VI? : เยลลี่กระต่ายและชีสเค้ก
บีเบลยืนกอดอกปล่อยให้คิรัวร์เดินสำรวจไปรอบบ้าน สำรวจยันชั้นเสื้อในกางเกงในของฉัน ไม่พอนะ.. ยังวิจารณ์ไซส์ของฉันว่าเป็นมนุษย์เด็ก มีแค่นี้อย่ามีซะดีกว่า พูดจาน่าถอดรองเท้ามาตบปากซะจริง ตอนนี้อยากจะเดินไปเอาสร้อยพระมาคล้องคอเขาให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ลืมไปว่าหมอนี่ไม่ใช่ผีสาง พระท่านคงทำอะไรยมทูตไม่ได้…
“มีไหมคะท่าน?”
“…เป็นไปไม่ได้”
“เป็นไปแล้วนี่แหละ ที่นี้ก็เข้าใจแล้วนะว่าฉันไม่มีหินอะไรนั่น ทีนี้ก็เชิญ..” ฉันเปิดประตูบ้านพร้อมกับผายมือเชิญให้คิรัวร์ออกจากบ้านฉัน แต่เขาดูอีดออดจนฉันรู้ว่าเขาไม่คิดจะออกไปง่ายๆหากไม่ได้สิ่งที่ปากเขาบอกว่าต้องการ
“ฉันกลับไปไม่ได้ หากไม่ได้ศิลากลับไป”
“ทำไม?”
“เพราะยมทูต เวลาได้รับมอบหมายงานแล้วทำไม่สำเร็จ.. จะถูกยมบาลจัดการ ฉันยังไม่อยากตายทั้งอย่างนี้” คิรัวร์พูดเชื่องช้า เนิบนาบและไม่สนใจว่าฉันจะสนใจกับคำพูดของเขาไหม
“นั่นมันเรื่องของนาย”
“งั้นเรื่องของเธอมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน”
“!!!!”
“ฉันจะไม่กลับ จนกว่าจะได้เบาะแส”
“ยมทูตไม่มีตาทิพย์หรือไง สิ่งมีชีวิตอย่างนายไม่เห็นมหัศจรรย์อย่างที่หนังสือเขียนๆเอาไว้เลย”
“เพราะคนพวกนั้นเขียนพวกฉันขึ้นตามจินตนาการ ไม่ใช่ความจริง”
“…..”
“ห้องนี้ห้องใคร?” คิรัวร์เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องทำงานของพ่อฉัน ตั้งแต่พ่อเสียฉันก็ไม่เปิดเข้าไปอีกเลย อีกอย่าง.. ตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ พ่อก็ไม่ค่อยชอบให้ฉันเข้าไปยุ่มย่ามในห้องนี้เท่าไหร่
“..ห้องทำงานพ่อฉัน”
“เปิด”
“ห้องนี้ถูกล็อคตั้งแต่ก่อนพ่อฉันเสีย แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าพ่อเอากุญแจไปเก็บไว้ที่ไหน”
คิรัวร์นิ่งไป ก่อนจะลองใช้มือสัมผัสกับลูกกลอนขนาดใหญ่ บิดซ้ายบิดขวาจนถึงขั้นออกแรงดึง ประตูนี้ก็ไม่หลุด.. จนในที่สุดจึงตัดสินใจ… ยกมือออกจากลูกกลอน และใช้พลังที่มี ไอความมืดสีดำแผ่ออกมาจากฝ่ามือขาวซีด แล้วทันทีที่ไอดำนั้นกำลังจะลอยพันสัมผัสกับกลอนประตู
พรึ่บ! เหมือนจอภาพที่ฉันเห็นดับวูบไป แล้วจู่ๆก็มีผู้หญิงกับผู้ชายเพิ่มขึ้นมาอย่างละคนใส่ชุดเหมือนที่พวกเราใส่นี่แหละ ก่อนจะหันมาหาฉัน ดวงตาสีแดงของทั้งคู่ทำให้ฉันเดาได้ไม่ยาก พวกนี้.. พวกของคิรัวร์
“บอกแล้วไงว่าจะทำแบบนี้ในโลกมนุษย์ไม่ได้นะ!” หญิงสาวคนนั้นเอ่ยเสียงดุคิรัวร์ก่อนจะตีมือของเขาหลายทีแล้วดึงมือหนากลับมา
“เดี๋ยวก็โดนอาญากฎหรอกท่าน” อันนี้ผู้ชายอีกคนพูด
“ศิลา..”
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ! พี่โดนหมายหัวหลายรอบแล้วนะ ลบความทรงจำของเธอคนนี่ก็ไม่ได้ นี่ยังไม่ทันได้ข้ามวันพี่จะใช้มนต์ยมทูตต่อหน้ามนุษย์แบบนี้ไม่ได้! ปู่ไม่ฟังพี่หรอกนะ!”
พี่เหรอ! ยมทูตมีความสัมพันธ์แบบนี้ด้วยเหรอ?
“พี่? เหรอ?”
“ใช่.. ฉันเป็นน้องสาวพี่คิรัวร์ ..เป็นพี่ชายที่ชอบแหกกฎจนปู่ปวดหัวทุกที.. ฉันนี่สิต้องแบกหน้ารับคำด่า.. เลิกสักทีเถอะนะ ฉันไม่อยากหูชาเวลาโดนเรียกเข้าประชุม!” ประชุม! เปิดโลกทัศน์ฉันมากบอกเลย ตอนนี้อยากจะทิ้งหนังสือทุกอย่างที่เกี่ยวกับยมทูตทิ้งไปให้หมด นี่มันเรื่องอะไรวะเนี่ย!
ฉันแค่จะไปช่วยปลดปล่อยผีสาวตนนั้น แต่ดันได้เจอกับยมทูตถึงสามตน! ไม่สิ.. ก่อนหน้านี้เจอเป็นสิบอะ! น้องสาวคิรัวร์ท่าทางเฉี่ยวเปรี้ยวเดินเข้ามาหาฉัน ก่อนจะยืนเท้าเอวแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ
“..ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆอะ มนุษย์ตัวเล็กแค่นี้ มนต์ของพี่ลบความจำเธอไม่ได้งั้นเหรอ~” พร้อมกับเปลี่ยนเป็นท่ายืนกอดอก กระดิกเท้าดิ๊กๆด้วยนะ.. เป็นพี่น้องที่ต่างกันลิบลับ คนน้องดูพร้อมบวกกับทุกสิ่งที่ขัดใจเธอ แต่คนเป็นพี่กลับ.. นิ่งยังกับเทวรูปตามวิหารอะไรแบบนั้น
“ปู่ส่งเธอมา?” คราวนี้คิรัวร์เอ่ยถาม
“เปล่าหรอก.. ก็ตั้งแต่พี่ลบความจำเธอไม่ได้ ข่าวนี้ก็กระจายไปทั่วปรโลก ฉันกับฟีอาร์ก็เลยจับตาดูพี่นี่แหละ.. แล้วก็เป็นอย่างที่ฉันคิด”
“เธอไม่ควรมาจุ้น พาคริสตัลกลับไปได้ละ” คิรัวร์พูดกับผู้ชายอีกคน.. เขาคงชื่อ ฟีอาร์ ส่วน คริสตัล.. ก็น่าจะชื่อของน้องสาวเขานั่นแหละ
“สัญญาก่อนสิว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก”
“…..”
“ถึงยมบาลจะเป็นปู่เราก็เถอะ แต่พี่ก็รู้นะ ว่าปู่ไม่ลดโทษให้เชื้อสายเพียงเพราะเราเป็นลูกหลาน”
“ฉันมีเยลลี่กระต่าย.. ตู้เย็นชั้นสอง ซองสุดท้ายละ”
“จริงเหรอ!” คริสตัลเปลี่ยนโหมดทันที ดวงตาสีแดงดุๆก่อนหน้า กลายเป็นดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความน่าเอ็นดู ซึ่งคิรัวร์หันมองฟีอาร์ก่อนจะส่งซิกส์อะไรสักอย่างให้ คนคนนี้ถึงได้พยักหน้าก่อนจะเดินไปหาน้องสาวของคิรัวร์แล้วพากันหายตัวไป
“…เยลลี่กระต่าย ทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ดวงจิตของกระต่ายที่เอามาทำเยลลี่ อร่อยพอๆกับเยลลี่รูปหมีบนโลก”
“…..” บีเบลกลืนน้ำลาย ดวงจิตของกระต่าย งั้นหมายความว่า
ครูดดด!! บีเบลถอยหลังครูด ดวงจิตของกระต่าย ทำความเข้าใจของเธอออกไปในทางหลอนนิดๆ
“หิว”
“ที่นี่ไม่มีกระต่ายอะ!”
“ฉันไม่ชอบกระต่าย”
“…..” ก่อนจะหันไปมองประตูดังกล่าวที่เปิดไม่ออก แต่สุดท้ายก็ยอมหันกลับมาหาฉัน
“ชีสเค้ก”
“ห๊ะ?”
“บ้านเธอมีบ้างไหม?” ยมทูตตัวสูงชะลูด ปล่อยไอสีดำจากมือได้ มีร่างที่แท้จริงเป็นโครงกระดูกที่น่ากลัวกำลังถามหาชีสเค้ก… คิดว่าฉันรู้สึกยังไง จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่ชินกับอะไรสักอย่างที่เป็นพวกเขาอะ!
“..มะ ไม่มี นายหมายถึง …ชีสเค้กที่เป็นเค้กจริงๆใช่ไหม?”
“อืม”
“ไม่ได้มีดวงจิตกระต่าย หรือนกอะไรแบบนั้นใช่ไหม?”
“อืม”
“..นายก็ ไปร้านเค้กสิ”
“ที่ไหนละ?” ก่อนจะมีเครื่องหมายคำถามเต็มใบหน้า บีเบลถอนหายใจ ความสัมพันธ์ของเธอกับคิรัวร์คงไม่จบง่ายๆเป็นแน่.. ถ้ามองในแง่ดี ฉันอาจได้คิรัวร์เป็นเพื่อนเพิ่มอีกตน.. เก๋ชะมัด นอกจากจะเห็นผีได้ยังมีเพื่อนเป็นยมทูต ==*
“..เดี๋ยวพาไป”
“ดี”
“แต่ก่อนที่ฉันจะพานายไป ช่วยลบรอยสักหรือปานอะไรที่ใต้ตาออกหน่อยได้ไหม”
“นี่เหรอ?” เขายกมือขึ้นสัมผัสรูปพระจันทร์เสี้ยวที่ใต้ตาซ้าย
“มันทำให้นายดูไม่เหมือนคนปกติ.. พระจันทร์ของนาย.. มันขยับตลอดเวลา” คิรัวร์ยังคงทำหน้านิ่ง ก่อนจะใช้มือสัมผัสรอยสักที่เคลื่อนไหวนั่น มีไออะไรสักอย่างออกมาจากมือแล้วรอยสักนั่นก็หายไป ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็เลยเรียกมันว่ารอยสักไปแบบนั้นแหละ
“แบบนี้โอเค?”
“…อื้ม” แล้วก็ยืนยืดตัวสูงแล้วมองหน้าฉันนิ่งๆ บีเบลถอนหายใจและพยายามตั้งสติ
เอาละ.. ฉันต้องพายมทูตไปกินชีสเค้กที่ร้านเค้กก่อนนะ พลางบอกตัวเองแบบนี้.. อเมซิ่งมากชีวิตฉัน ฉันน่าจะผันตัวจากพนักงานบริษัทมาเขียนนิยายหรือรีวิวชีวิตยมทูตบนโลกมนุษย์! น่าจะทำเงินให้ฉันได้เป็นหลักร้อยล้านอะ