ตอนที่ 5
กระเป๋าสะพายพร้อมหนังสือถูกวางไว้ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง นางแบบมองใบหน้าตนเองในกระจก ช่างกำลังตกแต่งให้สวยงาม ตรีนาฎระบายลมหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ทั้งทำงานและเรียน ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหนักอึ้ง บางครั้งแอบท้อ แต่ไม่อยากสูญเสียบ้านที่ยายกับแม่รักนักหนาไป เธอจำต้องกัดฟันหาเงินไถ่ถอนบ้านหลังนั้นคืน
“เรียบร้อยแล้วจ้ะดอกหญ้า” ช่างแต่งหน้าบอก
เธอยกมือไหว้แล้วลุกยืน สำรวจความเรียบร้อยของตนเองอีกครั้ง จึงเดินออกจากห้อง ร่างบางในชุดลูกไม้สีขาว ศีรษะประดับด้วยมงกุฎดอกไม้ ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยโทนสีพีช ยิ่งขับให้ผิวดูขาวเนียนสะอาดตา
สถานที่ถ่ายทำถูกจัดไว้เรียบร้อย เก้าอี้ไม้สีขาว ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ โดยมีผลิตภัณฑ์เป็นแป้งกลิ่นธรรมชาติ ตรีนาฎก้าวออกมา ย่างก้าวอย่างเชื่องช้า แล้วค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ ยกแป้งขึ้นมาดมแล้วเทลงฝ่ามือลูบไล้ลงบนใบหน้า มองกล้องแล้วยิ้มบางๆ
ตรีนาฎเริ่มพูด และแสดงบทบาทตามที่อ่านมา ไม่ถึงสามชั่วโมง การถ่ายทำวันนี้เป็นอันเรียบร้อย คนตัวเล็กถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ลุกยืนแล้วเดินออกมาเพื่อเข้าห้องแต่งตัว ดวงตาทอดมองตนเองในกระจก กัดริมฝีปากเก็บความอึดอัดและความรู้สึกมากมายไว้ภายใน เธอแค่หวังว่าสักวัน คนที่ยายต้องการพบหน้าจะมาเยือนเสียที
ร่างสันทัดก้าวลงจากรถแล้วเดินมายังสถานที่ถ่ายทำ ทีมงานยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมเมื่อชายคนนี้คือผู้จ้างทำงานโฆษณาชิ้นนี้ ขจรเดชเจ้าของบริษัทผลิตภัณฑ์แป้งห้อมยี่ห้อสวีทเลิฟ นั่งลงบนเก้าอี้ ผู้กำกับเปิดโฆษณาที่เพิ่งถ่ายทำเสร็จให้ชม เขานิ่งงัน ราวกับต้องมนต์สะกด เมื่อใบหน้าของนางแบบโฆษณาช่างละม้ายคล้ายใครบางคน
โฆษณาจบลงในห้านาที ทว่าในความรู้สึกเขากลับมีบางอย่างพวยพุ่งขึ้นมา ช้อนสายตามองผู้กำกับแล้วเม้มริมฝีปากชั่งใจพักใหญ่ ก่อนตัดสินใจพูดออกมา
“นางแบบโฆษณายังอยู่ไหม ผมอยากพบหน่อย”
ผู้กำกับตีหน้าเครียด หรือผู้ชายคนนี้จะเฒ่าหัวงูชอบกินเด็กสาวๆ
“คือว่า...”
“ผมแค่อยากคุยไม่ได้มีอะไร คุณไม่ต้องกังวล” ขจรเดชรีบคลายความสงสัย
สีหน้าผู้กำกับดีขึ้น เลยกวักมือเรียกลูกน้อง กระซิบบอกให้พาตัวนางแบบโฆษณามาพบเจ้าของสินค้า
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูทำให้หญิงสาวหันมอง เมื่อมันแง้มออก เห็นทีมงานเดินเข้ามา
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่แป้ง” เธอถามเสียงเบา
“ผู้กำกับให้มาตามจ้ะดอกหญ้า”
คนถูกตามคิ้วขมวด เธอทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่านะ
“ดอกหญ้าทำอะไรผิดไปหรือเปล่าคะพี่” หญิงสาวถามเสียงเครียด
คนถูกถามส่ายหน้า “พี่ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ แต่คงไม่มีอะไรหรอก วันนี้ดอกหญ้าโอเคมาก”
เธอระบายลมหายใจแล้วลุกยืนจากเก้าอี้ เดินออกมาจากห้องแต่งตัว ในหัวครุ่นคิดหนัก หวังว่าคงไม่มีเรื่องอะไร เพราะเธอเจอเหตุการณ์วุ่นวายมามาก ไม่อยากต้องเสียงานดีๆ แบบนี้ไปอีก
ขจรเดชได้ยินเสียงฝีเท้า เหลือบมองสาวน้อยหน้าตางดงามกำลังเดินเข้ามา ทีมงานพาเธอมาหยุดบริเวณโต๊ะด้านหลังหน้าจอมอนิเตอร์ เขาขยับกายหันมาเผชิญหน้ากับนางแบบโฆษณาแล้วสบตา
“ดอกหญ้านั่งเลย พอดีลูกค้ามีเรื่องอยากคุยกับดอกหญ้าน่ะ” ผู้กำกับบอก
เธอนั่งลงตามความต้องการ แล้วเม้มริมฝีปากเพื่อผ่อนคลาย แม้หัวใจกำลังเต้นกระหน่ำไม่หยุดก็ตาม
ขจรเดชพิศมองใบหน้าของหญิงสาวยิ่งรู้สึกบางอย่าง หัวใจกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง มุมปากกระตุกอยากเอื้อนเอ่ย ทว่ากลับมีคนอื่นอยู่ยิ่งทำให้เขาไม่กล้ามากพอ เขาเหลือบมองผู้กำกับและพนักงานอีกคน
“ผมขอคุยเป็นการส่วนตัวได้ไหม” เขาบอกเสียงแผ่ว แล้วสบตากับหญิงสาวอีกคน ใบหน้าเธอกำลังเผือดลง
ผู้กำกับลังเล เช่นเดียวกับทีมงานชื่อแป้ง
“ผมว่าคงไม่เหมาะนะครับ”