ตอนที่ 6 ฉันไม่อยากเป็น…
“กลับบ้านเหรอ บ้านหลังไหนล่ะ บ้านที่อเมริกา หรือบ้านหลังสีขาวที่มีสวนดอกไม้และชิงช้าอยู่หน้าบ้าน”
พริมาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ บ้านที่เขาพูดถึง คือบ้านของแม่เธอที่ประเทศไทย ที่ตอนนี้แม่ของเธอกลับไปรออยู่ที่บ้านหลังนั้นเพียงลำพัง เพราะพี่สาวของแม่ที่รั้วบ้านติดกันที่คอยดูแลบ้านให้มาตลอดสิบกว่าปีเพิ่งเดินทางไปเยี่ยมลูกสาวที่ทำงานอยู่ที่จังหวัดทางภาคใต้เมื่อไม่กี่วันนี่เอง
“คุณหมายความว่ายังไง”
“แม่ของคุณ อยู่คนเดียวใช่ไหม พ่อของคุณไม่ได้ส่งคนมาดูแลนี่”
คนตัวบางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ภาวนาขอให้สิ่งที่เขากำลังจะทำ ไม่ใช่สิ่งที่เธอกำลังคิดจินตนาการฟุ้งซ่านอยู่ในตอนนี้
“คุณ ต้องการอะไร”
“ต้องการให้คุณมาเป็นนางบำเรอของผม อยู่รอดูความพินาศของพ่อคุณข้างๆ ผม ทำทุกอย่างตามที่ผมสั่งอย่างไม่มีข้อแม้ แล้วแม่ของคุณจะปลอดภัย”
“อย่าทำอะไรแม่ของฉันนะ ท่านไม่เกี่ยว เรื่องนี้มีแค่พ่อกับฉันที่รู้เห็นกันแค่สองคน”
“อันนี้มันอยู่ที่คุณแล้วล่ะ ว่าอยากจะให้แม่ของคุณอยู่ในบ้านหลังนั้นอย่างปลอดภัย หรืออยากจะให้คนของผมเข้าไปอุ้มแม่คุณไปฝังกลบไว้ที่ไหนซักที่ อาจเป็นทะเลทรายในประเทศที่ห่างไกล หรือกลางมหาสมุทรดีล่ะ”
“อย่าทำอะไรแม่ฉันนะ ไม่งั้นฉันฆ่าคุณแน่”
“ผมแนะนำว่าเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะทูนหัว เพราะสิ่งที่คุณทำกับผม มันร้ายแรงจนผมอาจจะละเว้นโทษตายให้คุณไม่ได้ก็ได้ ถ้าคุณยังไม่ยอมทำในสิ่งที่ผมต้องการ”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันไม่ได้มีความสำคัญกับพ่อ ต่อให้คุณจะให้ฉันเป็นนางบำเรอหรือเป็นทาส พ่อก็ไม่สนใจ ไม่รู้สึกเสียหน้าหรือเสียศักดิ์ศรีหรอก เพราะไม่มีใครรู้จักฉันกับแม่ทั้งนั้น หรือต่อให้ฉันตาย พ่อก็ไม่มีวันสนใจหรือรู้สึกผิดหรอก ถ้าคุณมีความแค้นกันก็ไปแก้แค้นเอาเองสิ ฉันเกี่ยวอะไรด้วย”
“เกี่ยวสิ เพราะคุณคือลูกของมัน และคุณคือนางนกต่อเข้ามาทำให้ผมไว้ใจ แล้วเอาข้อมูลของผมกลับไปบอกมัน จนมันชนะประมูลผมอย่างเฉียดฉิว คุณทำผมเสียหายเป็นเงินมหาศาล ชีวิตคุณแค่ชีวิตเดียว ความจริงมันไม่พอด้วยซ้ำ”
ดวงตาคมดุวาวโรจน์ขึ้นอีกครั้ง จนคนตัวบางสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือ
