ตอนที่ 9 ก็เมียพี่
“เอาน่า อย่าเพิ่งโกรธเลย พี่แค่อยากให้คนมองว่าชมพูอยู่กับพี่เพราะฐานะน่ะ” หญิงสาวนั่งหน้าตึงจนกลับมาถึงคอนโด จนชยกรต้องยอมง้อเธอ
“แต่ถ้าชมพูไม่รู้ คนอื่นมองชมพูโง่ค่ะ”
“ขอโทษครับ”
“ชั่งเถอะค่ะ ชมพูไม่ได้อยู่ในสถานะอะไรที่จะไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่ได้”
ชมพูแพรพูดตัดบทหน้าตาเฉยแล้วลงจากรถไปโดยไม่ได้รอเขา เธอรีบกดลิฟต์เพื่อกลับขึ้นห้องและไม่ได้สนใจเขาอีก
หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวเตรียมจะไปผับตามที่นัดกับเพื่อนไว้โดยไม่ได้สนใจเจ้าของผับ แม้ว่าเขาจะเข้ามานอนเล่นอยู่บนเตียงในห้องนอนของเธอก็ตาม
“เดี๋ยวนะ โป๊ไปไหม” ชายหนุ่มทักขึ้น
คนตัวเล็กที่เพิ่งแต่งหน้าเสร็จออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำแล้วกลับเข้ามาในห้องนอน เธอก้มลงมองชุดตัวเองก่อนจะขมวดคิ้ว
วันนี้ชมพูแพรใส่ชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีดำ เน้นให้เห็นรูปร่างบอบบางแต่มีทรวดทรงของเธอให้น่ามองมากขึ้น
“ก็ไม่นะ คนอื่นก็ใส่กันนี่คะ”
“ก็นั่นคนอื่น แต่นี่ชมพู” เขาเถียงอย่างไม่พอใจ
“อ้าว แล้วทำไมชมพูจะใส่ไม่ได้ นี่มันเนื้อตัวชมพูนะ” หญิงสาวเองก็ไม่ยอมเล่นกัน
“ต้องให้พูดอีกกี่ครั้งล่ะ ก็เราเป็นเมียพี่ไง”
“พูดเต็มปากจัง” หญิงสาวเบะปากด้วยความหมั่นไส้
“หรือไม่จริง” ชายหนุ่มลุกขึ้น ขยับตัวมานั่งตรงขอบเตียง แล้วเอื้อมมือคว้าร่างเล็กให้เดินเข้ามาใกล้
“มอบสถานะนี้ให้เลยเหรอคะ” ชมพูแพรเดินเข้ามายืนตรงกลางหว่างขาเขาที่กางอยู่อย่างว่าง่าย
“ครับ”
“กี่คน”
“คนเดียวครับ”
หญิงสาวทำสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่ได้เชื่อเขาเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่ร่างบอบบางจะปลิวลงไปนอนบนเตียงพร้อมกับที่ร่างสูงจะพลิกกลับมาคร่อมเธอเอาไว้ในเสี้ยวนาที
“เปลี่ยนเสื้อผ้าครับ”
“ไม่เปลี่ยนไม่ได้เหรอคะ”
“ไม่ได้ครับ พี่หวง ไม่ชอบให้ใครมองเมียพี่”
“ทำยังไงดีคะ ชมพูชอบแต่งตัวแบบนี้ซะด้วย” หญิงสาวพูดลอยหน้าลอยตาตั้งใจแกล้งเขา
ก่อนที่ร่างเล็กจะสะดุ้งเมื่อข้อมือถูกรวบกดลงกับที่นอน พร้อมกับดวงตาคมที่มองเธออย่างจริงจัง
“งั้นก็ต้องมีของรางวัลที่พี่ยอมให้ใส่ครับ”
“ของรางวัลอ๊ะ.....”
ชมพูแพรอุทานตกใจ เมื่อชยกรโน้มตัวลงแนบชิดแล้วปิดปากเธอด้วยจุมพิตร้อนที่กวาดต้อนเรียวลิ้นเล็กอย่างช่ำชอง
หญิงสาวตกใจจนเผลอดิ้นรนจนเจ็บข้อมือ แต่เมื่อคิดได้ว่ามันไม่น่าจะมีประโยชน์ และเขาจะไม่ทำร้ายเธอก็นิ่งลง
เมื่อเห็นว่าชมพูแพรหายตกใจ ชายหนุ่มก็ถอนริมฝีปากออกแล้วเคลื่อนใบหน้าลงมาที่เนินอกอิ่มที่โผล่พ้นขอบชุดเดรสเกาะอก แนบริมฝีปากลงไปเบาๆ ร่างเล็กสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ด
ชมพูแพรนอนนิ่งแบบนั้นอยู่หลายนาที จนเมื่อชยกรพอใจก็ยอมปล่อยข้อมือเล็กแล้วช่วยดึงให้เธอลุกขึ้นนั่ง
“รอยเต็มเลย” หญิงสาวบ่นพึมพำ
“ก็เมียดื้อนี่ครับ ก็ต้องมีรางวัลค่าตามใจกันหน่อย”
เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กบ่นพึมพำไม่เลิก ชายหนุ่มก็ดึงให้หญิงสาวลุกขึ้น พาเธอออกจากห้องนอนไปหยิบกระเป๋าที่หน้าโซฟา แล้วโอบเอวบางออกจากห้องไป
‘แกอยู่ไหนพวกฉันมาถึงแล้ว’
“เพิ่งถึง กำลังจะเข้าไป แกไปรอแถวหน้าบาร์”
‘เค’
ชมพูแพรเดินนำเข้าไปหาเพื่อนๆ โดยไม่ได้รอชยกร เพราะคิดว่ายังไงชายหนุ่มก็น่าจะขึ้นไปที่ห้องทำงาน ไม่ได้มาอยู่รวมกับพวกเธออยู่แล้ว จนเมื่อมาเจอเพื่อนที่นั่งรออยู่หน้าบาร์ก็เข้าไปหาพร้อมกับทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส
“หยุด อย่าเพิ่งพูด ได้ส่องกระจกก่อนออกจากบ้านมาไหมเนี่ย” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไร ก็ถูกพศินเบรกเอาไว้
“ไม่ต้องส่องก็รู้” ชมพูแพรเบะปากใส่เพื่อน
“ยังไง” ปรางค์วลัยเองก็ชะโงกหน้ามาด้วยความสนใจ
“ก็รอยเนี่ย ได้ก่อนออกมา เหตุผลเพราะใส่ชุดนี้” คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มพูดเสียงงุ้งงิ้งงอแง
“หวงแหละไม่ต้องเดา พี่หมอ.....สวัสดีค่ะ” พศินหันไปทักทายผู้ที่เดินเข้ามาสมทบด้วยท่าทางที่ใส่จริตเต็มที่
“สวัสดีครับ”
“มาเฝ้าผับเหรอคะ”
“เปล่าครับ มาเฝ้าเมีย”
“.....” เกิดเหตุการณ์เดดแอร์ เมื่อทั้งสามสาวทั้งแท้และไม่แท้พากันนิ่งไป
“ดื่มอะไรสั่งกันเลยนะ วันนี้ผมเลี้ยงเอง เดี๋ยวเพื่อนผมตามมาสมทบอีกคนนะ ไปนั่งโต๊ะใหญ่หน่อยไหม” ชยกรยิ้มแล้วชี้ไปยังชุดโซฟาชุดใหญ่สำหรับหลายคน
“ได้เลยค่ะ แล้วแต่เข้ามือเลยค่ะ” พศินร้องวี้ดว้ายชอบใจ
ชมพูแพรเบะปากอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่เธอจะโดนคนตัวสูงโอบเอวจนแทบจะปลิวให้เดินตามเขาไปยังชุดโซฟา
“ใครจะตามมาคะ หมอเมฆเหรอ”
“ใช่ มันโทรมาถามตอนจอดรถว่าอยู่ไหน พอบอกว่าอยู่ผับก็บอกจะตามมา”
“สายปาร์ตี้เหรอคะ”
“ประมาณนั้น แต่เห็นแบบนั้นมันโสดนะ เพราะความปากหมาของมันนั่นแหละ”
“แรงค่ะ”
“พูดเรื่องจริง”
เมื่อมาถึงโซฟาชุดใหญ่ ทั้งสี่คนก็ทยอยนั่งลงพร้อมกับที่พนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามารับออเดอร์
“ลงบัญชีฉันไว้” ชายหนุ่มสั่งลูกน้องเสียงเรียบนิ่งจนแม้แต่ชมพูแพรยังหันไปมองด้วยความแปลกใจ
หลังจากที่สั่งเครื่องดื่มและอาหารทานเล่นกันเสร็จเรียบร้อย พนักงานก็เดินออกไป พศินนั่งเหล่หนุ่มๆ ตาวาว ปรางค์วลัยถึงกับหัวเราะเพื่อน
“ไม่เคยเห็นพี่หนึ่งเสียงดุแบบนั้น” ชมพูแพรพูดกับเขาด้วยความแปลกใจ
“คนละบริบทไง เป็นหมอก็ต้องอีกแบบไหมล่ะ ถ้าดุ คนไข้ก็จะกลัว การรักษาหรือสอบถามอาการก็จะยาก แต่ถ้าอยู่ในบริบทเจ้านายจะใจดีนุ่มนวลแบบตอนเป็นหมอมากก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นลูกน้องจะไม่เกรงใจ” ชยกรอธิบายให้หญิงสาวฟัง พร้อมกับดึงให้หญิงสาวขยับเข้ามานั่งข้างๆ วางแขนพาดบนไหล่บอบบางแสดงความเป็นเจ้าของ
“โอ๊ย คุณหมอขา ยัยชมพูไม่หายหรอกค่ะ ไม่น่าจะมีใครกล้ามาเต๊าะด้วย รอยเต็มคอตัวหน้าอกขนาดนั้น” พศินที่หันมาชมเครื่องดื่มเห็นอาการของชยกรก็แซวด้วยความขำขัน
“ไม่ได้สิครับ มีเมียดื้อก็ต้องคอยคุมหน่อย” ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในโต๊ะตอบเสียงนุ่ม
พศินทำท่าทางหมั่นไส้เมื่อเห็นชมพูแพรเบะปาก ปรางค์วลัยนั่งดื่มเงียบก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
“คุณ.....”
“พินนี่ค่ะ”
“ครับ คุณพินนี่ ผมฝากเมียสักครู่นะ ขอไปสูบบุหรี่หน่อย” ชยกรบอกพศินที่กำลังมองหนุ่มๆ ก่อนจะลุกออกจากโซฟา
“เชิญเลยค่ะ” พศินพยักหน้ารับ
พ้นหลังชยกรไป ชมพูแพรกับพศินมองหน้ากันแล้วยิ้ม ก่อนที่จะพากันออกไปเต้นเมื่อทางสะดวก ชมพูแพรเป็นผู้หญิงรูปร่างบอบบางแต่ไม่ผอมแห้ง เธอมีทรวดทรงที่สวยงามและผิวที่ขาวจนอมชมพู มารดาของเธอถึงได้ตั้งชื่อว่าชมพูตามสีผิวของเธอ
ปรางค์วลัยกลับมาที่โต๊ะก็ไม่เจอใครอยู่แล้ว เธอมองไปรอบๆ ก็เห็นเพื่อนเต้นกันอยู่ไม่ไกล ตอนแรกตั้งใจจะออกไปเต้นด้วย แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แล้วกลัวของหาย จึงตัดสินใจอยู่นั่งเฝ้าของแล้วดื่มไปเรื่อยๆ