1
Chapter 1
รัชวินทร์ แอนเดอร์สัน นักธุรกิจหนุ่มเนื้อหอมผู้ประสบความสำเร็จและร่ำรวยมหาศาล กำลังขับรถจี๊ปคันโตมุ่งหน้าไปยังบ้านสวนของผู้เป็นยายเพื่อไปเยี่ยมครอบครัวในต่างจังหวัด ตอนนี้เป็นช่วงแห่งการพักร้อนมาราธอนของเขา หลังจากทำงานอย่างหนักมาหลายปี จนกิจการทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เขาจึงอยากพักเงียบๆ เพื่อเลียแผลใจ จากการถูกทรยศหักหลัง เมื่อแฟนสาวที่คบหาดูใจกัน นอกใจไปมีผู้ชายคนอื่น
ความที่อยากขับรถเองและแวะซื้อของระหว่างทางเนื่องจากไม่ได้พักร้อนมานานแล้ว เขาจึงไม่มีคนขับรถให้ต้องวุ่นวาย ขับไปพักไป แวะดูข้าวของมากมายระหว่างทาง ซึ่งเขาไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้มานานแล้ว น้องชายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ช่วยกันบริหารงานเป็นผู้สนับสนุนให้เขาพักร้อนได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
รถจี๊ปแล่นเข้ามาในอาณาเขตอันร่มรื่นของหมู่บ้านเล็กๆ ในต่างจังหวัด เขาฮัมเพลงไปพร้อมๆ กับการมองทัศนียภาพรอบข้างที่เขียวขจี ซึ่งหาชมได้ยากยิ่ง พยายามสลัดเรื่องราวเจ็บปวดในชีวิตทิ้งไปโดยสิ้น แม้เขาจะบอกใครๆ ว่าไม่เป็นอะไร แต่ความเจ็บลึกในอกที่ฝังรากลึกเนื่องจากแผลเหวอะหวะ ก็ยากยิ่งที่จะลืมเลือนไปได้อย่างง่ายดาย เขาเป็นคนมีชีวิตมีจิตใจ ไม่ใช่หุ่นยนต์ไร้ความรู้สึก ที่จะทำอะไรตามคำสั่ง เพราะทุกอย่างที่ทำ เขาทำมันด้วยใจ
เขายังจำได้ดีถึงคำพูดของน้องชาย ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาเอ่ยเตือนสติและเชื่อมั่นว่าเขาจะผ่านมันไปได้ด้วยดี
‘สักวันนายจะเจอผู้หญิงที่ดี ที่เหมาะสมคู่ควรจะอยู่เคียงข้างนาย ฉันเชื่อแบบนั้น’
เดรก... เป็นน้องชายที่เติบโตมาพร้อมๆ กับเขาในขณะอยู่เมืองนอก อายุห่างกันปีเดียว ปีนี้เขาอายุ 27 เดรก อายุ 26 และเขายังมีน้องชายร่วมสายเลือดอีกคนคือชัชวินทร์ อายุ 25 ปี
อี๊ด!!! เอี๊ยด!!!
