัน”
“แล้วชอบพี่หรือเปล่า” เขาจ้องตาเธอ ราชาวดีตาโตก่อนจะก้มหน้างุด เขาหัวเราะเบาๆ เธอเหลือบขึ้นมอง สีหน้าของเขาดูรู้ทัน แต่กลับอ่อนโยนไร้แววเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ
“วดียังไม่รู้หรอกค่ะ เราเพิ่งเจอกันเอง” เธออุบอิบตอบ
“เห็นหน้าพี่ครั้งแรกคิดยังไง” เขาชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ เธอเม้มปากใจสั่นหวิว
“ก็...” เธอปากสั่นขยับปากไปมาพูดไม่ออก
“ไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ พี่รอคำตอบได้จนถึงวันแต่งงาน”
“แล้วถ้าตอนนั้นยังไม่ชอบ ไม่รัก”
“ถ้าถึงตอนนั้นวดีก็ต้องตัดสินใจเหมือนเดิม วดีมีอิสระที่จะตัดสินใจ”
“ถ้าวดีปฏิเสธ แล้วบริษัท...” เธอถามอย่างเป็นกังวล
“พี่ก็ต้องเข้าไปบริหารเหมือนเดิม เพราะตอนนี้บริษัทของคุณหญิงย่าวดีประสบปัญหาอย่างหนัก” เธอเม้มปากเมื่อเขาตอบแบบนั้น
“ถ้าวดีอยากจะเข้าไปทำงานที่นั่นด้วย พี่ก็ไม่ว่าอะไร” เขายิ้มอ่อนโยน หาทางออกให้เธออย่างใจดี
“คือวดี”
“ทานข้าวกันเถอะ วดีหน้ายุ่งไปหมดแล้ว พี่ไม่อยากดูเป็นคนใจร้าย”
ภาคินตัดบทก่อนจะตักอาหารให้เธอทาน ราชาวดีลอบมองเขาหลายครั้ง ก่อนจะหลุบตาก้มมองจาน เสไปตักอาหารเมื่อเขาหันมาสบตา แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เขารู้แต่ไม่พูดให้เธออาย ผู้ชายคนนี้เก็บอารมณ์เก่งและยิ้มง่าย แต่เขาก็ดูน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน
“ระหว่างนี้เราคงต้องพบกันบ่อยๆ เพื่อให้สนิทกันมากขึ้น” ภาคินพูดขึ้นหลังจากมาส่งว่าที่เจ้าสาวที่หน้าบ้านของเธอ
“ค่ะ” ราชาวดีเองก็อยากใกล้ชิดกับเขา เธอรู้สึกผิดกับรัชภาคย์ แต่เธอหักห้ามใจตัวเองไม่ไหว
“เข้าบ้านเถอะครับ พี่ฝากกราบคุณหญิงย่าด้วย ขอโทษท่านด้วยนะครับที่พี่ไม่ได้เข้าไปกราบด้วยตัวเอง พี่มีงานด่วน”
“ค่ะ อุ๊ย!” เธอรับคำก่อนจะอุทานเมื่อเขาจุ๊บเบาๆ ที่แก้มสาว มือนุ่มยกขึ้นทาบแก้มร้อนเห่อแดง อยากจะโกรธเขา แต่พอสบตาแล้วเธอก็อ่อนระทวยทุกครั้ง
“ถ้าไม่พอใจ อยากจะเอาคืน ก็หอมแก้มพี่คืนก็ได้นะครับ” เขาทำแก้มป่องเอียงข้างให้เธอ ราชาวดีตบเพียะเข้าที่แก้มเขา ก่อนจะวิ่งหนีออกจากรถ เขาเลื่อนกระจกลงมองตามเธอไปสุดตาด้วยสายตาเปล่งประกายอ่อนโยนอ่อนหวาน
ราชาวดีได้แต่ทอดถอนใจเรื่องรัชภาคย์ เธอตัดสินใจบอกเขาไปแล้วอย่างจริงจังถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน เธอยอมรับกับเขาตรงๆ ว่าเธอไม่ได้รักเขาอย่างคนรัก แต่รักและเคารพเขาเหมือนพี่ชาย