บทที่๔...เบื้องหลังความรัก (๒)
“ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากให้คุณกลับ” สองสายตาสบกันนิ่ง ก่อนที่หนุ่มต่างชาติจะหมุนเก้าอี้แล้วหันมาหาเธอทั้งตัว พร้อมจับมือเล็กเอาไว้ทั้งสองข้าง
“ผมชอบคุณ ผมไม่อยากเก็บเอาไว้คนเดียว อยากให้คุณรับรู้ความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมีให้คุณ” ใบหน้าหวานแดงท่ามกลางแสงไฟสีนวล บรรยากาศยิ่งเป็นใจในการสารภาพรัก หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะกับการสารภาพรักไม่ทันตั้งตัว
ความรู้สึกที่ไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียวเพราะเขาก็คิดเหมือนกันแต่หล่อนยังไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ครั้งนี้เท่าไหร่ ถ้าเกิดชายหนุ่มกลับบ้านเกิดมันก็กลายเป็นรักทางไกลใช่ไหม แล้วมันจะยาวนานเท่าไหร่กับรักที่มีตัวแปรเป็นระยะทาง
อลิสากังวลไปหมด แต่ก็รักชายหนุ่มมากเช่นกัน หล่อนขบคิดจนเขาเริ่มกลัวว่าคำตอบจะเป็นไปในทิศทางอื่น
“ไม่ต้องรีบตอบผมก็ได้ ไว้ตอนไหนคุณพร้อมค่อยบอก” อย่างไรก็เหลือเวลาอีกหลายวัน เชื่อว่าเสน่ห์ของตนเองคงทำหล่อนตกหลุมรักได้ไม่ยาก
อยากให้เธอหลงเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น ดูจากแววตาแล้วหากไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไปสาวสวยผู้นี้ก็มีใจให้ซีน่อนเช่นเดียวกัน
เหลือก็เพียงเหตุผลที่เธอไม่ยอมตกลงสักที
พวกเขานั่งอยู่ที่นั่นพลางพูดคุยเรื่องอื่น ข้ามความสัมพันธ์ที่กำลังพัฒนาไปทันที หล่อนคงต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อหาคำตอบให้ตัวเองว่าควรตัดสินใจอย่างไร
ไปส่งอลิสาที่บ้านเรียบร้อยจึงกลับมายังโรงแรมที่ตนพักอาศัย ผิวปากมีความสุขค่อยเดินเข้าไปข้างใน พอดีเห็นพี่ชายรออยู่ข้างล่างก็สร้างความสงสัย ทำไมต้องมานั่งรอที่ล็อบบี้ ขึ้นไปรอบนห้องก็ได้ เป็นถึงเจ้าของโรงแรมบอกคำเดียวลูกน้องก็ทำตามแล้ว
บอดี้การ์ดที่แอบตามเจ้านายตลอดทั้งวันก็ปล่อยให้ซีน่อนมีเวลาส่วนตัวกับพี่ชาย จึงได้เดินไปรอบนห้องและเปลี่ยนเวรกับอีกสองคนที่อยู่โรงแรม
“ทำไมมารอข้างล่าง” เจ้าของโรงแรมยืนเต็มความสูง ใบหน้า เรียบเฉยไม่บอกอารมณ์
“ไปนั่งที่บาร์เป็นเพื่อนหน่อย” มาแปลก มาอยู่แค่สองวันเจอหน้าพี่ชายบ่อยกว่าตอนอยู่ด้วยกันที่บ้านซะอีก
สองหนุ่มเดินเข้าไปในบาร์ที่ซีน่อนเพิ่งมาเมื่อวาน คราวนี้มีโต๊ะ วีไอพีอยู่บนชั้นสอง พวกเขาจึงเลือกไปนั่งที่นั่นแล้วสั่งแอลกอฮอล์ที่ส่งตรงจากเมืองนอกมาดื่ม นอกจากนั้นหญิงสาวรูปร่างเพรียวก็เข้ามาขนาบข้างทันทีตามคำสั่งผู้จัดการ
“นายดูเครียดนะ” พูดภาษาอิตาลีพลางยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่ม รสชาติบาดคอแต่ก็ทำให้ติดใจ
“ฉันแค่เบื่อ” ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของซีโน่ผู้ยิ่งใหญ่