เสียงเบรกรถกะทันหันของรัชวินทร์เบียดกับถนนแข็งๆ ที่เป็นหินบดหยาบ ซึ่งเป็นทางทอดตัวไปในหมู่บ้าน ชายหนุ่มรีบลงไปดูหน้ารถทันทีเพราะเมื่อครู่เขามัวแต่มองวิวด้านนอก และคิดอะไรเพลินๆ เลยไม่ทันเห็นว่ามีผู้หญิงเดินตัดหน้ารถออกมาจากข้างทาง
“เป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงติดจะกังวลเอ่ยถามก่อนจะรีบเข้าไปดูบาดแผลตามเนื้อตัวของคนที่ล้มลงไปหน้ารถยนต์ แก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นเพื่อจะตอบว่าไม่เป็นไร แต่เธอก็ต้องอ้าปากค้าง ก่อนจะก้มหน้างุด
รัชวินทร์เองก็อึ้งไปเช่นเดียวกันเมื่อได้สบสายตาหวานหยดของคนตรงหน้า เขาค่อยๆ เชยคางเธอขึ้นมองดวงหน้างามอีกครั้งด้วยความตกตะลึง
“นางไม้หรือเปล่านี่ แต่เอ่อ... หน้าเธอคุ้นๆ เหมือนฉันเคยเห็นที่ไหนมาก่อน” คนถามเสียงเหมือนละเมอ เรียกสติให้แก้วกัลยาอีกครั้ง เธอกะพริบตาปริบๆ เพราะตัวเองก็เอาแต่มองเขาค้าง
“ดิฉันไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ” เธอเบี่ยงหน้าหนีจากมือหนาที่เชยคางเอาไว้อย่างนุ่มนวล ก่อนจะพยายามลุกขึ้น เขาจึงรีบประคองเอาไว้
“ขอตัวก่อนนะคะ” นึกน้อยใจวูบขึ้นมาในอกเมื่อเขาจำเธอไม่ได้ อยากจะไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“อ้าวคุณ อย่าเพิ่งไปสิ คุณอยู่ในหมู่บ้านนี้เหรอครับ” รัชวินทร์ตะโกนถาม เมื่อเห็นร่างนุ่มนิ่มรีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว เขาถึงกับเกาหัวไปมาเพราะเธอหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“เอาน่า ยังไงก็อยู่ที่นี่ เขาคงหาเธอเจอ ในเมื่อหมู่บ้านเล็กๆ ที่นี่มีกันอยู่ไม่กี่ครัวเรือนเท่านั้นเอง แต่หน้าคุ้นมาก เหมือน!!! บ้าเอ๊ย เพ้อแล้วแก คงไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้ง”
เขาคงคิดมากไปเอง ไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้ง รัชวินทร์เดินไปขึ้นรถก่อนจะขับไปอีกไม่กี่นาทีก็ถึงบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ หลายปีแล้วที่ไม่ได้กลับมาเยี่ยมผู้เป็นตาและยายเลย คงตั้งแต่ที่เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ และทำงานอย่างเต็มตัว ไหนต้องรับช่วงต่อกิจการจากปู่และย่าที่โน่นอีก
เหตุผลสำคัญอีกข้อคือเมื่อหลายปีก่อน ตากับยายเอ่ยเรื่องที่จะให้เขาแต่งงานกับเด็กในอุปการะของท่าน ซึ่งเขาไม่ชอบการคลุมถุงชนแบบนั้นเลยสักนิด แม้จะยอมรับว่าเธอน่ารัก แต่เขาก็ค้านและปฏิเสธหัวชนฝา เพราะอยากที่จะเลือกด้วยตัวเอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้กลับมาเหยียบบ้านเกิดของมารดาหลายปี
นอกเหนือจากที่ตอนนี้เขาอยากกลับมาพักผ่อนที่นี่อย่างสงบ ตัดขาดจากความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง ส่วนเรื่องการคลุมถุงชนเมื่อหลายปีก่อน คิดว่าพวกท่านคงจะลืมมันไปแล้ว หรือไม่ก็เข้าใจดีว่าเขาไม่ปรารถนาให้มันเป็นเช่นนั้น หรือป่านนี้เด็กนั่นคงจะมีคนรักและแต่งงานไปแล้วก็ได้ เพราะหลังจากเขาไปอยู่เมืองนอกกับปู่ย่า ก็ไม่มีใครเอ่ยถึงเจ้าหล่อนให้เขาได้ระคายหูอีกเลย