“ถ้าคุณคิดจะให้ฉันกลับไปหาพ่อแล้วล้วงเอาความลับของพ่อมาให้คุณบ้าง บอกเลยว่าไม่มีวันเป็นไปได้ ฉันไม่เคยทำงานกับพ่อ ไม่ได้สนิทสนมหรือสุงสิงกันมากมาย และครอบครัวของพ่อไม่มีวันให้ฉันเข้าไปเป็นพนักงานที่นั่น”
“เรื่องนั้นผมไม่ทำอยู่แล้ว วิธีสกปรกแบบเด็กอ่อนหัด คนอย่างผม ถ้าจะเล่นสกปรก มันโสมมได้กว่านั้นเยอะ”
“ฉันไม่อยากเป็นนางบำเรอของคุณ”
“ผมก็ไม่ได้พิศวาสอะไรคุณนักหรอกนะพริมา อย่าสำคัญตัวผิด แต่เสียใจด้วยที่ต้องพูดว่า คุณไม่ได้มีทางเลือกขนาดนั้น”
คนตัวบางนิ่งไป สมองของเธอพยายามคิดหาวิธีรอดออกไปจากมาเฟียอย่างเขา แต่ดูแล้วมันไม่ง่ายเลย บ้านที่เธอแอบเปิดผ้าม่านมองเมื่อตอนบ่าย มีรั้วรอบขอบชิด ลูกน้องร่างใหญ่เฝ้ายามแทบทุกจุดของตัวบ้าน และมองออกไปนอกรั้วก็พบเพียงต้นไม้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่อยู่ส่วนไหนของอเมริกา
ลำพังตัวเธอไม่เท่าไหร่ จะทำอะไรสิ้นคิดขนาดไหนก็ได้ แต่แม่ของเธอนี่สิ ที่ป่านนี้คงมีคนของเขาเฝ้าอยู่เต็มหน้าบ้าน แค่เพียงเกิดอะไรขึ้นนิดเดียว เขาคงโทรหาคนของเขาให้เข้าไปรวบแม่ของเธอได้โดยง่าย และมาเฟียที่มีเบื้องหลังดำมืดฆ่าคนเป็นผักปลาอย่างเขาคงไม่เก็บแม่เธอเอาไว้ดูเล่น
“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง ว่าถ้าฉันยอมเป็นนางบำเรอคุณแล้วแม่ฉันจะปลอดภัย”
“ผมจะให้คุณใช้โทรศัพท์ได้เฉพาะตอนที่อยู่กับผมเท่านั้น คุณสามารถโทรหาแม่คุณได้ทุกวัน แต่แค่แม่ของคุณคนเดียวเท่านั้นนะ”
“ตอนนี้ฉันอยากคุยกับแม่ก่อน ฉันต้องมั่นใจว่าแม่ยังปลอดภัยอยู่ อีกอย่างป่านนี้ฉันควรถึงบ้านแล้ว แม่อาจกำลังรอฉันอยู่”
“หึ ต่อรองเก่ง แต่เอาเถอะ เห็นแก่ผู้หญิงแก่ๆ ที่น่าสงสารอย่างแม่ของคุณ ผมจะให้คุณโทรหา แต่ช่วยพูดให้ตรงกับที่ผมส่งข้อความไปหาแม่คุณเมื่อคืนก็แล้วกัน”
“คุณส่งข้อความอะไรไปให้แม่ฉัน”
“อ้าว ในเมื่อคุณไม่ได้กลับเพราะต้องอยู่กับผม ผมเลยส่งข้อความไปบอกว่าที่บริษัทมีงานด่วน ทำให้เดินทางไม่ได้ และจะโทรกลับมาเองถ้าสะดวก”
คนตัวบางถอนหายใจอย่างโล่งอก ถือว่าเขาก็รอบคอบและพอมีมโนธรรมอยู่บ้าง ที่ยังอุตส่าห์ส่งข้อความหาแม่ ทำให้แม่ของเธอไม่กังวล ถึงแม้จะเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ทำเพื่อให้แม่เธอไม่ระแคะระคายแล้วอาจนำมาซึ่งการโทรไปหาพ่อ และการที่เธอโดนเขาจับตัวมาคงไม่เป็นความลับอีกต่อไป
“ว่าไง อยากโทรหาแม่ไหม”
“โทรสิ แล้วก็ลงไปจากตัวฉันเสียที หนักจะแย่อยู่แล้ว”
“หึหึ ได้”
แมทธิวถอดถอนตัวตนใหญ่โตที่แทบไม่ยอมหดตัวออกจากร่องรักของเธอช้าๆ น้ำรักขาวขุ่นผสมกับเลือดสาวบริสุทธิ์ไหลลงมากองที่ผ้าปูที่นอนอย่างรวดเร็ว และเขาก็นั่งมองภาพร่องรักของเธอที่คายน้ำรักของเขาออกมาหน้าตาเฉย
เจ้าของร่องรักอับอายเหลือแสนกับแววตาคมกริบที่จับจ้องมองดอกไม้ของเธอราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน พยายามจะหุบขาเข้าหากันเพื่อปิดบังส่วนที่น่าอาย แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อเขายังคงนั่งขวางทางเอาไว้
“คุณมองอะไรเล่า ถอยออกไปสิ”
“มาอายอะไรตอนนี้ ดูสิ คุณกลืนน้ำรักของผมเข้าไปเสียเยอะเลย”
“บ้า พอได้แล้ว เอาโทรศัพท์มือถือของฉันมาเสียทีสิ แล้วก็รีบๆ ออกไปเลย”
คนตัวโตกระตุกยิ้มมุมปาก เอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอที่เขาเอาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้มาส่งให้เธอ แต่ก็ยังไม่ยอมลุกออกไปจากที่ว่างกลางหว่างขาทั้งสองข้างของเธออยู่ดี
“คุณ ลุกไปสิคะ ฉันจะโทรหาแม่”
“โทรสิ ผมก็จะอยู่ฟังด้วย เกิดคุณเล่นตุกติกขึ้นมา จะได้จัดการขั้นเด็ดขาด”
“ฉันคุยกับแม่เป็นภาษาไทย คุณจะฟังรู้เรื่องได้ยังไง ถ้าฉันคุยภาษาอังกฤษแม่ต้องรู้แน่ว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับฉันแล้ว”
“โอเค ผมจะลองเชื่อใจคุณสักครั้ง แต่ถ้าคุณเล่นตุกติก คุณจะไม่มีวันได้เห็นหน้าแม่ของคุณอีกเลย”
เขาขู่สำทับ เพราะรู้ว่าเธอและครอบครัวก็ไม่ได้ธรรมดา ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกบ้านเล็ก แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา คนเป็นพ่อคงไม่วางเฉยแน่
“รู้แล้วน่า ลงไปสิคะ หรือออกจากห้องไปเลยยิ่งดี”
“ไม่ล่ะ ผมจะอยู่ตรงนี้ คุยธุระของคุณได้เลย ผมให้เวลา 5 นาที”
เธอเม้มปากแน่นด้วยความขัดใจ ตอนนี้เธอเป็นได้แค่เบี้ยล่างของ เขาจะสั่งอะไรก็จำต้องยอมทำตาม เพราะไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่จะไม่ปลอดภัย แต่คนโหดร้ายอย่างเขาดันเอาชีวิตแม่ของเธอมาต่อรอง
มือเล็กเอื้อมไปหยิบผ้าห่มผืนหนามาปิดบังร่างกายเปลือยเปล่าให้พ้นจากสายตาโลมเลีย แล้วกดโทรออกหาแม่ตัวเองทันที ไม่สนใจสักนิดว่าตอนนี้ที่ประเทศไทยจะกี่โมงกี่ยามแล้ว
เธอรอไม่นาน แม่ของเธอก็รับสาย เพียงแค่เสียงหวานที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกชื่อเธอ น้ำตามากมายก็ไหลอาบแก้มนวลทันที
“ว่าไงลูก พรีม”
“แม่คะ..”
พริมาเอ่ยได้แค่นั้น ก็มีก้อนสะอื้นมาจุกอยู่ที่อกไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้อีก น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลไม่ยอมหยุดเสียที จนกลัวว่าคนเป็นแม่จะจับได้เสียก่อนว่าเธอกำลังร้องไห้
“พรีม เป็นอะไรลูก นั่นลูกร้องไห้หรือ เกิดอะไรขึ้น”
แต่ถึงแม้ว่าพริมาจะพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกสักเท่าไร แต่คนที่เลี้ยงดูมาอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เกิด ย่อมรับรู้ถึงความผิดปกตินี้
“เปล่าค่ะแม่ พรีมแค่คิดถึงแม่”
“แล้วลูกจะทำงานเสร็จเมื่อไหร่ มีงานอะไรด่วนเข้ามาเหรอ”
เพราะคำโกหกของมาเฟียร่างยักษ์ตรงหน้า ทำให้แม่เธอเข้าใจไปว่าที่เธอยังไม่สามารถเดินทางกลับไทยได้ตามกำหนดเดิมเพราะที่บริษัทมีงานด่วนแทรกเข้ามา
ก่อนหน้านี้ที่เธอทำข้อตกลงกับคนเป็นพ่อ เธอบอกกับแม่เพียงแค่ว่า เธอจะลาออกไปทำงานบริษัทที่ใหญ่กว่า เพื่อเก็บชั่วโมงบิน ในวันที่พ่อยอมปล่อยเธอกับแม่กลับไทย จะได้มีประสบการณ์การทำงานที่สามารถการันตีได้ว่าเธอจะหางานดีๆ ทำได้โดยไม่พาแม่กลับไปลำบาก
“คือ ทางบริษัทยังหาคนมาแทนพรีมไม่ได้ค่ะแม่ แล้วเขากำลังมีโปรเจกต์ใหญ่ พรีมเลยยังลาออกไม่ได้ ยังต้องอยู่ช่วยงานเจ้านายก่อน”
“นานแค่ไหนลูก”
“พรีมยังไม่แน่ใจเลยค่ะแม่ แม่อยู่คนเดียวได้ไหมคะ”
“สบายมากลูก ไม่ต้องเป็นห่วง กลับมาอยู่บ้านเกิดเมืองนอนเรา แม่รู้สึกอุ่นใจ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนที่พร้อมจะเป็นมิตรกับเรา”
พริมาเม้มปากแน่น กลั้นก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในอก ถ้าหากว่าวันหนึ่ง เธอไม่สามารถกลับไปหาแม่เธอได้ ผู้หญิงที่กำลังจะเข้าสู่วัยชราจะใช้ชีวิตตัวคนเดียวอย่างไร ลำพังเรื่องเงินทอง เธอไม่ห่วงเลย เพราะเงินเก็บในบัญชีของแม่ที่พ่อโอนสะสมไว้ให้ตั้งแต่เธอเกิด แม่สามารถใช้ได้ทั้งชาติยังไม่หมด แต่ในเรื่องของจิตใจนี่สิ แม่เธอจะอยู่ในสภาพไหน ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ
เพราะฉะนั้น เธอจะพยายามอย่างถึงที่สุด ที่จะมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าระหว่างนี้จะเกิดอะไรก็ช่าง ขอแค่วันหนึ่ง เขาเมตตาปล่อยเธอกลับไปหาแม่แบบยังมีลมหายใจ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
“งั้นแม่ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ ช่วงนี้พรีมยุ่งมากจริงๆ ไม่ค่อยได้ใช้โทรศัพท์ ถ้าแม่โทรมาแล้วพรีมไม่รับสายไม่ต้องตกใจนะคะ เดี๋ยวถ้าว่างพรีมจะรีบโทรกลับค่ะ”
“จ้ะ ลูก ตั้งใจทำงานนะ อยู่ทำต่ออีกหน่อยก็ดีเหมือนกัน เพราะที่นี่พรีมยังทำไม่ถึงปีเลย ถ้ามีโปรไฟล์ว่าทำงานที่นี่ครบปีก่อนกลับมาหางานที่ไทย แม่ว่าพรีมน่าจะมีภาษีดีกว่านะลูก”
“ค่ะแม่ พรีมจะพยายามทำให้นานที่สุด รักแม่นะคะ”
“จ้ะ แม่ก็รักลูก”