“ตอนนี้ฉันมีความสุข” ใบหน้าของซีน่อนบ่งบอกชัดเจนว่าสุขมากแค่ไหน คนเป็นพี่เห็นก็นึกสงสัย แต่จากที่ถามคาร์ดอสแล้วน้องชายมีแผนการบางอย่าง แน่นอนว่ามือขวาผู้ปิดความลับเก่งไม่ได้บอกอะไรมากกว่านั้น
“หลงสาวไทยหรือไง” เขายักไหล่
“เธอหลงฉันมากกว่า” พูดอย่างมั่นใจ ทำให้พี่ชายหมั่นไส้กับท่าทีแบบนั้น
“นายอยากรู้ไหมว่าเธอเป็นลูกใคร” ยิ่งพูดก็ยิ่งสนุก ซีโน่เอนกายพิงโซฟาโดยมีหญิงสาวข้างกายคอยเสิร์ฟน้ำแล้วบีบนวดตามแขน วันนี้แขกวีไอพีหน้าตาดีทั้งคู่ บรรยากาศการทำงานก็กระชุ่มกระชวย
“มาโก้ รอย สอวาโต้” ชื่อนั้นทำให้ชายหนุ่มชะงัก ก่อนที่รอยยิ้มจะประดับริมฝีปากเมื่อคาดเดาแผนการของน้อง
คนเจ้าเล่ห์ที่ชอบเล่นเกมสกปรกอย่างซีน่อน เดาได้ไม่ยากเลยว่าต้องการทำอะไร
“เรื่องหุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นเป็นเรื่องจริงเหรอ” เจ้าพ่อมาเฟียพยักหน้าพลางหันไปจุมพิตที่ข้างแก้มหญิงสาวเป็นการขอบคุณที่รินเหล้าได้ถูกใจ เล่นเอาสาวเจ้าขวยเขินหน้าแดง
“ใช่ ฉันให้คาร์ดอสสืบแล้ว” เปล่งเสียงหัวเราะออกมาทันที ใครจะคิดว่าศัตรูยังมีจุดอ่อนในด้านธุรกิจ จากที่ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมก็รื่นเริงจนหันไปเคล้านารีซึ่งนั่งเคียงกาย
สองพี่น้องมีความสุขหลังจากวาดฝันให้เมืองทั้งเมืองตกเป็นของตนเอง ตอนนี้คนน้องได้กว้านซื้อบรรดาตำรวจและทหารให้เป็นพรรคพวกของตน
กล่าวกันว่ามาเฟียมักยุ่งกับเรื่องผิดกฎหมาย ทั้งค้ายา ค้ามนุษย์ ค้าอาวุธที่ทางการไม่ยอมรับ ทว่า Coraggio นั้นต่างออกไป
ฮาเกน แกสตัน ผู้เป็นบิดาได้เปลี่ยนเส้นทางสีเทาให้เป็นความบริสุทธิ์ ตัดขาดจากยาเสพติดและค้ามนุษย์ เหลือเพียงคาสิโนและอาวุธที่ขายให้ประเทศแถบแอฟริกาที่ยังมีสงครามกลางเมือง ด้วยสัมพันธ์ที่มีมายาวนานการจะตัดขาดเป็นไปได้ยาก
คนเป็นลูกก็ลดรับแนวคิดของบิดา เลิกเส้นทางสีเทาแต่ก็ตัดขาดไม่ได้ทั้งหมด ซีน่อนยังเหลือคาสิโนเอาไว้เพราะอย่างไรก็ไม่ผิดกฎหมาย หากไม่มีเรื่องอื่นสอดแทรกมาด้วย ส่วนอาวุธนั้นได้ส่งให้เพียงประเทศเดียว และอีกไม่นานคงตัดขาดอย่างจริงจังและเลิกการค้าอาวุธเถื่อน
แค่ธุรกิจบนดินก็หัวหมุนแล้ว ทั้งการขนส่งขนาดใหญ่ที่มีปัญหาให้แก้ทุกวัน และนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ ทำให้เวลาที่ต้องจัดการเหยื่อค่อนข้างน้อย หากงัดเสน่ห์มาใช้ได้ก็ต้องรีบทำ
“แล้วเหยื่อสวยไหม” เขายกยิ้มแล้วพยักหน้า
“มากเลยล่ะ” นึกถึงใบหน้าหวานคมของสาวลูกครึ่งก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ วันนี้ที่ไปเที่ยวด้วยกันเขาสนุกมากจนเกือบลืมแผนการที่วางเอาไว้
“แล้วไม่กลัวตกหลุมรักเหรอ” ซีน่อนนิ่งไปสักพัก แล้วตอบอย่างเฉยชา
“นายเคยเห็นฉันมีหัวใจหรือไงล่ะ” หลังจบประโยคนั้นก็คว้าหญิงข้างกายมาจูบอย่างดูดดื่มราวกับย้ำเตือนว่าความรักนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ และเขาไม่มีทางรักลูกสาวของศัตรูอย่างแน่นอน
ที่ทำทุกอย่างก็เพื่อให้ได้อำนาจเท่านั้นเอง
สาวพนักงานแบงค์นั่งมองพระจันทร์บนท้องฟ้าอย่างคิดหนัก หล่อนไม่รู้ว่าควรตัดสินใจเช่นไรดีกับความรักที่เกิดขึ้นในตอนนี้ กังวลไปหมดทุกอย่างและที่เป็นห่วงสุดน่าจะระยะทาง จึงได้ใคร่ครวญมากกว่าปกติ
“แกจะคิดมากทำไม ถ้ารักเขาก็ขอเป็นแฟนเลย เขาบอกชอบแล้วไม่ใช่หรือไง” เพื่อนสนิทที่ว่างจากงานมานอนด้วย จึงได้คนคุยระหว่างตัดสินใจไม่ถูก
“แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาโสดหรือเปล่า ถ้าแค่หวังฟันล่ะ” ไม่รู้จะเชื่อใจเขาได้มากน้อยแค่ไหน คำถามทั้งหลายผุดขึ้นเต็มไปหมด
บางทีก็นึกสงสัยว่าเธอต้องการหาข้ออ้างเพื่อยื้อเวลาการศึกษาใจให้นานกว่านี้ โดยลืมไปว่าอีกไม่นานซีน่อนต้องกลับประเทศเพื่อไปทำงาน
“อันนั้นฉันไม่รู้ เพราะไม่ได้อยู่กับเขาหรือรู้จักนิสัยใจคอ แล้วแกที่รู้จักเขามาเจ็ดแปดวันคิดว่ายังไงล่ะ” ดาราสาวกินโยเกิร์ตขณะที่นั่งคุยกับเพื่อน เธอเป็นคนชอบกินแต่ต้องรักษาหุ่น ทำให้ขนมที่ชอบก็ต้องงดทั้งหมด
อลิสานั่งคิดสักพักแล้วถอนหายใจอย่างหนักอก เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับชีวิตตอนนี้ เครียดจนคนที่นั่งข้างกันต้องถามย้ำ
“ที่แกคิดมากอยู่ตอนนี้คือเรื่องอะไรกันแน่ ฉันขอถามคำเดียว เลยนะ แกชอบเขาหรือเปล่า” พอได้ยินดังนั้นก็เงียบสักพัก แล้วค่อยพยักหน้าอย่างเชื่องช้า
“ชอบ” พึมพำเสียงเบาด้วยความเขินอาย แค่คิดถึงคำพูดของเขาที่บอกชอบก็เล่นเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว
ดวงตาคมที่จ้องมองอีก ซีน่อนร่ายมนต์ใส่เธอหรือเปล่า กลับมาบ้านถึงเห็นแต่หน้าเขา เพิ่งรู้จักกันไม่นานแต่หัวใจก็ทำงานหนักซะแล้ว
“แกชอบเขา เขาก็ชอบแก ทุกอย่างแฮปปี้แล้วไม่ใช่เหรอ จะมานั่งกังวลอะไร” คนไม่มีความรักไม่เข้าใจ เพราะสำหรับเธอแล้วถ้าคิดเหมือนกันทุกอย่างก็จบ ทว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น โดยเฉพาะฝ่ายชายไม่ใช่คนไทย และอีกไม่นานเขาคงกลับประเทศตนเอง
“ฉันกลัวรักทางไกล” ยอมบอกอีกข้อที่ทำให้ยังกังวล เล่นเอาธยาน์ต้องหันมามองเพื่อนแล้วแนะนำวิธีติดต่อ
“โถ่แม่คุณ นี่มันสมัยไหนแล้วจ๊ะ โทรศัพท์ก็มี คิดถึงก็วิดีโอคอลไปสิจะกลัวทำไม” นั่นมันก็จริง แต่ก็ไม่เหมือนเห็นหน้าและได้คุยกันตัวต่อตัวอยู่ดีนั่นแหละ
สาวธนาคารมีข้ออ้างให้ตัวเองนับร้อย โดยที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมจึงต้องคิดมากขนาดนี้ด้วยกับการมีความรัก
“แกไม่เข้าใจ แล้วถ้าเขามีลูกมีเมียอยู่แล้วล่ะ” ประวัติของชายหนุ่มเธอก็ไม่รู้ทั้งหมด หากว่าตัวเองเป็นมือที่สามให้คนรักเลิกกันจะทำอย่างไร แต่ดูจากนิสัยของซีน่อนเขาไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย ออกจะจริงจังกับความรัก
“ฟังนะเพื่อน ถ้าเขามีครอบครัวแล้วคงไม่มาเที่ยวไทยนานขนาดนี้หรอก แถมยังมาคนเดียวอีก เรื่องนั้นตัดออกไปได้เลย” นั่นก็ถูก...