ตอนที่เขาคิดว่าจะไม่กลับมาเมืองไทยอีก มีแต่บิดามารดาเท่านั้นที่หมั่นแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนตาและยาย เขาเคยสงสัยว่าเหตุใดมารดาจึงไม่รับท่านทั้งสองไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ต้องอัตคัดแบบนี้ แต่คำตอบที่ได้รับทำให้เขาไร้เหตุผลอันใดมาคัดค้านอีก เมื่อพวกท่านต้องการอยู่กับธรรมชาติ และผูกพันกับบ้านเก่าที่นี่มาก ตั้งแต่คุณตาจีบคุณยายใหม่ๆ และทั้งสองก็ตัดสินใจร่วมชีวิตกันนับแต่นั้นมา
นี่เป็นรอบหลายปีที่เขาทำงานอย่างหนัก และสนุกกับงานที่ทำ จนเรียกว่าบ้างาน ถ้าไม่เพราะบิดามารดาอยากกลับมาอยู่บ้านสวน เขาคงยังอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้
การมาเยี่ยมคุณตาและคุณยายก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะท่านบ่นคิดถึงเขาอยู่บ่อยๆ อยากเห็นหน้าเขานอกจากจดหมายที่เขาส่งมาหาพวกท่านด้วยความคิดถึง พวกท่านมักตัดพ้อไปในจดหมาย เขาเองรู้สึกผิดจึงส่งของขวัญมาให้ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองทุกครั้งที่มีโอกาส และไม่เคยพลาดการตอบจดหมายของพวกท่านเลย
ตากับยายของเขายึดถือความสันโดษและชอบอยู่อย่างสงบกับธรรมชาติ ท่านนิยมวิธีการส่งความคิดถึงทางจดหมายเหมือนรุ่นที่พวกท่านจีบกันเมื่อครั้งยังหนุ่มสาว เพราะให้ความละเมียดละไมในการใส่อารมณ์ความรู้สึกอย่างสละสลวยไปตามเนื้อความที่ซาบซึ้งและห่วงหาอาทรส่งถึงกัน
บิดาและมารดาของเขาส่งคนมาดูแลพวกท่านอย่างใกล้ชิด เรียกว่าไว้ใจได้ วางใจได้เลยทีเดียว ส่วนปู่กับย่าของเขานั้นเป็นคู่รักที่รักกันมาก ถึงจะอายุมากแล้วก็ยังชอบท่องเที่ยวไปทั่วโลก แตกต่างจากคุณยาและคุณยายเพราะพวกท่านรักความสงบ
คุณปู่กับคุณย่าของเขานั้นชอบทำอะไรเหมือนวัยรุ่น ออกจะเป็นแนวฮาๆ และตลกเสียด้วยซ้ำ พวกท่านยังไปดูหนังด้วยกัน ฟังเพลงมุ้งมิ้งกันสองคน ว่ายน้ำกัน ขับเรือ หรือไม่ก็เดินออกกำลังกายด้วยกัน มันเป็นภาพชินตาที่เขาเห็นบ่อยๆ เมื่อติดต่อกันด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน
อากาศเย็นสบายที่กระทบมาโดนตัวของเขาทำให้ชายหนุ่มหลับตาแล้วยกมือขึ้นสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดอย่างเต็มที่ บรรยากาศแบบนี้นี่เอง บิดามารดาจึงอยากมาพักผ่อนที่นี่ เขาเองอยากจะอยู่ที่นี่ให้นานเหลือเกิน เพราะภาระงานที่สะสางเสร็จสิ้น และไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แถมยังมีน้องชายช่วยดูแลให้อีกแรง ทุกอย่างก็ขับเคลื่อนไปตามที่วางเอาไว้ อีกอย่างเพราะเทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ทันสมัย ไปไหนมาไหนก็ทำงานได้ แค่มีอุปกรณ์สื่อสารและคอมพิวเตอร์พกพา พ่วงท้ายด้วยอินเตอร์เน็ตแค่นี้ก็สะดวกสบายหายห่วง ไม่ว่าจะนอนพักผ่อนอยู่ส่วนไหนของโลก ก็ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
“ตาราร์ด” เสียงอ่อนโยนเอื้อเอ็นดูของผู้เป็นยายทำให้รัชวินทร์ลดมือลงและลืมตามองเบื้องหน้า ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นท่านกำลังยืนยิ้มอยู่ที่บันไดบ้านหลังใหญ่
“คุณยาย” รัชวินทร์เดินเข้าไปสู่อ้อมกอดของคุณยายอย่างแสนคิดถึง ไม่เจอกันหลายปีคุณยายของเขายังแข็งแรงอยู่เลย อาจเพราะเป็นคนรักสุขภาพและอยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์แบบนี้ เลยดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงหลายปี