1 error
ร่างวิญญาณของฟ่านจื่ออิงลอยไปลอยมาในดินแดนโบราณมานานหลายเดือน ตอนที่รู้ตัวว่าตายเพราะอุบัติเหตุยังไม่รู้สึกเจ็บใจเท่ากับตอนที่รู้ว่า ถูกแช่งให้เข้ามาเกิดใหม่ในดินแดนนิยายที่เธอเป็นคนแต่ง
จะไม่รู้สึกเจ็บใจได้ยังไงกัน ก็นิยายแต่ละเรื่องที่เธอแต่งนั้นล้วนไม่จบสักเรื่อง พอถึงตอนที่แต่งไปไม่จบผูกปมจนไปต่อไม่ได้ก็ถือโอกาสปิดเรื่องหนีหายไปดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น พอนักอ่านบ่นเยอะเข้า ก็จัดแจงเปลี่ยนนามปากกาไปเปิดเรื่องใหม่ เป็นแบบนี้ซ้ำ ๆ วนไปไม่รู้กี่เรื่อง
จนวันหนึ่งนักอ่านเกิดจับได้ว่านามปากกานี้เป็นคนคนเดียวกันนี่นา เอาลิสต์นิยายมาดูมากกว่า สามสิบเรื่อง ทุกคนรวมหัวกันประท้วงอย่างออกรสออกชาติ แต่น่าเสียดายที่เอาผิดอะไรทางกฎหมายไม่ได้ เพราะเธอไม่ได้ติดเหรียญไม่ได้เปิดสร้างรายได้ ไม่มีการซื้อขายฉ้อโกงเกิดขึ้น
นักอ่านที่น่าสงสารเกิดความคับแค้นใจ ผุดแคมเปญหนึ่งขึ้นในกลุ่มนักอ่านนิยาย ให้ทุกคนมาเสนอความคิดเห็นกันว่าจะเอายังไงกับนักเขียนที่ไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ดี
ในที่สุดทุกคนก็ตกลงกันว่า การสาปแช่งให้นักเขียนเข้าไปติดอยู่ในนิยายของตัวเองและติดเป็นตัวละครที่โชคร้ายที่สุด โดนทรมานเคี่ยวกรรมไปเลย น่าจะเป็นทางเดียวที่ทำได้ในเวลานี้
ความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ผู้คนลงชื่อเป็นหมื่น ๆ คน
ตอนที่เธอได้ยินเรื่องนี้จากเซียนน้อยก็แทบอยากตายอีกครั้ง เซียนน้อยหน้าหวานอธิบายว่า คำสาปแช่งตัวเธอนี้มีมากมายหลายหมื่นครั้ง ทำให้ระบบสวรรค์เกิดทำงานผิดพลาดคิดว่าคำสาปแช่งเป็นคำอธิษฐานเลยจัดการส่งฟ่านจื่ออิงเข้ามาในโลกของนิยาย พอถึงตอนนี้เซียนน้อยพูดถึงระบบสวรรค์ที่ error ฟ่านจื่ออิงก็ยังไม่ทันทำความเข้าใจ
เจ้าหน้าหวานนั่นก็หายหัวไปเสียก่อน เธอจึงได้แต่โกรธเจ้าหมอนั่นแต่ทำอะไรไม่ได้
หายไปไม่นานเสียงสวรรค์ดังขึ้นจากท้องนภา บอกว่าให้เธอทำใจ เพราะคำร้องสาปแช่งมีมากมายเกินไป ถือว่าเป็นการรับกรรมที่ก่อเอาไว้ให้คนเสียใจทุกข์ใจเล่นก็แล้วกัน
ระหว่างนั้นฟ่านจื่ออิงก็วนเวียนตามหาตัวละครที่ตนเองเขียน แต่เพราะเขียนเยอะเกินไปเลยแทบจะจำชื่อตัวละครไม่ได้ ใช้เวลาตามหาอยู่เป็นเดือนจนจนกระทั่งวนเวียนลอยไปลอยมาจนถึงวังหลวง
จู่ ๆ ร่างวิญญาณของเธอก็ถูกดูดเข้าไปในร่างของสตรีนางหนึ่ง พอลืมตาตื่นขึ้นประสาทสัมผัสทั้งห้าการรับรู้ร้อนหนาวก็กลับมาหมดสิ้น
ความทรงจำโผล่เข้ามาในหัวสมองโง่ ๆ ของเธอ สตรีที่สวมเสื้อผ้าเหม็น ๆ นี่ เป็นองค์หญิงที่ถูกลืม ตอนเกิดทำให้พระมารดาตาย องค์จักรพรรดิผู้เป็นบิดา เชื่อคำยุยงของฮองเอา เรื่องความเป็นตัวซวย จึงส่งเด็กน้อยมาอยู่ท้ายวัง นานวันเข้าก็หลงลืมไปแล้วว่ามีองค์หญิงผู้นี้อยู่ในวัง ลืมไปแล้วว่ามีบุตรสาวเช่นนาง
ฟ่านจื่ออิงตอนนี้เลยกลายเป็นเหยาอิงหลาน
พอรู้ว่าตัวเองเป็นใครก็ขนลุกในชะตากรรม ถ้าตอนนี้อายุ 16 อีกหนึ่งปีให้หลังต่อจากนี้ อิงหลานคนงามจะถูกฆ่าตายด้วยสามีของตัวเองนี่น่า
แค่คิดฟ่านจื่ออิงก็ขนลุกซู่ ที่ขนลุกไม่ใช่เพราะอะไร วิญญาณคนอื่นทะลุมิติเข้ามาอาจรู้เรื่องรู้ราวที่กำลังจะต้องดำเนินไปจนหมดสิ้น แต่...ไม่ใช่กับเธอ
เพราะนิยายแต่งไว้มากมายหลายเรื่อง แต่งเยอะจนจำไม่ได้ว่าตัวละครไหนเป็นตัวละครไหน พล็อตเรื่องตัวละครข้ามเรื่องกันไปมาวุ่นวายไปหมด
ความรู้สึกตอนนี้เลยได้แต่ปลงที่ต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
ถ้าสมมุติว่าถูกตัวละครของตัวเองฆ่าตายแล้ว เธอจะได้หลุดออกไปจากโลกนี้หรือเปล่า อย่างน้อยก็ขอให้ได้กลับไปเวียนว่ายตายเกิดตามปกติ ฟ่านจื่ออิงที่ตอนนี้ต้องสวมรอยเป็นเหยาอิงหลานได้แต่ทอดถอนใจ
“องค์หญิง พระองค์ฟื้นแล้ว” เสียงสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจ
เหยาอิงหลานหันใบหน้าไปตามเสียง เดาว่าสตรีผู้นี้น่าจะเป็นแม่นมที่คอยดูแลอิงหลานมาตั้งแต่ยังเด็ก หากไม่ได้นาง ป่านนี้อิงหลานคนงามคงไม่ได้มีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้
“ท่านแม่” อิงหลานตัดสินใจเรียกสตรีผู้นั้นว่าแม่
“ไม่ได้เพคะ องค์หญิงเรียกหม่อมฉันไม่ได้” หวังต้าจู รีบปฏิเสธเพราะรับไม่ไหวกับคำเรียกนั้น
ตั้งแต่ที่นางรับองค์หญิงน้อยมาเลี้ยงดู ก็เอ็นดูรักใคร่ประดุจบุตรสาวแท้ ๆ ของตัวเอง มอบทุกอย่างให้เท่าที่ตนเองจะมอบให้ได้
นึกไม่ถึงโตมาจะรู้ความนัก ฉลาดเฉลียวซุกซน แต่ร่างกายอ่อนแอ เพราะอยู่ในที่มืดและเย็นมายาวนาน
ยิ่งโตยิ่งงดงามเหมือนพระมารดา พออายุเลยวัยปักปิ่นกลิ่นกายที่หอมราวกับดอกกล้วยไม้ป่าเริ่มรุนแรงขึ้น หวังต้าจูกลัวว่าสิ่งนั้นจะทำภัยมาถึงตัวองค์หญิงน้อยอันเป็นที่รักจึงวางแผนให้พกถุงเครื่องเทศกลิ่นเหม็นติดกายตลอดเวลา หนำซ้ำยังให้แต่งกายเป็นเด็กผู้ชายเพื่อไม่ให้จุดสังเกตของผู้คน ไม่ให้ความงามของนางไปต้องใจใคร
“ให้ข้าเรียกท่านเช่นนั้นเถอะเจ้าค่ะ” เหยาอิงหลานจับมือแม่นมที่เลี้ยงดูตนมาตั้งแต่เด็ก ทุกเรื่องทุกราวที่นางพูดล้วนเป็นไปตามบทที่ถูกเขียนเอาไว้ไม่สามารถฝืนเรื่องราวนอกจากนั้นได้
ฟ่านจื่ออิงจึงรู้แล้วว่าต่อจากนี้เธอต้องอดทนดำเนินเรื่องไปตามนิยายมั่วซั่วที่เธอเขียนเอาไว้นั่นเอง
หวังต้าจูได้ยินที่องค์หญิงน้อยกล่าวก็น้ำตารินไหลโอบกอดนางอย่างรักใคร่ เหยาอิงหลานเองก็กอดตอบรับ ในชีวิตขององค์หญิงแสนงดงามผู้อาภัพคนนี้มีเพียงหวังต้าจูที่นางรักใคร่อย่างจริงใจ คาดหวังเอาไว้วันหน้าจะต้องออกไปใช้ชีวิตนอกวังให้ได้