หรือเธอจะคิดมากไปเอง
“ถ้าเขาเป็นพวกค้ามนุษย์แล้วแกล้งทำเป็นคนดี ฉันจะไม่ถูกหลอกไปขายเหรอ” ยังคงหาข้ออ้างทำเอาดาราสาวถึงกับกุมขมับ ขนาดตนเองทำงานสายอาชีพนี้ยังไม่จินตนาการเท่าเพื่อนเลย สงสัยคงจะดูภาพยนตร์หนักเกินไป
“ดูหนังมากไปใช่ไหม คิดเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ เลิกฟุ้งซ่านแล้วไปถามเขาตรงๆ เอาให้มันชัดเจนไปเลย ไม่สิ เขาก็ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้วมีแค่แกเนี่ยแหละห่วงไม่เข้าเรื่อง” หักล้างทุกข้ออ้างของอลิสา แล้ววางโยเกิร์ตที่กินหมดแล้วไว้ด้านข้าง
บรรยากาศตอนดึกไม่ได้ร้อนจนเกินไป ยังมีลมพัดผ่านบ้างแต่ที่น่ากังวลก็เรื่องยุงเนี่ยแหละ ต้องคอยตบคอยตีจนน่ารำคาญ
“มันจะไม่ดูน่าเกลียดใช่ไหมถ้าจะชอบกันทั้งที่เจอไม่ถึงเดือน” ที่ร่ายมาทั้งหมดดูเหมือนเรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่กังวลจริงๆ จนหล่อนต้องเรียกสติเพื่อนสนิทด้วยคำพูดที่หนักแน่น ให้อีกฝ่ายมั่นใจถึงความรักที่เกิดแบบกะทันหัน
“ความรักมันกำหนดเวลาได้หรือไง รออีกสามเดือนค่อยรักแล้วกันอย่างนี้เหรอ” อลิสายิ้มออกมาแล้วหัวเราะในลำคอ
“บ้าหรือไง” ตอบกลับเพื่อนเสียงเบา
“เอาอย่างนี้ไหม ถ้าแกยังไม่แน่ใจก็ลองหลบหน้าเขาสักสัปดาห์สิ ดูว่าจะทนไหวไหม” ลองเสนอวิธีไม่รู้จะเข้าท่าไหม ก็แค่ไม่อยากให้เพื่อนต้องมานั่งหน้าเครียดแบบนี้ เดี๋ยวเธอก็ไม่ค่อยว่างมาหาแล้ว และเชื่อว่า อลิสาคงไม่ปรึกษาแม่หรือพี่สาวอย่างละอองแน่
“ไม่เอาหรอก” ปฏิเสธทั้งที่ใจเริ่มคล้อยตาม
“ตามใจ แค่แนะนำ” ตบยุงที่มาเกาะแขน ก่อนจะหาวเพราะง่วงนอน คาดว่าตอนนี้คงดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก
“ง่วงแล้ว ฉันไปนอนก่อนนะ” ธยาน์พูดจบก็เดินเข้าบ้าน ปล่อยร่างบางให้นั่งดูพระจันทร์เพียงลำพังก่อนจะตัดสินใจบางอย่าง
การหนีหน้าไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา แต่ลองดูก็ไม่เสียหายหรอกมั้ง...