บทที่ 17 อย่างนั้นก็ไปนอนบ้านฉันสิ
บรรพบุรุษของตระกูลไป๋ของพวกเขาเป็นแพทย์หลวงในพระราชวัง และในสมัยกลางและปลายราชวงศ์ชิงก็เป็นพ่อค้ายาสมุนไพรที่ยิ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง
ในฐานะคนตระกูลไป๋ ทุกคนแทบจะเข้าใจในยาและวิชาแพทย์ แต่ไป๋หมิงฉีกลับให้กำเนิดลูกสาวโง่ๆ คนหนึ่งออกมา เดิมทีเขายังคิดว่าจะถ่ายทอดทักษะทางการแพทย์ให้กับเซี่ยหยูหว่านผู้เป็นหลาน
สุดท้ายเซี่ยหยูหว่านกลับบอกตนเองว่าไม่มีทักษะทางการแพทย์ นี่มัน....แปลกประหลาดไปแล้ว
ดูเหมือนว่า ตาแก่นั่นจะเอาของซ่อนเอาไว้ในมือของตัวเอง คงจะต้องหาเวลาไปเยี่ยมเยียนเขาสักหน่อยแล้วล่ะ
เห็นสีหน้าของคุณลุงที่เปลี่ยนจากเคร่งเครียดเป็นครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ภายในใจของเซี่ยหยูหว่านก็คาดเดาถึงความเป็นจริงของ"คุณลุง"ท่านนี้
"โอเค ในเมื่อคุณทำไม่ได้ เช่นนั้นลุงก็จะไม่ฝืนใจคุณหรอก ช่วงนี้คุณตาของคุณสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีไหม?"
คำทักทายสองสามคำนี้ ก็ทำให้เซี่ยหยูหว่านค่อนข้างนั่งไม่ติด และสายตาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังสมุนไพรคืนชีพเจ็ดดาวต้นนั้น
"เช่นนั้น....คุณลุง ยานี้....ฉันสามารถเอาไปได้ไหมคะ?"
พอเซี่ยหยูหว่านพูดจบ บนใบหน้าที่มองคุณลุงท่านนี้ปรากฏความเจ็บปวดใจอย่างเห็นได้ชัด
"เอาไปเถอะ"
คำตอบนั้นดูหมดอาลัยตายอยาก และโบกมือให้
หญิงสาวได้ยินเช่นนี้ ทันใดก็เงยหน้าอันงดงามของตัวเองขึ้น และยิ้มให้เขาอย่างงดงามและสดใส "คุณลุงช่างใจกว้างจริงๆ เช่นนั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะคะ ขออวยพรให้คุณลุงอายุยืนเป็นร้อยๆ ปี หากมีเวลาว่างฉันจะมาเยี่ยมนะคะ"
ไป๋หมิงเย่า: "......."
ยัยเด็กคนนี้พอได้ประโยชน์ก็ปากหวานเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ฉันไม่อยากฟัง คุณรีบไปเสียเถอะ!
เมื่อคนทั้งสองออกมาจากในห้องคนที่อยู่ด้านนอกก็แทบจะออกไปกันหมดแล้ว ภายในห้องโถงใหญ่ไร้ซึ่งผู้คน และแสงไฟก็หรี่ลงเล็กน้อย
มีเพียงแค่ไฟสองดวงตรงมุมเท่านั้นที่เปิดอยู่ และส่องสว่างบริเวณรอบๆ
ชายคนหนึ่งกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ ชุดสูทสีดำหลอมรวมเขาเข้ากับความมืดมิด ราวกับประติมากรรมน้ำแข็งอันโดดเดี่ยว
กลิ่นอายของความเยือกเย็นตลบอบอวลไปทั่วทั้งร่างกาย ราวกับได้เข้าสู่ฤดูหนาวก่อนกำหนด
ดวงตาอันลึกซึ้งคู่นั้นจับจ้องมองเขม็งมาที่คนทั้งสองที่อยู่อยู่บนบันได มือทั้งสองที่วางอยู่ข้างๆ กางเกงกำแน่นจนกลายเป็นหมัด
เธอยิ้มอย่างมีความสุขเป็นอย่างมาก
ระยะห่างระหว่างเธอกับไอ้ชายกระจอกคนนั้นไม่ถึงครึ่งเมตร ช่างไม่มีความละอายใจแม้แต่น้อยเลยจริงๆ
"หว่านหว่าน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ฉันไปส่งคุณกลับบ้านนะ"
ตอนนี้ในมือของเธอมีสมุนไพรคืนชีพเจ็ดดาวมูลค่าสามสิบล้านอยู่ หากมีคนที่มีเจตนาไม่ดีต่อเธอขึ้นมาจะทำอย่างไรกัน?
แต่พอเจียงเส้าเหยียนพูดจบ เซี่ยหยูหว่านก็ปฏิเสธเขาอย่างไร้ความปรานี "ไม่ต้องหรอกค่ะ บ้านของคุณกับบ้านของฉันอยู่กันคนละเส้นทางโดยสิ้นเชิง"
"เช่นนั้นคุณก็ไปพักที่บ้านของฉันเลยสิ บ้านของฉันมีห้องจำนวนมาก คุณนอนได้ตามสะดวกเลย หรืออยากจะนอนบนเตียงของฉันก็ไม่มีปัญหานะ"
เสียงหัวเราะที่ดึงดูดของชายหนุ่มดูชัดเจนเป็นพิเศษในความมืด
เขาคล้ายกับเป็นพรานที่มีน้ำอดน้ำทนคนหนึ่ง เพื่อล่อลวงให้เหยื่อติดกับของตนเอง
ฟู่เจวี๋ยเซินก็ได้ยินคำพูดของเขาเช่นเดียวกัน จึงมองไปยังเซี่ยหยูหว่านด้วยสายตาอันเคร่งขรึม ในเวลานี้มองไม่เห็นสีหน้าของหญิงสาวได้ชัดเจน แต่มืออันขาวผ่องของเธอที่จีบอยู่บนแขนของชายหนุ่มมันช่างบาดตาเป็นอย่างยิ่ง
"ฉันคงจะไม่ไปหรอกค่ะ ถึงแม้ว่าบ้านคุณจะดีมาก แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอกค่ะ"
"หว่านหว่านช่างใจดำจริงๆ ปล่อยให้ฉันอยู่อย่างโดดเดี่ยวในห้องอันว่างเปล่าอีกแล้ว"
เดี๋ยวนะ ทำไมน้ำเสียงนี้มันช่างดูเหมือนสามีบ่นภรรยาเลยล่ะ!
ฉากทั้งหมดที่พวกเขาพูดหัวเราะต่อกระซิกกันล้วนอยู่ภายใต้สายตาของฟู่เจวี๋ยเซิน และความโกรธเคืองที่ไม่อาจอธิบายได้ก็พรั่งพรูขึ้นในหัวใจของเขา ซึ่งยิ่งช่วยยืนยันข้อเท็จจริงที่ว่าเซี่ยหยูหว่านมีกิ๊กตั้งแต่ก่อนแต่งงาน
แต่ไหนแต่ไร มีเพียงแค่ผู้หญิงที่ฟู่เจวี๋ยเซินไม่ต้องการ!
เมื่อตระหนักได้ถึงสายตาอันเยือกเย็นที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหารที่กำลังจ้องมองตนเอง เซี่ยหยูหว่านจึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ
เธอมองตรงไปยังดวงตาที่คุ้นเคยคู่นั้น
แสงไฟส่องลงมาที่ครึ่งหนึ่งของใบหน้าชายหนุ่ม หน้าผากอันเอิบอิ่ม จมูกที่โด่งเป็นสันและริมฝีปากบางที่เม้มจนแน่นทำให้เค้าโครงใบหน้าสมบูรณ์แบบ
เมื่อผสมผสานลายเส้นอันเย็นชาและแข็งกระด้างเข้ากับใบหน้าอันสมบูรณ์แบบของเขา ก็ดูมีความหมายลึกซึ้ง ราวกับฉากในภาพยนตร์
ฟู่.....ฟู่เจวี๋ยเซิน?
ทำไมเขายังไม่ไปอีกล่ะ?
ชายหนุ่มนำมือข้างหนึ่งสอดในกระเป๋ากางเกง ข้าอันเรียวยาวเดินไปยังทิศทางของเซี่ยหยูหว่าน
เจียงเส้าเหยียนเห็นเช่นนี้ ก็มาขวางตรงหน้าของเซี่ยหยูหว่านทันที ทำท่าเป็นผู้พิทักษ์อย่างเต็มตัว
"คุณคิดจะทำอะไร?"
"ไสหัวไป"
ฟู่เจวี๋ยเซินจ้องมองเซี่ยหยูหว่านไม่เคลื่อนสายตาไปไหน สายตาเยือกเย็นจนผิดปกติ สีหน้าไม่เป็นมิตร
สีหน้าของเจียงเส้าเหยียนเปลี่ยนไป ยิ่งไม่อาจหลีกทางให้เขาได้
"คุณมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้ฉันถอยไป ตอนนี้ฉันเป็นคนปกป้องหว่านหว่าน และเธอก็ไม่ได้ต้องการพบคุณ คุณควรจะไสหัวไปจากตรงนี้ซะ!"
ในฐานะทนายความเหรียญทอง เจียงเส้าเหยียนจึงได้พบกับบุคคลที่มีหน้ามีตาไม่รู้มากมายแค่ไหน
แต่รังสีอันแข็งแกร่งของฟู่เจวี๋ยเซิน ทำให้เขาค่อนข้างหวาดกลัว
"เซี่ยหยูหว่าน ฉันมีเรื่องที่อยากจะพูดคุยกับคุณ บอกให้ชายชู้ของคุณรีบไสหัวไปซะ เพราะฉันไม่รับประกันว่าอีกสักครู่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น"
ชายชู้?
เมื่อเธอได้ฟังคำสองคำนี้ ภายในใจก็จมดิ่ง
เขามองตนเองเป็นแบบนี้เหรอ?
จึงหันหน้าไปมองเจียงเส้าเหยียนด้วยรอยยิ้มอันหวานหยาดเยิ้ม จากนั้นมืออันขาวผ่องก็ตบที่ไหล่ของเขาเบาๆ แล้วกล่าวกระซิบว่า: "เส้าเหยียน คุณไปรอฉันที่ด้านนอกนะ"
"เอ่อคือ......"
เจียงเส้าเหยียนยังคงชำเลืองมองฟู่เจวี๋ยเซินด้วยสายตาที่ไม่ค่อยไว้วางใจ แต่ในที่สุดก็พยักหน้าตอบรับ
"เช่นนั้นฉันไปรอหว่านหว่านด้านนอกนะ ถ้าหากเขากล้าทำอะไรที่ไม่เอื้อผลต่อคุณ คุณเรียกฉันได้ทุกเมื่อเลยนะ"
"โอเคค่ะ"
เส้าเหยียน หว่านหว่าน.....เรียกชื่อกันได้สนิทสนมจริงๆ
ก่อนที่จะไป เจียงเส้าเหยียนยังคงชำเลืองมองชายหนุ่ม ในขณะที่เดินเฉียดไหล่จะผ่านไป ได้ทำการกล่าวเตือนข้างหูของเขาด้วยเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคนว่า: "ถ้าคุณกล้ารังแกหว่านหว่าน ฉันจะทำให้คุณต้องเสียใจ"
ฟู่เจวี๋ยเซินชำเลืองมองเขาที่เดินผ่านหน้าตนเองไปด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย กระทั่งคำกล่าวเตือนนั้น ก็ถูกเขาเพิกเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยสิ้นเชิง
ในที่สุด ภายในห้องโถงก็กลับมาเงียบสงบดังเดิมอีกครั้ง
ภายใต้แสงไฟอันมืดสลัว เหลือเพียงแค่คนสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน เซี่ยหยูหว่านหัวเราะเยาะ มือทั้งสองกอดอกมองเขา
"ประธานฟู่ต้องการจะพูดอะไรกับฉันเหรอคะ? ชายหญิงอยู่กันตามลำพังภายในห้องโถงเช่นนี้ เกรงว่าอาจจะทำให้คนคนนั้นที่คุณหมายปองหึงหวงหรือเปล่า?"
ได้ยินเธอหัวเราะเยาะตนเอง ฟู่เจวี๋ยเซินก็ขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยจิตสำนึก แต่ก็ยังคงเย็นชา
เขาเดินเข้าไปใกล้อีกก้าวหนึ่ง แล้วเอ่ยปากขึ้นว่า: "ว่ามา คุณต้องการเงินเท่าไร?"
เมื่อหญิงสาวฟังจบก็หัวเราะออกมาอย่างโอเวอร์ และนำนิ้วมือของเธอตีเบาๆ ที่แขนอย่างต่อเนื่อง แล้วยิ้มราวกับนังจิ้งจอกตัวน้อย ที่ทำให้คนหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง
"อะไรกัน? ต้องการเงินเท่าไรอะไรเหรอ? ที่ประธานฟู่ถามคือ นอนด้วยกันคืนหนึ่งเท่าไรเหรอ?"
"เซี่ยหยูหว่าน!"
เสียงอันโมโหเดือดดาลดังขึ้นข้างหูของเธอ ชายหนุ่มหันหลังให้กับแสงไฟ ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นก็เต็มไปด้วยความมืดมิด
เธอเสื่อมทรามขนาดนี้เลยเหรอ!
"อ๋อ เช่นนั้นฉันก็เข้าใจผิดแล้วล่ะ ประธานฟู่อย่าโกรธเลยนะ ในเมื่อคุณไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้ คุณก็อย่าทำให้เสียเวลาการอยู่ร่วมกันของฉันกับชายชู้ของฉันเลย"
เมื่อเปรียบเทียบกับความโกรธเดือดดาลของเขา เซี่ยหยูหว่านก็ดูสงบนิ่งอย่างเห็นได้ชัด
กระทั่งคำว่า"ชายชู้"สองคำที่กัดฟันพูดออกมา ก็ฟังดูชัดเจนเป็นพิเศษ
ท่าทีที่ทำหน้าทะเล้นของเธอนี้ ทำให้ความโกรธที่ฟู่เจวี๋ยเซินที่อดกลั้นมานานพังทลายลงอีกครั้ง จึงยื่นมือไปคว้าข้อมืออันขาวผ่องของเธอเอาไว้
"ไม่ให้ไป!"
